ผื่นระคายสัมผัส หรือ ผื่นแพ้จากระคายเคือง (Irritant contact dermatitis)
- โดย พญ.ชลธิรศน์ ศรีเกษตรสรากุล
- 11 พฤศจิกายน 2564
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร?พบบ่อยไหม?
- ผื่นระคายสัมผัสเกิดได้อย่างไร?
- ผื่นระคายสัมผัสติดต่ออย่างไร?
- ผื่นระคายสัมผัสมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยผื่นระคายสัมผัสได้อย่างไร?
- ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
- รักษาผื่นระคายสัมผัสอย่างไร?
- ผื่นระคายสัมผัสมีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ผื่นระคายสัมผัสมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- เมื่อไหร่ต้องพบแพทย์ก่อนนัด?
- ป้องกันผื่นระคายสัมผัสอย่างไร?/a>
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ผื่นระคายสัมผัส หรือ ผื่นแพ้จากระคายเคือง (Irritant contact dermatitis)
- โรคผิวหนัง (Skin disorder)
- ลมพิษ (Urticaria)
- โรคผื่นแพ้สัมผัสในเด็ก (Childhood contact dermatitis)
- โรคภูมิแพ้ (Allergy)
- ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema)
- ประคบร้อน (Warm compression) ประคบเย็น (Cold compression)
- ผื่นแพ้สัมผัส (Allergic contact Dermatitis)
- ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis)
บทนำ: คือโรคอะไร?พบบ่อยไหม?
ผื่นระคายสัมผัส หรือ ผื่นแพ้จากระคายเคือง (Irritant contact dermatitis) คือ โรคผิวหนังที่เกิดจากผิวหนังแพ้ระคายเคืองต่อการสัมผัสกับสารก่อการระคายเคืองต่างๆ(Irritant) ที่โดยทั่วไปมักเป็นสารเคมี ผื่นสาเหตุนี้เป็นโรคพบได้บ่อย เกิดจากผิวหนังอักเสบจากสัมผัสสารก่อการระคายเคือง/สารเคมีโดยเฉพาะสารทำความสะอาดเช่น สบู่ (โดยเฉพาะชนิดที่ผสมน้ำหอม) น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดพื้น/สุขภัณฑ์ต่างๆ ที่มีฤทธิ์ในการชะล้างไขมันออกจากผิวทำให้ผิวเกิดการอักเสบระคายเคือง
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการศึกษาอัตราการเกิดโรคนี้ต่อจำนวนประชากรชัดเจน เนื่องจากมีความแตกต่างกันในช่วงอายุ ลักษณะการทำกิจกรรม การประกอบอาชีพ ตัวอย่างเช่น บุคลากรทางการ แพทย์ที่ทำงานในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU, Intensive care unit) ที่ต้องมีการล้างมือบ่อยๆ พบว่า 50 % ของบุคลากรกลุ่มนี้มีปัญหามือเกิดผื่นระคายสัมผัส/ผื่นแพ้จากการระคายเคือง
ผื่นระคายสัมผัสเกิดได้อย่างไร? อย่างไร?
ผื่นระคายสัมผัส/ผื่นแพ้จากระคายเคือง เกิดจากผิวหนังอักเสบ เมื่อผิวหนังสัมผัสซ้ำๆกับสารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ที่พบได้บ่อยคือ สารที่มีฤทธิ์ในการชะล้างไขมันออกจากผิวหนังเช่น สารทำความสะอาดต่างๆ สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า นอกจากนี้ยังสามารถเกิดได้จากการสัมผัสสารที่มีฤทธิ์เป็น กรด ด่าง หรือจากการล้างมือบ่อยๆด้วย สบู่ เจลทำความสะอาด หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
ผื่นระคายสัมผัสติดต่ออย่างไร?
ผื่นระคายสัมผัส/ผื่นแพ้จากระคายเคืองมิใช่โรคติดต่อ ไม่มีการติดต่อถึงแม้จะสัมผัสกับผื่นของผู้ป่วย หรือคลุกคลี ใช้เสื้อผ้า หรือของใช้ร่วมกัน หรือแม้แต่ใช้สิ่ง/สารที่ก่อให้เกิดผื่นฯร่วม กัน เช่น ใช้สบู่ร่วมกัน เป็นต้น
ผื่นระคายสัมผัสมีอาการอย่างไร?
ผื่นระคายสัมผัส/ผื่นแพ้จากระคายเคือง พบบ่อยที่สุดที่บริเวณมือ เนื่องจากมือเป็นผิวหนังส่วนที่มีโอกาสสัมผัสกับสารเคมีต่างๆมากในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำงานบ้าน การทำงานอดิเรก ที่มีการสัมผัสสารเคมี อาการจากผื่นระคายสัมผัสที่พบบ่อยจะเป็นการอักเสบของผิว หนังที่ทำให้มี ผิวแห้ง บวม แดง ผิวลอก และมีอาการคัน
ผิวหนังบริเวณอื่นของร่างกายที่สัมผัสกับสารเคมี/สารก่อการระคายเคืองก็สามารถเกิดผื่นระคายสัมผัสได้เช่นกันเช่น ผืนบริเวณต้นขาที่เกิดจากขณะล้างห้องน้ำแล้วน้ำยาล้างห้องน้ำกระเด็น ใส่ ก็เกิดเป็นผื่นแดง บวม คัน ระคายเคืองได้ เป็นต้น
แพทย์วินิจฉัยผื่นระคายสัมผัสได้อย่างไร?
โรคผื่นระคายสัมผัส/โรคผื่นแพ้จากระคายเคืองนี้ การวินิจฉัยทำได้จาก
- แพทย์สอบถาม ประวัติอาการ ประวัติสัมผัสสารเคมีหรือสารก่อการระคายเคืองต่างๆ
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจรอยโรคที่ผิวหนังโดยเฉพาะส่วนที่เชื่อมโยงกับประวัติการสัมผัสสารเคมี
- ร่วมกับการตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ว่ามิได้เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น
-
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด หรือ
- โรคภูมิแพ้
*ทั้งนี้ยังไม่มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการเฉพาะเพื่อการวินิจฉัยโรคนี้
ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
หากมีผื่นคัน ระคายเคือง บวม แดง ที่สงสัยเกิดจากการระคายเคืองจากการสัมผัสสารเคมี สามารถพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยได้เสมอ
รักษาผื่นระคายสัมผัสอย่างไร?
การรักษาผื่นระคายสัมผัส/ผื่นแพ้จากระคายเคือง คือ
- การเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่เป็นสาเหตุ
- หมั่นทาโลชั่นให้ความชุ่มชื้นผิวชนิดอ่อนโยนต่อผิว (Hypoallergenic lotion) เพื่อลดการระคายเคืองของผิว
- อาการผิวหนังอักเสบ บรรเทาอาการด้วยการทายาสเตียรอยด์ และรับประทานยาแก้แพ้ บรรเทาอาการคัน
ผื่นระคายสัมผัสมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากผื่นระคายสัมผัส/ผื่นแพ้จากระคายเคือง หากไม่รักษาความสะอาด เกาบริเวณผิวหนังอักเสบเป็นแผล อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนในบริเวณที่เป็นผิวหนังอักเสบได้ ซึ่งเมื่อเกิดการติดเชื้อขึ้น จำเป็นต้องพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพราะการรักษาต้องเป็น การให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
ผื่นระคายสัมผัสมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
ผื่นระคายสัมผัส/โรคผื่นแพ้จากระคายเคืองเป็นโรคที่มีการพยากรณ์โรคที่ดี คือ หาย ขาดหากสามารถเลี่ยงสารที่ก่อการระคายเคืองที่เป็นสาเหตุได้
ดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคผื่นระคายสัมผัส/ผื่นแพ้จากระคายเคือง คือ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี/สารการก่อการระคายเคือง ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรป้องกันตน เองเมื่อต้องสัมผัสสารเคมี/สารก่อการระคายเคืองต่างๆ เช่น
- ใส่ถุงมือยางเมื่อ ต้องล้างจาน ทำความสะอาดห้องน้ำ อาจต้องใช้รองเท้าร่วมยางด้วย
- ทาโลชั่นให้ความชุ่มชื้นผิวชนิดอ่อนโยนต่อผิวเป็นประจำ
- รีบล้างทำความสะอาดผิวหนังที่สัมผัสสารเคมี/สารก่อการระคายเคืองด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง
- รักษาผิวหนังให้ชุ่มชื้นเสมอด้วยการใช้ครีม/โลชันให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่เป็นชนิดอ่อนโยนต่อผิว
- พยายามไม่เกาเมื่อคันผิวหนังที่เกิดผื่น อาจใช้การประคบเย็นช่วยบรรเทาอาการคันเมื่อคันมาก
- ตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันการเกิดแผลอักเสบติดเชื้อจากการเกา
เมื่อไหร่ต้องพบแพทย์ก่อนนัด?
ผู้ป่วยโรคผื่นระคายสัมผัส/โรคผื่นแพ้จากระคายเคือง หลังการรักษาและเลี่ยงสารเคมีที่เป็นสาเหตุแล้ว หากอาการผื่นผิวหนังมีแนวโน้มลุกลามขึ้นสามารถมาพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดได้เสมอ
ป้องกันผื่นระคายสัมผัสอย่างไร?
การป้องกันโรคผื่นระคายสัมผัส/โรคผื่นแพ้จากระคายเคือง ที่สำคัญมี่สุดคือ
- การเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี
- หากต้องสัมผัสสารเคมี ให้ป้องกันตนเองจากการสัมผัสสารเคมีโดยตรง เช่น การสวมถุงมือยาง รองเท้ายาง และ
- หลังการสัมผัสต้องรีบล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง และ ทาโลชั่นบำรุงผิวชนิดอ่อนโยนต่อผิว
บรรณานุกรม
- 1.ปรียากุลละวณิชย์,ประวิตร พิศาลยบุตร .Dermatology 2020:ชื่อบท.พิมพ์ครั้งที่1.กรุงเทพฯ:โฮลิสติก,2555
- อภิชาติ ศิวยาธร . โรคผิวหนังต้องรู้สำหรับเวชปฏิบัติทั่วไป . พิมพ์ครั้งที่ 5 .สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
- https://dermnetnz.org/topics/irritant-contact-dermatitis [2021,Nov6]