ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema)
- โดย พญ.ชลธิรศน์ ศรีเกษตรสรากุล
- 6 เมษายน 2564
- Tweet
- บทนำ: คือ โรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ผื่นผิวหนังอักเสบเกิดได้อย่างไร?
- ผื่นผิวหนังอักเสบติดต่ออย่างไร?
- ผื่นผิวหนังอักเสบมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยผื่นผิวหนังอักเสบได้อย่างไร?
- ควรพบแพทย์เมื่อไร?
- รักษาผื่นผิวหนังอักเสบอย่างไร?
- ผื่นผิวหนังอักเสบก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
- ผื่นผิวหนังอักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?
- ป้องกันเกิดผื่นผิวหนังอักเสบได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคผิวหนัง (Skin disorder)
- ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก(Atopic dermatitis)
- ผื่นแพ้สัมผัสในเด็ก(Childhood contact dermatitis)
- ผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส (Dyshidrosis or Dyshidrotic eczema or Pompholyx)
- .ผื่นแพ้แสงแดด(Photodermatitis)
- ผื่นขุยกุหลาบ (Pityriasis rosea)
- โรคเซบเดิร์ม (Seborrheic dermatitis)
บทนำ: คือ โรคอะไร? พบบ่อยไหม?
โรคผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) ซึ่งจากศัพท์แพทย์ อังกฤษ-ไทย ไทย-อังกฤษ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2547 เรียกอาการนี้ว่า “ผิวหนังอักเสบออกผื่น” ที่จริงแล้วมิใช่ชื่อโรค แต่เป็นคำเรียกรวมของลักษณะผื่นผิวหนังที่มีอาการ คัน แดง ตกสะเก็ด ซึ่งเป็นผลจากผิวหนังอักเสบที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ และเนื่องจากผื่นผิวหนังอักเสบนี้เป็นผลจากหลายโรค จึงส่งผลให้เป็นอาการทางผิวหนังที่พบได้บ่อยในแผนกผู้ป่วยนอกของคลินิกโรคผิวหนังหรือของคลินิกตรวจโรคทั่วไป
ทั้งนี้จากการเก็บสถิติของสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ช่วง พ.ศ. 2554-2556 พบว่า ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยอาการผื่นผิวหนังอักเสบที่เป็นผู้ป่วยรายใหม่ที่แผนกผู้ป่วยนอกปีละประมาณ 15,000 ราย, ในส่วนทั่วโลกพบโรคนี้ได้ประมาณ 3.5%ของประชากรทั้งหมด , ทั้งนี้โรคนี้พบได้ในทุกเพศและในทุกวัยแต่พบบ่อยขึ้นในทารก
อนึ่ง: โรคหรืออาการนี้ คนไทยเรียกกันอีกหลายชื่อนอกจาก 2 ชื่อดังกล่าวในตอนต้น เช่น
- ผิวหนังอักเสบ
- ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง
- โรคแพ้ผื่นคัน
- โรคแพ้ผื่นคันผิวหนังอักเสบ
- ผิวหนังอักเสบจากกรรมพันธุ์
- ผื่นแพ้เอกซิมา
ผื่นผิวหนังอักเสบเกิดได้อย่างไร?
ผื่นผิวหนังอักเสบนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น จาก
- โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
- โรคเซบเดิร์ม
- โรคผื่นแพ้สัมผัส
- อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม เพราะพบโรคได้สูงขึ้นในคนที่ครอบครัวมีประ วัติอาการนี้
- อาจเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เพราะพบอาการได้สูงขึ้นในกลุ่มคนที่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง หรือไม่ถูกสุขอนามัย
ผื่นผิวหนังอักเสบติดต่ออย่างไร?
ผื่นผิวหนังอักเสบนี้มิใช่โรคติดต่อ จึงไม่สามารถติดต่อระหว่างบุคคลได้ ไม่ว่าจะด้วยการ สัมผัส คลุกคลี ทางการหายใจและ/หรือใช้ของใช้ร่วมกัน กินอาหารร่วมกัน
ผื่นผิวหนังอักเสบมีอาการอย่างไร?
อาการของผื่นผิวหนังอักเสบขึ้นกับระยะของการเกิดโรค
- โดยระยะแรกที่มีผื่นขึ้นใหม่ๆ ผิวหนังจะมีลักษณะของการอักเสบคือ
- จะมีผื่นแดง
- ผิวบริเวณผื่นจะ
- บวม
- มีตุ่มน้ำเล็กๆใสๆเกิดขึ้น และมีน้ำเหลืองเยิ้ม
- ในระยะต่อมา
- น้ำเหลืองเยิ้มจากผื่นจะลดลง
- ผื่นแห้งขึ้น ตกสะเก็ด และ มีอาการคัน
- ถ้าผื่นผิวหนังอักเสบเกิดเป็นเวลานานหรือเรื้อรัง รวมกับมีการเกาซ้ำไปซ้ำมาจากอาการคัน ผื่นจะกลายเป็น ผื่นหนา แห้ง แข็ง เห็นลายเส้นของผิวหนังชัด และมีสีคล้ำ
อนึ่ง ผื่นผิวหนังอักเสบสามารถเกิดได้กับผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย อาจเกิดตำแหน่งเดียว หรือหลายตำแหน่งพร้อมกัน ที่พบเกิดบ่อยคือ ตามข้อพับต่างๆ
แพทย์วินิจฉัยผื่นผิวหนังอักเสบได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยผื่นผิวหนังอักเสบได้จาก
- ประวีติอาการ
- ประวัติโรคประจำตัว
- ประวัติโรคในครอบครัว
- การตรวจร่างกายผู้ป่วย
- การตรวจดูรอยโรค/ลักษณะผื่นที่ผิวหนัง
ส่วนการหาสาเหตุของการเกิดผื่นผิวหนังอักเสบนั้น ขึ้นอยู่กับ
- ประวัติทางการแพทย์ต่างๆของผู้ป่วย
- การตรวจร่างกาย และ
- การตรวจเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม เช่น หากสงสัยว่าผื่นนี้สาเหตุเกิดจากผื่นแพ้สัมผัส แพทย์อาจทำการตรวจสืบค้นเพิ่มเติม เช่น
- การตรวจวิธีเฉพาะทางโรคผิวหนังที่เรียกว่า “Patch test” เพื่อดูว่าสิ่งใด/สารใดเป็นสาเหตุให้ผิวหนังเกิดการแพ้
ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
เมื่อผิวหนังเกิดผื่นและอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการเลวลงหลังการดูแลตนเองภายใน 2 - 3 วัน สามารถมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อการวินิจฉัยและเพื่อการรักษาที่ถูกต้องได้เสมอ
รักษาผื่นผิวหนังอักเสบอย่างไร?
แนวทางการรักษาผื่นผิวหนังอักเสบ:
- ระยะเริ่มมีอาการ รักษาด้วย
- การประคบผื่นด้วยความเย็น ลดอาการบวม ช่วยทำให้ผื่นแห้ง ลดการเกิดน้ำเหลือง และลดอาการคัน และ
- ร่วมกับรับประทานยาแก้แพ้กลุ่ม Antihistamine เพื่อลดอาการคัน
- ส่วนในระยะหลังที่น้ำเหลืองลดลง แพทย์มักให้ใช้เป็นยาทาในกลุ่มยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบเรื้อรังของผิว
ทั้งนี้ การรักษาผื่นผิวหนังอักเสบ จะต้องร่วมกับการรักษาสาเหตุด้วยเสมอ ซึ่งการรักษาสาเหตุจะแตกต่างกันในแต่ละสาเหตุ เช่น การรักษาควบคุมโรคเซบเดิร์ม ,หรือการรักษาควบคุมโรคผื่นแพ้สัมผัส เป็นต้น
นอกจากนั้น ผู้ป่วยต้องคอยสังเกตว่า อะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบ เพื่อการหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นนั้นๆ เช่น
- ประเภท อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง
- รวมไปถึงอุณหภูมิ
- เหงื่อ และ
- สิ่งแวดล้อม
ผื่นผิวหนังอักเสบก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
เนื่องจากผื่นผิวหนังอักเสบมักมีอาการคัน การเกาผื่นมากและรุนแรง จึงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนังได้
ผื่นผิวหนังอักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
ผื่นผิวหนังอักเสบมีการพยากรณ์โรคโดยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่ไม่ทำให้ตาย โดยอาการมักเป็นๆหายๆขึ้นกับสาเหตุของผื่นผิวหนังอักเสบนั้น เช่น หากเป็นผื่นผิวหนังอักเสบที่เกิดจากผื่นแพ้สัมผัส ถ้าไม่หลีกเลี่ยงสารที่ทำให้ผิวหนังเกิดการแพ้/การอักเสบ ผื่นผิวหนังอักเสบก็จะเป็นๆหายๆจนกว่าจะเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดการแพ้นั้นได้
ดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีผื่นผิวหนังอักเสบคือ
- พยายามเลี่ยงการเกาผื่นและตัดเล็บให้สั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนจากการเกา
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ของผิวหนัง
- รักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุให้ได้ดี
- อาบน้ำเพื่อรักษาความสะอาดร่างกายวันละ 1 - 2 ครั้งโดยอาบน้ำด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง เลือก ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือทำให้ผิวแห้งเช่น ใช้สบู่เด็กอ่อน
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และไม่ก่อให้เกิดการเสียดสีระคายต่อผิวหนัง
- ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้การระคายเคืองผิวหนัง
- ใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นกับผิว (Moisturizer) ชนิดที่ไม่ก่ออาการแพ้แก่ผิวหนัง เช่น ไม่มีส่วน ผสมของน้ำหอมหรือไม่ใส่สารกันบูด
- สังเกตการใช้ชีวิตประจำวันว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ ให้หลีกเลี่ยงสิ่งนั้นๆ
- ทายา/ กินยา ตามแพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่ขาดยา
- การฉีดวัคซีนต่างๆควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพราะอาจเกิดการแพ้ขึ้นผื่นที่รุนแรงจากแพ้วัคซีนรุนแรงได้
- พบแพทย์ตามนัดเสมอ
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?
หลังการรักษา หากผื่นยังลุกลามมากขึ้นหรือผื่นเกิดการติดเชื้อเช่น เกิดหนอง แนะนำให้มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด
ป้องกันเกิดผื่นผิวหนังอักเสบได้อย่างไร?
ป้องกันการเกิดผื่นผิวหนังอักเสบได้โดย
- เลี่ยงการสัมผัสสารเคมีต่างๆ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเท่าที่จำเป็น เพื่อลดโอกาสเกิดผื่นผิวหนังอักเสบที่มีสาเหตุจากแพ้สาร เคมี
- บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วยครีมที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น (Moisturizer) เป็นประจำเพื่อลดโอกาสเกิดการระคายเคืองของผิว
- สังเกตการใช้ชีวิตประจำวันทั้งที่บ้านและที่ทำงานว่า มีอะไรเป็นตัวกระตุ้นหรือก่อการระคายเคืองต่อผิว (รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม) ให้หลีกเลี่ยงสิ่งนั้น
- รักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุผื่นผิวหนังอักเสบให้ได้ดี
บรรณานุกรม
- ปรียากุลละวณิชย์,ประวิตร พิศาลยบุตร .Dermatology 2020:ชื่อบท.พิมพ์ครั้งที่1.กรุงเทพฯ:โฮลิสติก,2555 , อภิชาติ ศิวยาธร . โรคผิวหนังต้องรู้สำหรับเวชปฏิบัติทั่วไป . พิมพ์ครั้งที่ 5 .สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
- Lowell A. Goldsmith, Stephen I. Katz, Barbara A. Gilchrest, Amy S. Paller, David J.Leffell, Klaus Wolff. Dermatology in general medicine. 8 ed.
- https://en.wikipedia.org/wiki/Dermatitis [2021,April3]
- http://inderm.go.th/news/myfile/244345354f83d1e208_54-56.pdf [2021,April3]