กระเพาะอาหารบีบตัวช้า: อัมพาตกระเพาะ(Gastroparesis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 16 มกราคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- อัมพาตกระเพาะอาหารมีสาเหตุจากอะไร/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- โรคอัมพาตกระเพาะอาหารมีอาการอย่างไร?
- โรคอัมพาตกระเพาะอาหารก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
- ควรพบแพทย์เมื่อไร?
- แพทย์วินิจฉัยโรคอัมพาตกระเพาะอาหารได้อย่างไร?
- มีแนวทางรักษาโรคอัมพาตกระเพาะอาหารอย่างไร?
- โรคอัมพาตกระเพาะอาหารรุนแรงไหม?
- ดูแลตนเองอย่างไร? พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- มีการตรวจคัดกรองโรคอัมพาตกระเพาะอาหารไหม?
- ป้องกันโรคอัมพาตกระเพาะอาหารได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ปวดท้อง (Abdominal pain)
- คลื่นไส้ อาเจียน (Nausea and Vomiting)
- อาหารไม่ย่อย ธาตุพิการ (Indigestion)
- กายวิภาคและสรีรวิทยาระบบทางเดินอาหาร (Anatomy and physiology of alimentary system)
- ลำไส้อุดตัน (Intestinal obstruction)
- โบทอกซ์ หรือโบทูไลนัมท็อกซิน (Botox or Botulinum Toxin)
- ยาเพิ่มการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร (GI motility stimulant or Prokinetic drugs)
- โรคกระเพาะอาหาร หรือ โรคของกระเพาะอาหาร (Stomach disease)
- ภาวะไร้กรดเกลือ (Achlorhydria)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
อัมพาตกระเพาะ หรือ กระเพาะอาหารบีบตัวช้า (Gastroparesis ย่อว่า GP)คือ โรคหรือภาวะที่กล้ามเนื้อกระเพาะอาหารทำงานบีบตัวช้าลง/ลดน้อยลงจนอาจถึงขั้นไม่บีบตัว ซึ่งการบีบตัวช้าลง จะส่งผลให้การย่อยอาหารของกระเพาะอาหารลดลง ย่อยอาหารได้ไม่ละเอียด ส่งผลถึงการดูดซึมสารอาหารต่างๆในกระเพาะอาหารและลำไส้ต่ำลง นอกจากนั้น ยังทำให้มีอาหารที่ย่อยไม่หมดตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการ แน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ซึ่งถ้าเศษอาหารเหล่านี้ตกค้างสะสมต่อเนื่อง จะเป็นสาเหตุเกิดการอุดตันของกระเพาะอาหาร(ลำไส้อุดตัน)ที่จัดเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ซึ่งอาการคือปวดท้องรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน
อนึ่ง:
- Gastroparesis(แกสโตรพารีสิส) พจนานุกรมศัพท์แพทยศาสตร์ อังกฤษ-ไทย ไทย-อังกฤษ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2547 แปลโรคนี้ว่า ‘อัมพาตกระเพาะ’
- ชื่ออื่นของ อัมพาตกระเพาะ/อัมพาตกระเพาะอาหาร เช่น กระเพาะอาหารอ่อนแรง, กระเพาะอาหารบีบตัวน้อย, กระเพาะอาหารไม่บีบตัว, กระเพาะบีบตัวช้า
- ส่วนชื่อภาษาอังกฤษอื่นๆ เช่น
- Delayed gastric emptying ย่อว่า DGE
- Gastric stasis
ทั้งนี้ สถิติเกิด อัมพาตกระเพาะ/ กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/แกสโตรพารีสิส ยังไม่มีรายงานชัดเจน แต่เป็นโรค/ภาวะพบเรื่อยๆ ไม่ถึงกับพบบ่อย พบทั่วโลก ไม่ขึ้นกับเชื้อชาติ พบทุกวัย ตั้งแต่เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก) จนถึงผู้สูงอายุ ทั่วไปมักพบในผู้ใหญ่ เพศหญิงพบบ่อยกว่า เพศชาย
อัมพาตกระเพาะอาหารมีสาเหตุจากอะไร?
ประมาณ 50%ของผู้ป่วยอัมพาตกระเพาะ/กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/กระเพาะบีบตัวช้า แพทย์หาสาเหตุไม่ได้ และไม่ทราบปัจจัยเสี่ยง เรียกผู้ป่วยกลุ่ม ’ไม่ทราบสาเหตุ’นี้ว่า ‘Idiopathic gastroparesis’
ส่วนในกลุ่มที่ทราบสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง มักเกิดจาก มีการอักเสบ บาดเจ็บ ของเส้นประสาทต่างๆที่ควบคุมการทำงานของ กล้ามเนื้อกระเพาะฯที่รวมถึงเส้นประสาทสมองคู่ที่10ที่ชื่อว่า เส้นประสาทเวกัส(Vagus nerve)ซึ่งควบคุมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร), และ/หรือ ของเซลล์ในผนังกระเพาะฯ ชื่อ Pacemaker cell ที่ทำหน้าที่ประสานงานและส่งสัญญาณให้เกิดการบีบตัวของกล้ามเนื้อกระเพาะฯ
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการทำงานของเส้นประสาทและ/หรือของPacemaker cell เช่น
- โรคเบาหวาน: ซึ่งเป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงพบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมโรคได้ไม่ดี
- มีการบาดเจ็บของเส้นประสาทเวกัส: เช่น จากผ่าตัดกระเพาะอาหาร, หรือ ผ่าตัดอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร (เช่น ตับอ่อน), หรือ ผ่าตัดกระดูกสันหลัง (เช่น จากการรักษากระดูกสันหลังคด)
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิดต่อการทำงานของกล้ามเนื้อกระเพาะฯ เช่น
- ยาต้านเศร้า
- ยา/สาร Nicotine
- ฮอร์โมนเพศหญิง ชนิด Progesterone
- ยาลดความดัน กลุ่ม Calcium channel blocker
- ยาเคมีบำบัด
- ยาแก้ปวด กลุ่ม ยามอร์ฟีน(Morphine) /กลุ่มโอปิออยด์(Opioid)
- ยากลุ่ม Antimuscarinic drugs เช่นยา Atropine, Diphenhydramine, Chlorpheniramine, Hydroxyzine
- โรคสมองบางโรค เช่น
- โรคพาร์กินสัน
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- โรคติดเชื้อไวรัสที่กระเพาะอาหาร/ ไวรัสลงกระเพาะ
- โรคเรื้อรังบางโรค เช่น
- โรคภูมิต้านตนเอง/โรคออโตอิมมูนบางชนิด เช่น โรคหนังแข็ง
- ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน
- โรคมะเร็งต่างๆ
โรคอัมพาตกระเพาะอาหารมีอาการอย่างไร?
ไม่มีอาการเฉพาะโรคของอัมพาตกระเพาะ/กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/กระเพาะบีบตัวช้า แต่เป็นอาการทั่วไปที่เหมือนกับโรคกระเพาะอาหารทั่วไป แต่มักเป็นอาการเรื้อรังและมักค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ก. อาการพบบ่อยในเกือบทุกผู้ป่วย: เช่น
- คลื่นไส้เรื้อรัง พบได้ประมาณ 90%ของผู้ป่วย
- อาเจียน โดยเฉพาะอาเจียนเป็นอาหารที่ยังไม่ได้ย่อย หรือย่อยไม่หมด/ไม่ละเอียด พบได้ประมาณ 70-85%
- ปวดท้องเรื้อรัง มักปวดในตำแหน่งของกระเพาะอาหาร คือ ตรงยอดอก/ช่องท้องช่วงบนตอนกลางๆท้อง พบได้ประมาณ 50-90%
- รู้สึกอิ่มเร็วเมื่อกินอาหาร พบได้ประมาณ 60-90%
ข. อาการอื่นๆที่อาจพบได้ แต่ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอาการ เช่น
- มักคลื่นไส้ตั้งแต่เช้า
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
- เรอบ่อย
- แน่นอึดอัดท้องหลังบริโภค
- มีอาการของโรคกรดไหลย้อน เช่น อาการแสบร้อนกลางอก
- เบื่ออาหาร
- มีภาวะทุพโภชนา
- ผอมลง
- ปวดเมื่อยเนื้อตัว/กล้ามเนื้อ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- เหงื่ออกกลางคืน
- ใจสั่นบ่อย
- ท้องผูกเรื้อรัง
- ระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งถ้าเป็นเบาหวาน จะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี
- ซึมเศร้า
โรคอัมพาตกระเพาะอาหารก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
โรคอัมพาตกระเพาะ/กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/กระเพาะบีบตัวช้า ก่อผลข้างเคียงได้หลายประการ ที่พบบ่อย เช่น
- ภาวะขาดอาหาร/ทุพโภชนา จากขาดประสิทธิภาพในการย่อยอาหารของกระเพาะฯซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงการดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง ร่วมกับผอมลงอย่างต่อเนื่อง
- การขาดประสิทธิภาพในการย่อยอาหารและในการดูดซึมอาหารจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้การควบคุมโรคเบาหวาน/ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นไปได้ยาก
- ภาวะขาดน้ำจากอาเจียนบ่อยซึ่งอาจอาเจียนรุนแรง
- มีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงจากอาการเรื้อรังต่างๆดังกล่าวใน ‘หัวข้อ อาการฯ’
- เกิดภาวะมีเศษอาหารตกค้างสะสมในกระเพาะอาหารที่เรียกว่า ‘Bezoar’ จนอาจทำให้เกิดกระเพาะอาหารอุดตัน(ลำไส้อุดตัน)
- กระเพาะอาหารรวมถึงลำไส้ติดเชื้อบ่อยจากเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร
ควรพบแพทย์เมื่อไร?
เมื่อมีอาการดังกล่าวใน ‘หัวข้อ อาการฯ’ และอาการไม่ดีขึ้นหลังดูแลตนเอง หรืออาการแย่ลง หรือมีอาการแย่ตั้งแต่แรก ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาล
แพทย์วินิจฉัยโรคอัมพาตกระเพาะอาหารได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคอัมพาตกระเพาะ/กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/กระเพาะบีบตัวช้า ได้จาก
- ซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการ โรคประจำตัว การใช้ยาต่างๆ ประวัติการผ่าตัดช่องท้อง
- การตรวจร่างกาย ที่รวมถึงการตรวจคลำช่องท้อง
- การตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติมตามอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- ตรวจเลือดดูค่าสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้ เช่น ซีบีซี/CBC, ค่าระดับน้ำตาลในเลือด, ค่าเกลือแร่ในเลือด, สารภูมิต้านทาน, สารก่อภูมิต้านทาน
- อัลตราซาวด์ และ/หรือ เอกซเรย์คอมพิเตอร์/ ซีทีสแกน ดูภาพกระเพาะอาหารและอวัยวะต่างๆในช่องท้อง
- เอกซเรย์กลืนแป้งเพื่อดูภาพกระเพาะอาหาร,การบีบตัว, และระยะเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนไหวของอาหารจากกระเพาะฯสู่ลำไส้เล็ก ที่เรียกว่า Upper GI series
- ส่องกล้องกระเพาะอาหาร อาจร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อที่รอยโรคกรณีพบรอยโรคเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
- ตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์เพื่อดูการบีบตัวเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารที่เรียกว่า Gastric emptying scan หรือ Gastric emptying scintigraphy
- ตรวจสารบางชนิดจากลมหายใจเพื่อดูอัตราการย่อยอาหารของกระเพาะอาหาร โดยให้ผู้ป่วยกินอาหาร/สารบางอย่างที่เมื่อถูกย่อย/ดูดซึมจะถูกปล่อยออกมาทางลมหายใจ ซึ่งหลังกินสารนี้ประมาณ 4 ชั่วโมง แพทย์จะตรวจวัดค่าสารนี้จากลมหายใจ เรียกการตรวจนี้ว่า Gastric emptying breath test
- ตรวจการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้โดยกลืนเครื่องมือที่เป็นแคปซูลที่บรรจุเครื่องตรวจวัดการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ เรียกการตรวจนี้ว่า Wireless motility capsule หรือ Smart Pill
มีแนวทางรักษาโรคอัมพาตกระเพาะอาหารอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคอัมพาตกระเพาะ/ กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/กระเพาะบีบตัวช้า ได้แก่ การปรับพฤติกรรมการบริโภคซึ่งเป็นการรักษาหลักที่ต้องใช้ร่วมกับการรักษาวิธีอื่นๆทุกวิธี, การรักษาสาเหตุ, การใช้ยา, การผ่าตัด, และการรักษาตามอาการ
ก. ปรับพฤติกรรมการบริโภค: เพื่อให้กระเพาะอาหารได้รับปริมาณอาหารแต่ละครั้งเหมาะกับประสิทธิภาพการทำงานที่เหลืออยู่เพื่อช่วยการย่อยและเพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารจำเป็นที่พอเพียงพอ ซึ่งทั่วไปได้แก่
- กินอาหารหลักแต่ละมื้อในปริมาณที่น้อยลง โดยเพิ่มมื้ออาหารทดแทน ที่แพทย์มักแนะนำ คือ เปลี่ยนจาก 3 มื้อต่อวัน เป็นประมาณ 5-6 มื้อต่อวัน
- กินแต่อาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกมื้ออาหาร
- ลดประเภทอาหารที่ย่อยยาก เช่น ไขมัน, อาหารกากใยสูง, อาหารแข็ง
- ควรบริโภคอาหารที่ย่อยง่าย เช่น อาหารอ่อน(อ่านเพิ่มเติมจากเว็บcom เรื่อง ประเภทอาหารทางการแพทย์), อาหารต้มสุกเปื่อยได้ยิ่งดี
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนเพื่อช่วยการย่อยของกระเพาะฯ
- จำกัด หรือ ไม่บริโภคอาหารที่รสจัด, อาหาร/เครื่องดื่มที่ก่อการระคายเคืองต่อกระเพาะฯ เช่น น้ำอัดลม, คาเฟอีน
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวันเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- อาจดื่มยาผงเกลือแร่(โออาร์เอส)หรือ เครื่องดื่มเกลือแร่ร่วมด้วย ตามคำแนะนำของแพทย์ และ โภชนากร
- หลีกเลี่ยง/จำกัด น้ำผลไม้ที่รสจัด เช่น น้ำส้มเข้มข้น
- เคลื่อนไหวร่างกายหลังอาหารหลักทุกมื้อ เช่น เคลื่อนไหว/เดินออกกำลังช้าๆ เพื่อช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของกระเพาะฯและลำไส้
- ไม่ควรนอนราบภายในประมาณ 2 ชั่วโมงหลังบริโภคอาหารหลัก
- กินวิตามินเสริมอาหารสม่ำเสมอต่อเนื่องตลอดไปตามคำสั่งแพทย์
ข. รักษาสาเหตุ: จะแตกต่างกันในแต่ละสาเหตุ แนะนำอ่านเพิ่มเติมรายละเอียดที่รวมถึงวิธีรักษาในแต่ละโรคได้จากเว็บ haamor.com เช่น
- โรคเบาหวาน
- โรคภูมิต้านตนเอง
- ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน
ค. การใช้ยาต่างๆ: เช่น ยาเพิ่มการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร, ฯลฯ โดยต้องใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ เช่นยา
- Metoclopramide
- Domperidone
- Erythromycin
ง.การผ่าตัด: ที่มีหลากหลายวิธีโดยมีข้อบ่งชี้ตามแต่ละวิธี ซึ่งมักใช้เมื่อการรักษาด้วยการปรับพฤติกรรมการบริโภค และ/หรือ การใช้ยาไม่ได้ผล เช่น
- ผ่าตัดให้อาหารผ่านทางหลอดเลือดดำที่ส่วนล่างของลำคอ
- ผ่าตัดใส่ท่อให้อาหารเหลวเข้าสู่ลำไส้เล็กโดยตรงโดยไม่ผ่านกระเพาะฯ
- ผ่าตัดใส่ท่อในกระเพาะฯและเปิดปลายท่อออกหน้าท้องเพื่อใช้ช่วยระบายอาหารตกค้างออกจากกระเพาะอาหาร
- ผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารบีบตัว
- ผ่าตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วน หรือ ผ่าตัดออกทั้งกระเพาะอาหาร กรณีกระเพาะอาหารเสียการบีบตัวจนไม่สามารถกลับสู่ขนาดปกติได้
- ผ่าตัดกระเพาะอาหารกรณีเกิดกระเพาะอาหาร/ลำไส้อุดตัน
จ. การรักษาตามอาการ: คือการรักษาตามอาการแต่ละผู้ป่วย เช่น
- ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน
- ยาแก้ท้องผูก
- ยาต้านเศร้า
- ยาแก้ปวดท้อง
ฉ.อื่นๆ: เป็นการรักษาที่ยังอยู่ในการศึกษา เช่น ฉีดยาโบทอกซ์/โบทูไลนัมท็อกซิน บริเวณหูรูดกระเพาะอาหารส่วนต่อเข้าลำไส้เล็ก เพื่อลดการหดรัดของหูรูดที่อาจช่วยให้อาหารผ่านจากกระเพาะอาหารเข้าสู่ลำไส้เล็กได้มากขึ้น/เร็วขึ้น
โรคอัมพาตกระเพาะอาหารรุนแรงไหม?
การพยากรณ์โรค/ความรุนแรงของโรคอัมพาตกระเพาะ/ กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/กระเพาะบีบตัวช้า ขึ้นกับ สาเหตุ และความรุนแรงของอาการที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆที่กล่าวใน’หัวข้อ ผลข้างเคียงฯ’ ดังนั้น แพทย์ผู้รักษาเท่านั้นที่จะให้การพยากรณ์โรคได้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายๆไป เช่น
- ถ้าสาเหตุโรคเกิดตามหลังการติดเชื้อของกระเพาะอาหาร และไม่มีผลข้างเคียงจากโรค การรักษามักได้ผล และผู้ป่วยสามารถหายได้ภายในระยะเวลา 1-2 ปีหลังเกิดอาการ
- แต่ถ้าสาเหตุเกิดจากโรคเบาหวาน ซึ่งมักทำให้เกิดโรคเบาหวานที่ควบคุมได้ยาก การพยากรณ์โรคไม่ดี ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยถึงตายได้จากขาดอาหารและจากโรคเบาหวาน
ดูแลตนเองอย่างไร? พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคอัมพาตกระเพาะ/กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/กระเพาะบีบตัวช้า ได้แก่
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล โภชนากร
- ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต/การบริโภคอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตตาม แพทย์ พยาบาล โภชนากร แนะนำ และดังกล่าวใน ’หัวข้อ การรักษาฯ’
- กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่หยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัด
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนแพทย์นัด เมื่อ
- อาการต่างๆแย่ลง หรือมีอาการใหม่เกิดขึ้น เช่น อาเจียนเป็นเลือดจากที่ไม่เคยมีมาก่อน
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นผื่น วิงเวียนศีรษะมากต่อเนื่อง
- กังวลในอาการ
มีการตรวจคัดกรองโรคอัมพาตกระเพาะอาหารไหม?
ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีตรวจคัดกรองให้พบโรคอัมพาตกระเพาะ/กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/กระเพาะบีบตัวช้าตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ดังนั้นการดูแลตนเองที่ดีที่สุดคือ เมื่อมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’โดยเฉพาะในผู้มีปัจจัยเสี่ยง ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลถ้าอาการไม่ดีขึ้นหลังดูแลตนเองแล้ว 1-2 สัปดาห์ หรือเมื่ออาการแย่ลงเรื่อยๆ เพื่อการวินิจฉัยโรคตั้งแต่เนิ่นๆที่จะช่วยให้ผลการรักษามีประสิทธิผลมากขึ้น
ป้องกันโรคอัมพาตกระเพาะอาหารได้อย่างไร?
การป้องกันโรคอัมพาตกระเพาะ/กระเพาะอาหารบีบตัวช้า/กระเพาะบีบตัวช้าให้ได้เต็มร้อยยังเป็นไปไม่ได้ เพราะประมาณ50%ของผู้ป่วย แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุ
อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง หรือควบคุมดูแลรักษาโรคต่างๆที่เป็นปัจจัยเสี่ยง(ดังกล่าวใน’หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ’) ให้ได้ดี จะช่วยให้ลดปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคนี้ลงได้ในระดับหนึ่ง
บรรณานุกรม
- https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15522-gastroparesis [2022,Jan15]
- https://rarediseases.org/rare-diseases/gastroparesis/ [2022,Jan15]
- https://www.niddk.nih.gov/health-information/digestive-diseases/gastroparesis [2022,Jan15]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Gastroparesis [2022,Jan15]