โบทอกซ์ หรือโบทูไลนัมท็อกซิน (Botox or Botulinum Toxin)
- โดย ภก.ศิวัสว์ ผุลลาภิวัฒน์
- 6 กุมภาพันธ์ 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ)รักษาอะไร?
- ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีขนาดการบริหารอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมเข้ารับการบริหารยาควรทำอย่างไร?
- ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยาโบทูไลนัมท็อกซินอย่างไร?
- ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษายาโบทูไลนัมท็อกซินอย่างไร?
- ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- แบคทีเรีย: โรคจากแบคทีเรีย (Bacterial infection)
- โรคโบทูลิซึม (Botulism)
- หนังตากระตุก (Blepharospasm)
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอมจี (Myasthenia gravis หรือ MG)
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเล็มส์ โรคเล็มส์ (Lambert-Eaton myasthenic syndrome : LEMS)
- โรคเส้นประสาท (Peripheral neuropathy)
- โรคดีสโทเนีย ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Dystonia)
บทนำ: คือยาอะไร?
โบทูไลนัมท็อกซิน (Botulinum Toxin ย่อว่า BTX) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘โบท็อกซ์’ (Botox) คือ สารชีวพิษที่สังเคราะห์ขึ้นโดยแบคทีเรียคลอสทริเดียม โบทูไลนัม (Clostridium botulinum) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้โดยทั่วไปในดินและน้ำธรรมชาติ (เช่น แม่ น้ำ) แบคทีเรียนี้สร้างสปอร์ซึ่งในสปอร์จะมีการผลิตสารพิษโบทูไลนัมท็อกซิน หากร่างกายได้ รับสารพิษเหล่านี้อาจก่อให้เกิดโรคที่เรียกว่า โรคโบทูลิซึม (Botulism) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึง ตาย เนื่องจากทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง การมองเห็นภาพไม่ชัดเจน หอบเหนื่อย และไม่มีแรง พูดและ/หรือกลืนลำบาก
โบทูลินัมท็อกซินมีหลายชนิด แต่ชนิดที่มีการนำมาพัฒนาเป็นยาในทางเภสัชกรรมมีอยู่2 ชนิดได้แก่ ชนิดเอ (Type A) และชนิดบี (Type B) โดยอาศัยฤทธิ์ในการทำให้กล้ามเนื้ออ่อน แรงหรืออยู่ในลักษณะอัมพาตชั่วคราวมาใช้เป็นยาในการรักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งตามบริเวณต่างๆอาทิ ลำคอ รอบตา รวมไปถึงมีการนำมาใช้ในทางศัลยกรรมเสริมสวยโดยใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยบริเวณใบหน้าเช่น หน้าผากและรอยระหว่างหัวคิ้ว
ยาโบทูลินัมท็อกซินที่มีการจำหน่ายในประเทศไทยเป็นชนิดเอ เป็นยาชีววัตถุ อยู่ในกลุ่มยาควบคุมพิเศษตามกฎหมาย ซึ่งสั่งใช้ได้โดยแพทย์และการรักษาควรอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาอะไร?
ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้รักษา: เช่น
- โรคกล้ามเนื้อหดเกร็งบริเวณลำคอ (Cervical Dystonia)
- โรคกล้ามเนื้อหดเกร็งรอบตา/โรคตากระพริบค้าง/โรคหนังตากระตุก (Blepharospasm)
- ลดเลือนริ้วรอยร่องลึกบริเวณใบหน้า เช่น หน้าผากและระหว่างคิ้ว (Reduce Glabellar Lines)
ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
การเคลื่อนไหวของมนุษย์เกิดจากการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆของร่างกาย การทำงานของระบบกล้ามเนื้อนั้นมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับระบบประสาทซึ่งสั่งการโดยสมองผ่านเซลล์ประสาทโดยใช้สารสื่อประสาทในการนำส่งคำสั่ง สารสื่อประสาทที่มีความสำ คัญสารหนึ่งเรียกว่า แอซิติลโคลีน (Acetylcholine) โดยยาโบทูไลนัมท็อกซินมีกลไกการออกฤทธิ์คือ ตัวยาจะออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการหลั่งของสารสื่อประสาทชนิดนี้ ทำให้กล้ามเนื้อในส่วนที่ยาโบทูไลนัมท็อกซินออกฤทธิ์นั้นไม่สามารถทำงานได้หรืออยู่ในสภาวะอัมพาตชั่วคราว แม้สมองจะมีการสั่งให้เกิดการหดหรือคลายกล้ามเนื้อในส่วนนั้นก็ตาม
ยาโบทูไลนัมท็อกซินไม่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางกล่าวคือ มีความจำเพาะต่อระบบกล้ามเนื้อเท่านั้น และไม่ออกฤทธิ์ต่อสมองหรือต่อไขสันหลังทำให้สมองยังสั่งงานกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆที่ไม่ได้รับยาโบทูไลนัมท็อกซินให้ทำงานได้ตามปกติ
อย่างไรก็ดีโดยปกติร่างกายจะมีการตอบสนองโดยการสร้างเซลล์ประสาทขึ้นมาใหม่ ซึ่งเซลล์ประสาทที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้นจะไม่ได้รับฤทธิ์จากยาโบทูไลนัมท็อกซิน จึงทำให้ฤทธิ์ของยาโบทูไลนัมท็อกซินต่อกล้ามเนื้อจะอยู่ในช่วง 3 - 4 เดือน
ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาโบทูลไลนัมท็อกซินที่นำมาใช้ทางการแพทย์ในประเทศไทย เป็นยาโบทูไลนัมท็อกซินชนิด เอ (A type) เป็นรูปแบบเภสัชภัณฑ์ยาชีววัตถุ รูปแบบยาผงพร้อมผสมเพื่อเป็นยาฉีด ขนาดความแรง 50, 100, 200 และ 500 ยูนิต
ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีขนาดการบริหารอย่างไร?
ยาโบทูไลนัมท็อกซิน มีขนาดการบริหารยา/ใช้ยาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ
- ข้อบ่งใช้
- ขนาดเนื้อเยื่อของผู้ป่วยที่จะต้องรักษา
- ขนาดของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง
- และการตอบสนองต่อยาในการรักษาครั้งก่อนหน้าในกรณีที่ผู้ป่วยเคยได้รับยานี้มาก่อน
*ดังนั้นขนาดยานี้ จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาโบทูไลนัมท็อกซิน ควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และ เภสัชกร เช่น
- ประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร และแพ้สารเคมีทุกชนิด
- ประวัติการใช้ยาทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ซื้อทานเอง วิตามิน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพร
- แจ้งให้ แพทย์ พยาบาล และเภสัชกรทราบ หากกำลังตั้งครรภ์ วางแผนที่จะตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงการให้นมบุตร
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีผู้ป่วยเป็นหรือเคยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับ
- ระบบประสาท
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอมจี (Myasthenia Gravis)
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเล็มส์ (Eaton-Lambert syndrome; LEMS)
- โรคเส้นประสาท (Neuropathy)
- หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะทางจิต เช่น โรคจิตเภท หรือโรคซึมเศร้า
หากลืมเข้ารับการบริหารยาควรทำอย่างไร?
หากแพทย์นัดหมายให้มีการบริหารยา/ใช้ยาโบทูไลนัมท็อกซินในครั้งต่อไปและผู้ป่วยลืมการนัดหมาย ให้แจ้งสถานพยาบาลที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอยู่ทราบโดยเร็วที่สุดเพื่อทำการนัดหมายการบริหารยาต่อไป
ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
โดยทั่วไปยาโบทูไลนัมท็อกซินก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง) ค่อนข้างน้อย อาจมีอาการปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดยา รวมไปถึงอาการบวม แดงบริเวณฉีดยา ปวดหัว รู้สึกไม่สบายเนื้อตัว
*ภายหลังการฉีดยานี้:
- *ผู้ป่วยบางคนอาจเกิดภาวะหนังตาหย่อน/หนังตาตก (Ptosis) ซึ่งต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ/ไปโรงพยาบาลโดยเร็ว/ทันที
- *ผู้ป่วยเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่มีแรง กลืนลำบาก หรือพูดลำบาก/พูดไม่ชัด หายใจไม่สะดวก/หายใจลำบาก ให้รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- *มีอาการแพ้ยานี้ เช่น มีผื่นคันขึ้นตามตัว หนังตา-ริมฝีปาก บวม หรือหายใจไม่สะดวก ให้รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยทันที/ฉุกเฉินเช่นกัน
อนึ่ง เพื่อลดผลข้างเคียงจากยานี้ ผู้ป่วยอาจได้รับคำแนะนำให้นั่งท่าตรงหรือยืนเป็นเวลา 3 - 4 ชั่วโมงภายหลังการฉีดยานี้ และไม่ควรบีบนวดบริเวณฉีดยา
มีข้อควรระวังการใช้ยาโบทูไลนัมท็อกซินอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาโบทูไลนัมท็อกซิน เช่น
- ไม่ใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่แพ้ยานี้หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
- ไม่ควรใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์ หากผู้ป่วยกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนเข้ารับการบริหารยา
- ไม่ควรใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาท กล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมไปถึง โรคจิตเภท หรือโรคซึมเศร้า
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยายาโบทูไลนัมท็อกซิน) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นน้อย อย่างไรก็ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาโบทูไลนัมท็อกซินกับผู้ป่วยที่มีการใช้ยาดังต่อไปนี้ เช่น
- ยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (Aminoglycosides) เช่น ยาเจนตามัยซิน (Gentamycin) ยาอะมิเคซิน (Amikacin) เนื่องจากอาจเพิ่มฤทธิ์ของยาโบทูไลนัมท็อกซิน
- ยาเพนนิซิลลามีน (Penicillamine) ที่ใช้รักษาภาวะโลหะหนักเกินในร่างกาย เนื่องจากอาจทำให้ฤทธิ์ของยาโบทูไลนัมท็อกซินลดลง
- ยาควินิน (Quinine) ยาคลอโรควิน (Chloroquine) และยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) ที่ใช้รักษามาลาเรีย เนื่องจากอาจทำให้ฤทธิ์ของยาโบทูไลนัมท็อกซินลดลง
- ยาลดความดัน กลุ่มยับยั้งแคลเซียมแชนแนล (Calcium Channel Blockers) เช่น ยาแอมโลไดพีน (Amlodipine) ยาไนเฟดไดพีน (Nifedipine) เพราะยาเหล่านี้อาจเพิ่มฤทธิ์ของยาโบทูไลนัมท็อกซิน
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาวอร์ฟาริน (Warfarin) และยาแอสไพริน (Aspirin) เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดห้อเลือดขึ้นได้
ควรเก็บรักษายาโบทูไลนัมท็อกซินอย่างไร?
โดยทั่วไป ควรเก็บรักษายาโบทูไลนัมท็อกซิน:
- เก็บรักษายาในตู้เย็นอุณหภูมิ 2 - 8 องศาเซลเซียส(Celsius)
- ไม่เก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- ควรบริหารยา/ใช้ยาหลังการผสมยาทันที
*อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีความแตกต่างในการเก็บรักษายาของยาจากแต่ละบริษัท จึงควรอ่านฉลากยาเพื่อเก็บรักษาได้อย่างถูกต้อง หรือปรึกษาฝ่ายเภสัชกรรมของสถานพยาบาล
ยาโบทูไลนัมท็อกซินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาโบทูลนัมท็อกซิน เอ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยาของไทย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
โบท็อก (Botox) | ห้างหุ้นส่วนจำกัด แม็กซิมอินเตอร์คอนติเนนตอล |
นิวโรน็อกซ์ (Neuronox) | บริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด |
ดิสพอร์ต (Dysport) | บริษัท เอ.เมนารินี (ประเทศไทย) จำกัด |
โบทูแล็คซ์ (Botulax) | บริษัท คอสม่า เมดิคอล จำกัด |
เซนท็อกซ์ (Zentox) | บริษัท ท็อปฟาร์ม่า ซัพพลาย (1995) จำกัด |
ฮูเจลท็อกซิน (Hugeltoxin) | บริษัท บอน-ซอง จำกัด |
นาโบทา (Nabota) | บริษัท แดวูง ฟาร์มาซูทิคอล (ไทยแลนด์) จำกัด |
โคลดิว (Clodew) | บริษัท แดวูง ฟาร์มาซูทิคอล (ไทยแลนด์) จำกัด |
บีบีทีเอ็กซ์เอ (BBTXA) | บริษัท คอสเมด ฟาร์ม่า จำกัด |
โบทูแล็คซ์ (Botulax) | บริษัท คอสม่า เมดิคอล จำกัด |
บรรณานุกรม
- วินัย วนากูล. โรคโบทูลิซึม (Botulism). Thai J Toxicology 2008;23(2):19-24.
- American Pharmacists Association, Incobolulinumtoxina, Drug Information Handbook with International Trade Names. 23;2014:1078.
- Ontecucco C, Molgó J . Botulinal neurotoxins: revival of an old killer. Current Opinion in Pharmacology. 2005;5(3): 274–279
- P K Nigam and Anjana Nigam. Botulinum Toxin. Indian J Dermatol. 2010 Jan-Mer,55(1):8-14
- FDA, 2009, "Information for Healthcare Professionals, FDA ALERT [08/2009]: OnabotulinumtoxinA (marketed as Botox/Botox Cosmetic), AbobotulinumtoxinA (marketed as Dysport) and RimabotulinumtoxinB (marketed as Myobloc)
- https://www.medicines.org.uk/emc/medicine/21985 [2022,Feb5]
- https://www.webmd.com/beauty/cosmetic-procedures-botox [2022,Feb5]
- http://pertento.fda.moph.go.th/FDA_SEARCH_DRUG/SEARCH_DRUG/pop-up_drug_ex.aspx?Newcode=U1DR1C10F2620000511C [2022,Feb5]
- https://dystonia-foundation.org/living-dystonia/botulinum-toxin-injections/ [2022,Feb5]