ข้ออักเสบ (Arthritis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 1 พฤษภาคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- อะไรคือสาเหตุของข้ออักเสบ?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดข้ออักเสบ?
- ข้ออักเสบมีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยข้ออักเสบอย่างไร?
- รักษาข้ออักเสบอย่างไร?
- ข้ออักเสบมีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ข้ออักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันข้ออักเสบอย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- โรคข้อ (Joint disease)
- ข้อเสื่อม
- ข้ออักเสบติดเชื้อ
- โรคภูมิต้านตนเอง โรคออโตอิมมูน (Autoimmune disease)
- โรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
- โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือ โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)
- การบาดเจ็บซ้ำซากจากงานซ้ำๆ (Repetitive strain injury)
- ปวดข้อ (Joint pain)
- ประคบร้อน (Warm compression) ประคบเย็น (Cold compression)
- โรคอ้วน และ น้ำหนักตัวเกิน (Obesity and overweight))
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ข้ออักเสบ(Arthritis) คือ โรคข้อที่เกิดจากมีการอักเสบของเนื้อเยื่อต่างๆของข้อ เช่น เยื่อบุภายในข้อ(Synovial membrane), เอ็นกระดูกและเอ็นกล้ามเนื้อที่ประกอบเป็นข้อ, ถุงลดการเสียดสี(Bursa)ที่อยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆรอบๆข้อ,ซึ่งการอักเสบที่เกิดขึ้นนี้ โดยทั่วไปจะทำให้เกิดอาการปวดข้อที่มักเกิดร่วมกับข้อติดขัดไม่สามารถเคลื่อนไหวและใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งข้ออักเสบมักเป็นโรคเรื้อรัง แต่อาจมีการอักเสบ/มีอาการเป็นๆหายได้
ข้ออักเสบ พบบ่อยทั่วโลกแต่ไม่มีรายงานสถิติเกิดที่แน่นอนในภาพรวมจากทุกสาเหตุ(ในสหรัฐอเมริกา มีข้อมูลศึกษาในช่วงค.ศ.2013-2015 พบว่าแพทย์วินิจฉัยโรคนี้ประมาณ 22.7%ของผู้ป่วยที่มาพบแพทย์) มักเกิดในผู้ใหญ่โดยเฉพาะผู้สูงอายุ แต่ก็พบในเด็กได้บ้าง ข้ออักเสบพบทุกเชื้อชาติ และมักพบในเพศหญิงสูงกว่าเพศชาย
อะไรคือสาเหตุของข้ออักเสบ?
สาเหตุของข้ออักเสบมีหลากหลาย ที่พบเสมอ เช่น
ก. ข้อเสื่อมตามอายุ: เป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุด ดังนั้นโรคข้ออักเสบจึงพบสูงสุดในผู้สูงอายุ
ข. ข้ออักเสบจากการทำงานซ้ำๆต่อเนื่อง: เช่นจาก เล่นกีฬาโดยเฉพาะที่เป็นอาชีพ(เช่น ข้อศอกอักเสบจากเทนนิส/Tennis elbow) งานเย็บปักถักร้อย งานคอมพิวเตอร์ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com บทความเรื่อง การบาดเจ็บซ้ำซากจากงานซ้ำๆ)
ค. ข้อเสื่อมจากข้อรับน้ำหนักมากต่อเนื่อง: เช่น ข้อเข่าอักเสบจากโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
ง. อุบัติเหตุต่อข้อ: ข้อได้รับบาดเจ็บโดยตรง เช่น อุบัติเหตุจากใช้ยานพาหนะ การเล่นกีฬา หรือ ในการทำงาน
จ. ข้ออักเสบติดเชื้อ: เกิดจากข้อติดเชื้อโรคโดยตรง ที่พบบ่อย คือ จากเชื้อแบคทีเรีย (แนะนำอ่านเพิ่มเติม ในเว็บcom บทความเรื่อง ข้ออักเสบติดเชื้อ)
ฉ. โรคภูมิต้านตนเอง(โรคออโตอิมมูน): เป็นโรคที่มีการอักเสบที่ไม่มีการติดเชื้อของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทุกชนิดในร่างกายซึ่งรวมถึงเนื้อเยื่อข้อ ดังนั้น จึงพบข้ออักเสบ เป็นภาวะ/โรคที่เกิดร่วมในโรคภูมิต้านตนเองเสมอ เช่น โรคลูปัส-โรคเอสแอลอี โรคข้อรูมาตอยด์ โรคชิคุนกุนยา(โรคไข้ปวดข้อยุงลาย)
ช. โรคจากความผิดปกติของการเผาผลาญพลังงานจากอาหาร: เช่น โรคเกาต์ โรคเกาต์เทียม
ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดข้ออักเสบ?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดข้ออักเสบ ได้แก่
- ผู้สูงอายุ: เนื่องจากเซลล์เนื้อเยื่อข้อจะเสื่อมต่อเนื่องตามอายุเช่นเดียวกับการเสื่อมของเนื้อเยื่อทุกชนิดของร่างกายเมื่ออายุสูงขึ้น
- เพศหญิง : ซึ่งอาจจากวัยหมดประจำเดือน เนื้อเยื่อต่างๆรวมถึงเนื้อเยื่อข้อจึงมีประสิทธิภาพการทำงานเสื่อมได้เร็วและรุนแรงกว่าในเพศชาย เพราะฮอร์โมนเพศจะช่วยในประสิทธิภาพการทำงานของทุกเนื้อเยื่อทุกชนิดของร่างกายรวมถึงของข้อ
- โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน: เพราะข้อต่างๆโดยเฉพาะข้อที่รับน้ำหนักตัว เช่น ข้อเข่า จะเสื่อมได้เร็วและรุนแรงกว่าคนน้ำหนักตัวปกติจากแรงกดทับและการแบกรับน้ำหนักสูงตลอดเวลา
- ผู้ที่เคยได้รับอุบัติเหตุที่ข้อ: จะเกิดข้ออักเสบได้ง่ายกว่าคนทั่วไปจากเนื้อเยื่อข้อเสื่อมจากการอักเสบ
- ผู้มีอาชีพการงานที่ต้องใช้ข้อซ้ำๆ: เช่น งานคอมพิวเตอร์ นักกีฬาอาชีพ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com บทความเรื่อง การบาดเจ็บซ้ำซากจากงานซ้ำๆ)
ข้ออักเสบมีอาการอย่างไร?
ข้ออักเสบอาจเกิดกับข้อใดก็ได้ และอาจเกิดเพียงข้อเดียว หรือ หลายข้อ หรือทุกข้อในร่างกายพร้อมกันก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุและปัจจัยเสี่ยง ซึ่งอาการโดยทั่วไปของข้ออักเสบ ได้แก่ อาการที่เกิดกับข้อ, และอาการทั่วไป
ก. อาการที่เกิดกับข้อ: อาการจากข้ออักเสบโดยตรงที่พบบ่อย คือ
- ปวดข้อ บางครั้งอาจกดเจ็บที่ข้อร่วมด้วย
- ข้อทำงานผิดปกติ เช่น ข้อยึดติด ข้อเคลื่อนไหวได้จำกัด ข้อผิดรูป
- ข้อบวมจากเนื้อเยื่อข้ออักเสบ ซึ่งมักมีอาการเจ็บร่วมด้วย
- อาจมีน้ำ/สารน้ำ/ของเหลวในข้อ(Joint effusion)โดยเป็นสารน้ำที่สร้างจากเซลล์ที่อักเสบส่งผลให้ข้อบวม อาจร่วมกับอาการปวดข้อหรือไม่ก็ได้ ซึ่งอาการบวมด้วยสาเหตุนี้มักเกิดกับ’ข้อเข่า’
- มีอาการของการอักเสบที่ข้อ เช่น บวม แดง ร้อน เจ็บ
ข. อาการทั่วไป: มักเป็นอาการของสาเหตุที่ทำให้เกิดข้ออักเสบ เช่น อาการของโรคภูมิต้านตนเอง, อาการจากร่างกายมีการติดเชื้อ เช่น ข้ออักเสบจากโรคหนองใน เป็นต้น
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ เมื่อ
- มีอาการเจ็บ/ปวดข้อ หรือ ข้อติดขัด และอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์หลังการดูแลตนเอง หรือ ปวดข้อ ข้อติดขัด เป็นๆหายๆ ต่อเนื่อง
- มีอาการข้ออักเสบเกิดกับข้อที่เคยได้รับอุบัติเหตุมาก่อน
- มีอาการต่างๆดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’
- เมื่อกังวลในอาการเจ็บ/ปวดข้อนั้นๆ
แพทย์วินิจฉัยข้ออักเสบอย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยข้ออักเสบและหาสาเหตุข้ออักเสบได้จาก
- ประวัติอาการต่างๆของผู้ป่วย ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต อาชีพ/การงาน การกีฬา อุบัติเหตุที่ข้อ
- การตรวจร่างกายทั่วไป ร่วมกับ การตรวจข้อที่มีอาการรวมถึงข้อต่างๆที่ปกติ
- อาจมีการตรวจภาพข้อด้วยเอกซเรย์ และ
- อาจมีการสืบค้นเพิ่มเติมด้วยวิธีเฉพาะที่ซับซ้อนเพื่อหาสาเหตุทั้งนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- ตรวจเลือด เช่น เพื่อดูสารภูมิต้านทาน หรือ ดูสารก่อภูมิต้านทาน ในกรณีสงสัยสาเหตุมาจากโรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง หรือ จากการติดเชื้อ เป็นต้น
- เจาะ/ดูดของเหลว/น้ำจากข้อเพื่อการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่รวมถึงการเพาะเชื้อ
- ตรวจภาพข้อด้วยเทคนิคเฉพาะ เช่น เอมอาร์ไอ หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์(ซีทีสแกน) หรือ อัลตราซาวด์ และ
- บางครั้ง อาจมีการตัดชิ้นเนื้อจากเนื้อเยื่อของข้อเพื่อการตาวจทางพยาธิวิทยา
รักษาข้ออักเสบอย่างไร?
แนวทางการรักษาข้ออักเสบ ได้แก่ รักษาสาเหตุ, และ รักษาตัวข้อที่อักเสบ
ก. การรักษาสาเหตุ: จะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละรายตามแต่ละสาเหตุ เช่น รักษาโรคภูมิต้านตนเองเมื่อสาเหตุเกิดจากโรคกลุ่มนี้, พักใช้ข้ออักเสบที่เกิดจากการใช้งานซ้ำๆกรณีเป็นสาเหตุข้ออักเสบ เช่น หยุดเล่นกีฬานั้นๆ เป็นต้น
ข. รักษาตัวข้อที่อักเสบ: เช่น
- ใช้ยาต่างๆเพื่อลดการอักเสบ และลดอาการปวด เช่น ยาในกลุ่มยาแก้อักเสบ(ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ) เช่น ยาเอ็นเสด, ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์
- ใช้ยาแก้ปวด กรณีมีอาการปวดข้อ
- พักใช้งานข้อนั้นๆ
- ทำกายภาพบำบัดข้อนั้นๆ อาจร่วมกับการประคบร้อนประคบเย็น(ประคบร้อนประคบเย็น)
- บางครั้งอาจต้องผ่าตัดข้อนั้นๆ เช่น ผ่าตัดใส่ข้อเทียม, ดูดน้ำ/ของเหลวออกจากข้อกรณีข้อบวมมากจากมีของเหลวคั่งในข้อกรณีการรักษาทางยาและทางกายภาพบำบัดไม่ได้ผล
ข้ออักเสบมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากข้ออักเสบ คือ คุณภาพชีวิตที่เสียไปจากปัญหาใช้ข้อนั้นๆไม่ได้ตามปกติ ซึ่งอาจมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันจนถึงมีผลกระทบต่ออาชีพและการงานที่อาจส่งผลถึงภาวะเศรษฐกิจของผู้ป่วยด้วย
ข้ออักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
โรคข้ออักเสบมีการพยากรณ์โรค คือ เป็นโรคที่รักษาได้ ไม่ทำให้ถึงตาย แต่จากการที่เป็นโรคเรื้อรังจึงส่งผลถึงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยรวมถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ
นอกจากนั้น การพยากรณ์โรคของข้ออักเสบ ยังขึ้นกับโรคที่เป็นสาเหตุด้วย ซึ่งถ้ารักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุได้ไม่ดี ข้ออักเสบมักเป็นๆหายๆ และอาจรุนแรงตามอาการของโรคที่เป็นสาเหตุด้วย เช่น ในกรณีข้ออักเสบเกิดจากโรคภูมิต้านตนเอง เป็นต้น
ดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีข้ออักเสบ ได้แก่
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด แนะนำ
- กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่หยุดยาเอง
- พักใช้ข้อที่อักเสบตามแพทย์แนะนำ
- อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นเสมอเพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด
- ออกกำลังกายใช้ข้อที่อักเสบเพียงเบาๆ สม่ำเสมอ ตามแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด แนะนำ ที่เรียกว่า Joint stretching exercise เพื่อการยืดข้อ เพื่อป้องกันข้อติด
- ประคบข้อที่อักเสบด้วยการประคบร้อนและ/หรือประคบเย็น ควรปรึกษา แพทย์ พยาบาล หรือ นักกายภาพบำบัดที่ดูแลรักษาผู้ป่วยก่อน เพราะอาจต้องขึ้นกับสาเหตุของการอักเสบ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com เรื่อง “ประคบร้อนประคบเย็น”)
- พยายามลดน้ำหนักตัว, ควบคุมน้ำหนักตัว, เพื่อลดการแบกรับน้ำหนักของข้อ
- พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- ปวดข้อมากขึ้น
- มีการเพิ่มจำนวนข้อที่ปวดมากขึ้นจากเดิม
- ข้ออักเสบมากขึ้น เช่น บวม แดง ร้อน มากขึ้น
- ข้อยึดมากขึ้น หรือ เคลื่อนไหวข้อได้น้อยลง
- มีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย เช่น มีไข้ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
- มีผลข้างเคียงต่อเนื่องจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย อุจจาระมีเลือดปน เลือดออกง่าย(เช่น มีจ้ำห้อเลือดตามผิวหนัง)
- กังวลในอาการ
ป้องกันข้ออักเสบอย่างไร?
การป้องกันข้ออักเสบให้ได้เต็มร้อย เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ เพราะสาเหตุหลักของข้ออักเสบ คือ ข้อเสื่อมจากสูงอายุ แต่พอที่จะลดโอกาสเกิด และลดความรุนแรงของอาการข้ออักเสบลงได้ จากการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น
- ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกิดภาวะโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
- รู้จักวิธีใช้ข้อต่างๆให้ถูกต้อง ตามหลักการแพทย์ ตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล และ/หรือ นักกายภาพบำบัด เมื่อต้องทำงาน หรือเล่นกีฬา ที่ต้องมีการใช้ข้อซ้ำๆ
- ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุต่อข้อ เช่น เมาไม่ขับ ไม่ขับรถด้วยความเร็วสูงเกินกำหนด เป็นต้น
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ) และใช้ถุงยางอนามัยชายเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดโอกาสเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจเป็นสาเหตุเกิดข้ออักเสบติดเชื้อได้ เช่น โรคหนองใน เป็นต้น
- กำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงลายและป้องกันยุงลายกัด เพื่อป้องกันโรคชิคุนกุนยา
บรรณานุกรม
- https://www.arthritis.org/health-wellness/about-arthritis/understanding-arthritis/what-is-arthritis [2022,April30]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Arthritis [2022,April30]
- https://www.nhs.uk/conditions/arthritis/ [2022,April30]
- https://www.niams.nih.gov/health-topics/arthritis [2022,April30]