ข้ออักเสบติดเชื้อ ข้อติดเชื้อ (Septic arthritis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 4 มีนาคม 2566
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- อะไรคือสาเหตุของข้ออักเสบติดเชื้อ? ติดเชื้อจากทางใด?
- ข้ออักเสบติดเชื้อมีอาการอย่างไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดข้ออักเสบติดเชื้อ?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยข้ออักเสบติดเชื้ออย่างไร?
- รักษาข้ออักเสบติดเชื้ออย่างไร?
- ข้ออักเสบติดเชื้อมีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ข้ออักเสบติดเชื้อมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันข้ออักเสบติดเชื้ออย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ข้ออักเสบ (Arthritis)
- กระดูกอักเสบ (Osteomyelitis)
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted disease)
- หนองใน (Gonorrhea)
- ยาต้านไวรัส (Antiviral drugs)
- ยาต้านเชื้อรา (Antifungal drugs)
- แบคทีเรีย: โรคจากแบคทีเรีย (Bacterial infection)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ข้ออักเสบติดเชื้อ หรือข้อติดเชื้อ (Septic arthritis หรือ Infectious arthritis) คือโรคที่ข้อต่างๆของร่างกายเกิดอักเสบจากติดเชื้อซึ่งเกือบทั้งหมดจากเชื้อแบคทีเรีย, โดยข้อติดเชื้อที่พบน้อยมากคือติดเชื้อไวรัส และที่พบได้ในกลุ่มผู้มีภูมคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ/บกพร่อง คือ ข้อติดเชื้อรา
ข้ออักเสบติดเชื้อมีชื่อเรียกต่างๆได้หลายชื่อ เช่น
- เมื่อข้อติดเชื้อแบคทีเรียจะเรียกว่า “Bacterial arthritis”
- เมื่อข้อติดเชื้อไวรัสจะเรียกว่า “Viral arthritis”
- เมื่อข้อติดเชื้อราจะเรียกว่า “Fungal arthritis”
- เมื่อข้อติดเชื้อแบคทีเรียจากเชื้อหนองใน/โกโนเนรีย จะเรียกว่า “Gonococcal arthritis”
- เรียกข้อติดเชื้อแบคทีเรียที่นอกเหนือจากเชื้อหนองใน ในภาพรวมว่า “Non gonococcal arthritis”
- เมื่อมีหนองเกิดขึ้นในข้อ จากข้อติดเชื้อชนิดใดๆก็ตาม จะเรียกว่า “Suppurative arthritis”
ข้ออักเสบติดเชื้อ ทั่วไปมักเกิดเพียงข้อเดียว แต่พบเกิดหลายข้อพร้อมกัน หรือ เกิดทีละข้อๆไม่พร้อมกันก็ได้ ขึ้นกับสาเหตุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ทั้งนี้ข้อติดเชื้อสามารถเกิดได้กับทุกข้อของร่างกาย โดยข้อที่พบมีการติดเชื้อบ่อยที่สุด คือ ข้อเข่า และข้อสะโพก
ข้ออักเสบติดเชื้อพบได้เรื่อยๆ สถิติทั่วไปในแต่ละปีพบโรคนี้ได้ต่างกันในแต่ละประเทศ, พบทุกเพศ ทุกวัย, ในประเทศตะวันตก ในแต่ละปี มีรายงานประมาณ 7.8 รายต่อประชากร 1 แสนคน, เกิดจากโรคหนองในประมาณ 2.8 รายต่อประชากร1แสนคน, และเกิดจากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อ 2% - 10%
อะไรคือสาเหตุของข้ออักเสบติดเชื้อ? ติดเชื้อจากทางใด?
ข้ออักเสบติดเชื้อมีสาเหตุจากข้อติดเชื้อโรค ซึ่งอาจจากเชื่อแบคทีเรีย, เชื้อไวรัส หรือเชื้อรา ซึ่งเมื่อข้อติดเชื้อเกิดอย่างรวดเร็วและรักษาให้หายได้ภายในระยะเวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์เรียกว่า “ข้ออักเสบติดเชื้อเฉียบพลัน หรือ ข้อติดเชื้อเฉียบพลัน (Acute infectious arthritis)” แต่ถ้าข้อติดเชื้อเป็นๆหายๆเรื้อรัง มีอาการเรื้อรัง และใช้เวลารักษานานหลายเดือน เรียกว่า “ข้ออักเสบติดเชื้อเรื้อรัง หรือ ข้อติดเชื้อเรื้อรัง (Chronic infectious arthritis)”
ก. ข้อติดเชื้อแบคทีเรียชนิดไม่ใช่เชื้อหนองใน: เป็นสาเหตุเกิดบ่อยที่สุด คือ ประมาณ 80% ของผู้ป่วยข้อติดเชื้อทั้งหมด ทั้งในผู้ใหญ่และในเด็กส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ Staphylococcus รองลงไปคือจากเชื้อ Streptococci นอกนั้นเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆทั้งชนิด แกรมบวกหรือชนิดแกรมลบ ซึ่งถ้าข้อติดเชื้อจากแผลถูกตำ มักเกิดจากเชื้อ Pseudomanas และในเด็กเล็กที่พบบ่อยต่างจากในผู้ใหญ่ คือจาก เชื้อ Haemophilus influenzae
ทั้งนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ มักตรวจพบเชื้อได้จากการเพาะเชื้อจากของเหลว หรือจากหนองที่อยู่ในข้อที่อักเสบ โดยอัตราตรวจพบได้สูงถึงประมาณ 80-90%
ข. ข้อติดเชื้อแบคทีเรียหนองใน: มักพบในคนวัยหนุ่มสาววัยมีเพศสัมพันธ์บ่อย สถิติเกิดต่างกันมากในแต่ละประเทศขึ้นกับการสาธารณสุขของประเทศนั้นๆ มีรายงานพบได้ประมาณ 5% ถึง 3% ของผู้ป่วยโรคหนองใน
ค. แบคทีเรียที่มักเป็นสาเหตุเกิดข้อติดเชื้อเรื้อรัง: ซึ่งพบได้น้อย เช่น จากเชื้อ วัณโรค
ง. เชื้อไวรัส: พบได้น้อย เช่นจาก เชื้อเอชไอวี, เชื้อโรคหัดเยอรมัน, ไวรัสตับอักเสบ บี
จ. เชื้อรา: มักพบในผู้มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ แต่ก็พบได้น้อย เช่น ในผู้ป่วยเอชไอวี เบาหวาน โดยเชื้อราที่พบเป็นสาเหตุบ่อย คือเชื้อแคนดิดา (แคนดิไดอะซิส)
ติดเชื้อทางใด?:
การติดเชื้อของข้อ เกิดได้จากหลายทางที่พบบ่อย เช่น
- จากเชื้อที่มาตามกระแสเลือดจาก มีบาดแผล หรือ มีการติดเชื้อในเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆที่อยู่ไกลออกไปจากข้อที่ติดเชื้อ เช่นจาก ฟันผุ, โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ, โรคลิ้นหัวใจ, กระดูกอักเสบ, ใช้เข็มฉีดยาที่ติดเชื้อ (เช่น กรณีฉีดสารเสพติด), หรือจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ)
- จากเชื้อเข้าสู่ข้อนั้นๆโดยตรงจากอาวุธ เครื่องมือ เครื่องใช้, เช่น แผลถูกแทง ถูกยิง เข้าข้อ, การผ่าตัดรักษาโรคข้อ, การเจาะน้ำจากข้อในการรักษาข้อเข่าเสื่อม, หรือ จากอุบัติเหตุที่เกิดข้อฉีกขาด
- จากเชื้อลามมาจากแผลติดเชื้อของเนื้อเยื่อ/อวัยวะใกล้เคียงที่อยู่ติดกับข้อนั้นๆ เช่น จากแผลที่ผิวหนัง หรือจากกระดูกอักเสบชิ้นเดียวกับข้อที่ติดเชื้อ
ข้ออักเสบติดเชื้อมีอาการอย่างไร?
อาการของข้อติดเชื้อที่พบบ่อยที่สุด คือ มีไข้สูง, ร่วมกับมีอาการปวด/เจ็บอย่างมากที่ข้อที่ติดเชื้อ ซึ่งข้อที่ติดเชื้อจะ บวม แดง ส่งผลให้เคลื่อนไหวข้อไม่ได้จากเจ็บข้อมาก ส่วนอาการอื่นนอกจากนั้น เช่น
- อาการทั่วไปจากมีไข้: เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดหัว หนาวสั่น
- อาการจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์: กรณีสาเหตุเกิดจากเชื้อหนองใน(แนะนำอ่านเพิ่มเติมจากเว็บ com บทความเรื่อง ‘โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์’)
- อาการจากสาเหตุที่จะต่างกันในแต่ละบุคคลตามสาเหตุ เช่น อาการของโรคลิ้นหัวใจ เป็นต้น
ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดข้ออักเสบติดเชื้อ?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดข้อติดเชื้อ เช่น
- อายุ: เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุ
- มีประวัติโรคข้อเรื้อรังชนิดต่างๆ เช่น โรคข้อรูมาตอยด์
- มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ/บกพร่อง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี
- โรคข้อที่ต้องรักษาด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าข้อ
- มีแผลติดเชื้อแบคทีเรียในอวัยวะ/เนื้อเยื่ออื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเป็นแผลเรื้อรัง
- ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ
- ผู้ที่เพิ่งผ่าตัดข้อ หรือ ส่องกล้องข้อ
- ผู้ผ่าตัดใส่ข้อเทียม
- ผู้ที่ฉีดยาเสพติด
- ผู้ติดเชื้อหนองใน
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการดังกล่าวใน 'หัวข้อ อาการฯ' โดยเฉพาะกลุ่มมีปัจจัยเสี่ยง ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเร็วที่สุดเพราะผลการรักษาโรคข้อติดเชื้อจะขึ้นกับการได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่รวดเร็ว
แพทย์วินิจฉัยข้ออักเสบติดเชื้ออย่างไร?
ทั่วไป แพทย์วินิจฉัยโรคข้อติดเชื้อได้จาก
- ลักษณะทางคลินิกของผู้ป่วย เช่น ประวัติอาการ ประวัติสาเหตุที่เกิดโรค ประวัติการเจ็บป่วย การใช้ยาต่างๆ ประวัติการผ่าตัด ประวัติเพศสัมพันธ์
- การตรวจร่างกายทั่วไปร่วมกับการตรวจคลำข้อที่มีอาการและข้อต่างๆ
- หลังจากนั้นจะเป็นการตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและการตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุ ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ว่าสงสัยเกิดจากเชื้ออะไร ซึ่งการสืบค้นต่างๆ เช่น
- ตรวจเลือดดูค่าต่างๆ เช่น ซีบีซี(CBC), สารภูมิแพ้, สารก่อภูมิแพ้
- การตรวจเชื้อและการเพาะเชื้อจากหนอง/ของเหลวที่ดูดออกมาจากข้อ
- การตรวจเพาะเชื้อจากเลือด
- เอกซเรย์, อัลตราซาวด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์/ซีทีสแกน, และ/หรือเอมอาร์ไอ ภาพข้อที่มีอาการ
รักษาข้ออักเสบติดเชื้ออย่างไร?
แนวทางการรักษาข้อติดเชื้อ ได้แก่ รักษาสาเหตุ, รักษาประคับประคองตามอาการ, และอื่นๆ
ก. การรักษาสาเหตุ: เป็นการรักษาที่สำคัญที่สุด คือ
- การใช้ยาปฏิชีวนะกรณีสาเหตุจากติดเชื้อแบคทีเรีย: เช่น ยา Vancomycin, Cephalosporin, Ceftriaxone, Fluoroquinolone ซึ่งการใช้ยาปฏิชีวนะในระยะแรกอาจเป็นการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ หรือการให้ยาทางหลอดเลือดดำ, หรือการรักษาด้วย’ยาวัณโรค’กรณีสาเหตุจากเชื้อวัณโรค เป็นต้น
- รักษาประคับประคองตามอาการกรณีข้อติดเชื้อไวรัส: ทั้งนี้เพราะเขื้อไวรัสยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัส, ยาปฏิชีวนะฆ่าได้เฉพาะเชื้อแบคทีเรีย,
- การรักษาข้อติดเชื้อไวรัสจึงมักเป็นการรักษาประคับประคองตามอาการ และการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายค่อยๆกำจัดเชื้อไวรัสออกจากร่างกายไปเอง
- การใช้ยาต้านเชื้อรา: กรณีสาเหตุจากข้อติดเชื้อรา เช่นยา Amphotericin B, และยาในกลุ่มยา Azole เช่น Fluconazole
ข. การรักษาประคับประคองตามอาการ/การรักษาตามอาการ: คือ การรักษาตามอาการของผู้ป่วย เช่น ยาแก้ปวด, การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำกรณีกินอาหารได้น้อย, การจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อเพื่อลดอาการปวด
ค. อื่นๆ: เช่น
- รักษาโรคที่เป็นต้นเหตุ เช่น โรคติดเชื้อเอชไอวี โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด โรคเบาหวาน กระดูกอักเสบ (แนะนำอ่านวิธีรักษาแต่ละโรคได้จากเว็บcom)
- การดูดสารน้ำ/ของเหลวออกจากข้อ
- การเจาะหนอง หรือผ่าตัดเพื่อระบายหนองออกจากข้อ
- การผ่าตัดข้อที่ติดเชื้อเพื่อกำจัดรอยโรคในข้อที่ติดเชื้อ
- การทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูข้อหลังการรักษา
ข้ออักเสบติดเชื้อมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข่างเคียงที่อาจพบได้จากข้อติดเชื้อ เช่น
- ติดเชื้อลุกลามรุนแรงจนเกิดเป็นการติดเชื้อในกระแสโลหิต (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ/ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด) จนอาจเป็นเหตุถึงตายได้
- การอักเสบโดยเฉพาะการอักเสบเรื้อรังส่งผลให้ข้อบาดเจ็บเสียหายจนผิดรูป ส่งผลให้ใช้ข้อไม่ได้ตามปกติจนอาจต้องผ่าตัดใส่ข้อเทียม
ข้ออักเสบติดเชื้อมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคข้ออักเสบติดเชื้อขึ้นกับหลายปัจจัย ปัจจัยที่ทำให้การพยากรณ์โรคไม่ดี เช่น
- อายุที่มากกว่า 65 ปีขึ้นไป
- มีโรคประจำตัวเรื้อรังโดยเฉพาะเมื่อควบคุมรักษาโรคประจำตัวนั้นๆได้ไม่ดี
- มีการติดเชื้อในหลายๆข้อ
- เป็นการติดเชื้อในข้อที่มีโรคข้อเดิมอยู่แล้ว
- เป็นการติดเชื้อของ ข้อสะโพก หรือ ข้อไหล่
- ได้รับการรักษาล่าช้าด้วยยาปฏิชีวนะกรณีเป็นการติดเชื้อสาเหตุจากแบคทีเรีย
- เกิดภาวะเชื้อดื้อยา
อนึ่ง: ทั่วไป ถ้าได้รับการรักษาที่รวดเร็ว และไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้การพยากรณ์โรคแย่ลง ข้อติดเชื้อมักรักษาได้หาย และข้อกลับมาใช้งานได้ใกล้เคียงปกติ แต่ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงที่ไม่ดี ข้อติดเชื้ออาจเป็นเหตุให้ตายได้จากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ได้ประมาณ 10-20% กรณีได้รับการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น ยาปฏิชีวนะอย่างทันท่วงที แต่ถ้าพบแพทย์ช้ามีรายงานอัตราตายประมาณ 60-65%
ดูแลตนเองอย่างไร?
การรักษาข้ออักเสบติดเชื้อที่ในระยะแรกแพทย์มักให้ผู้ป่วยอยู่รักษาในโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ การดูแลตนเองที่บ้านทั่วไป คือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด แนะนำ
- กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยา ไม่หยุดยาเอง
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)
- ดูแลฟื้นฟูข้อตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล และนักกายภาพบำบัด สม่ำเสมอ
- รักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุข้ออักเสบติดเชื้อให้ได้ดี เช่น โรคเยื่อบุหายใจอักเสบ, ฟันผุ
- ไม่ใช้เข็มฉีดยาที่ไม่สะอาด ที่ไม่ปลอดเชื้อ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
กรณีข้อติดเชื้อที่เมื่อกลับมาอยู่บ้านแล้ว ทั่วไป ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการต่างๆแย่ลง เช่น มีหนองไหลออกมาจากข้อมากขึ้น ข้อบวม/ปวดมากขึ้น
- อาการที่ดีขึ้นแล้ว แต่กลับมาเป็นใหม่อีก เช่น กลับมามีไข้
- มีอาการที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น มีเลือดไหลออกจากข้อที่ติดเชื้อ หรือมีอาการบวมตามแขน ขา เนื้อตัว หรือเหนื่อยง่าย เป็นลม
- กังวลในอาการ
ป้องกันข้ออักเสบติดเชื้ออย่างไร?
การป้องกันข้อติดเชื้อ ทั่วไป เช่น
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)
- ป้องกัน รักษา ควบคุม โรค ที่อาจเป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงให้ได้ดี เช่น เอชไอวี หนองใน ฟันผุ
- ระวังการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง และเมื่อเกิดอุบัติเหตุเกิดแผล หรืออุบัติเหตุต่อข้อ และ/หรือต่อกระดูก ควรรีบไปโรงพยาบาล
- รักษาแผลที่ผิวหนังให้สะอาดเสมอ โดยเฉพาะแผลถูกตำที่จะติดเชื้อได้ง่าย และหายช้า
- ไม่ใช้เข็มฉีดยาที่ไม่สะอาด
- เมื่อมีอาการข้อผิดปกติต่างๆ ต้องรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลภายใน 2-3วันหลังดูแลตนเองในเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น
บรรณานุกรม
- Horowitz,D., and Katzap,E. (2011). Am Fam Physician. 84, 653-660.
- https://en.wikipedia.org/wiki/Septic_arthritis [2023,March4]
- https://emedicine.medscape.com/article/236299-overview#showall [2023,March4]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK538176/ [2023,March4]
- https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/22418-septic-arthritis#diagnosis-and-tests [2023,March4]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK470439/ [2023,March4]