แคลเซียมคลอไรด์ (Calcium chloride)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 27 กุมภาพันธ์ 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- แคลเซียมคลอไรด์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- แคลเซียมคลอไรด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- แคลเซียมคลอไรด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- แคลเซียมคลอไรด์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- แคลเซียมคลอไรด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้แคลเซียมคลอไรด์อย่างไร?
- แคลเซียมคลอไรด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาแคลเซียมคลอไรด์อย่างไร?
- แคลเซียมคลอไรด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจเสียจังหวะ (Arrhythmia)
- ภาวะช็อก อาการช็อก (Shock)
- เซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone)
- ไฮโดรคลอโรไทอะไซด์ (Hydrochlorothiazide)
- แคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia)
- ฮอร์โมนจากต่อมพาราไทรอยด์ (Hormones secreted by parathyroid gland)
- ชักเกร็ง (Tonic seizure)
บทนำ: คือยาอะไร?
แคลเซียมคลอไรด์ (Calcium chloride) คือ ยา/สารประกอบประเภทเกลือชนิดหนึ่งมีลักษณะเป็นของแข็งสามารถละลายน้ำได้ดี โดยจะเกิดการแตกตัวของสารประกอบได้แคลเซียมไอออน(Calcium ion) ในทางคลินิกได้นำคุณสมบัตินี้มาเตรียมเป็นสูตรตำรับยาแผนปัจจุบันเป็นประเภทยาฉีดปราศจากเชื้อที่มีขนาดความเข้มข้น 10% เพื่อนำมาใช้รักษา
- ภาวะเกลือแคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia)
- บำบัดอาการชักลักษณะชักเกร็งอันมีเหตุจากการขาดฮอร์โมนจากต่อมพาราไทรอยด์
- บำบัดอาการพิษจากการได้รับเกลือแร่/ แร่ธาตุ ชนิดแมกนีเซียมสูงเกิน เช่น จากการเสริมอาหาร
- ช่วยกระตุ้นหัวใจให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติหลังทำการผ่าตัดหัวใจ
ทั้งนี้ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์เมื่อถูกฉีดเข้ากระแสเลือดในระดับที่เหมาะสมจะทำหน้าที่รักษาสมดุลเกลือแคลเซียมของร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อและกระแสประสาททำงานได้อย่างปกติ
ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์สามารถผ่านเข้ารกและซึมเข้าในน้ำนมของมารดาได้ ร่างกายสามารถขับเกลือแคลเซียมคลอไรด์ผ่านออกไปกับปัสสาวะและอุจจาระ บางส่วนอาจขับออกมากับ เหงื่อทางผิวหนัง ผม และเล็บ
การฉีดยา/สารละลายของแคลเซียมคลอไรด์ต้องฉีดเข้าหลอดเลือดดำอย่างช้าๆ ตัวยาอาจทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดดังกล่าวขยายตัวจนทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแสบร้อนในขณะที่ฉีดยา นอกจากนี้ยัง อาจทำให้ความดันโลหิตลดลงและไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต
การใช้ยาแคลเซียมคลอไรด์ในรูปแบบสารละลาย จะมีแต่ในสถานพยาบาลเท่านั้นและต้องใช้หัตถการทางการแพทย์ที่ถูกต้องเหมาะสมมาประกอบเมื่อต้องใช้ยากับผู้ป่วย
แคลเซียมคลอไรด์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยา/ยาสารละลายแคลเซียมคลอไรด์มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- ใช้บำบัดรักษาภาวะเกลือแคลเซียมในเลือดต่ำ
- กระตุ้นการทำงานของหัวใจ
- รักษาอาการพิษจากแมกนีเซียม
แคลเซียมคลอไรด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์มีกลไกการออกฤทธิ์ดังนี้
- กรณีที่ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ: เกลือแคลเซียมคลอไรด์จะเข้าไปสร้างสมดุลของประจุเกลือนี้ในกระแสเลือด อีกทั้งใช้เป็นแหล่งแคลเซียมสำรองให้กับหัวใจและเส้น ใยประสาทโดยจะทำให้หัวใจหดตัวอย่างเหมาะสม และการส่งกระแสประสาทจากใยประสาทสามารถทำได้ต่อเนื่อง จากกลไกเหล่านี้จึงก่อให้เกิดฤทธิ์ในการรักษาตามสรรพคุณ
- กลไกเพิ่มแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ: โดยแคลเซียมไอออนจะเข้าไปในผนังเซลล์ของกล้ามเนื้อหัวใจและผ่านเข้าสู่ไซโตพลาสซึม (Cytoplasm, ส่วนประกอบของเซลล์ที่มีลักษณะเป็นน้ำที่มีน้ำ เกลือแร่ และสารต่างๆที่ใช้ในการดำรงชีวิตเช่น สารอาหารต่างๆเป็นส่วนประ กอบ) ส่วนที่มีชื่อเฉพาะว่า ซาร์โคพลาสซึม (Sarcoplasm) ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนำแคลเซียมไปใช้เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจให้ทำการหดตัวและทำงานได้อย่างปกติและต่อเนื่อง
- การต้านพิษของแมกนีเซียม: โดยแคลเซียมจะไปขับแมกนีเซียมออกจากกระแสเลือดด้วยกระบวนการทางชีวเคมีทำให้เกลือแมกนีเซียมในเลือดลดต่ำลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ
แคลเซียมคลอไรด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์มีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาฉีด ความเข้มข้น 100 มิลลิ กรัม/มิลลิลิตร ขนาดบรรจุ 10 มิลลิลิตร
แคลเซียมคลอไรด์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์มีขนาดการบริหารยา/การใช้ยา เช่น
- ก่อนการให้ยานี้กับผู้ป่วย แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและคำนวณสัดส่วนของปริมาณยาที่ต้องให้กับผู้ป่วยอย่างเหมาะสม
- การฉีดสารละลายแคลเซียมคลอไรด์ขนาดความเข้มข้น 10% จะต้องฉีดทางหลอดเลือดดำอย่างช้าๆหรือในอัตราความเร็วไม่เกิน 1 มิลลิลิตร/นาที
- กรณีที่ต้องการกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ให้ฉีดยาเข้าที่โพรงหัวใจห้องล่าง (Ventricular cavity) และห้ามฉีดเข้ากล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง
- จะเป็นการดีหากทำให้ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์มีอุณหภูมิก่อนฉีดเท่ากับอุณหภูมิ ของร่างกาย
ก. ขนาดที่ฉีดเข้าโพรงหัวใจห้องล่างเพื่อกระตุ้นการทำงานของหัวใจ:
- ผู้ใหญ่: ฉีดยานี้ขนาด 200 - 800 มิลลิกรัม
- เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก): ฉีดยานี้ขนาด 0.2 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
ข. ขนาดที่ฉีดยานี้เข้าหลอดเลือดดำเพื่อบำบัดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ:
- ผู้ใหญ่: ฉีดยาขนาด 500 – 1,000 มิลลิกรัมในช่วง 1 - 3 วัน ทั้งนี้ขนาดยาและระยะเวลาที่ใช้รักษาขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผู้ป่วยและต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์
- เด็ก: ฉีดยาขนาด 0.2 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ขนาดการใช้ยาสูงสุดอยู่ในช่วง 1 - 10 มิลลิลิตร/วัน
ค. เพื่อรักษาอาการพิษจากแมกนีเซียม:
- ผู้ใหญ่: ฉีดยาขนาด 500 มิลลิกรัมโดยทันที และสังเกตอาการตอบสนองของผู้ป่วยก่อนจะพิจารณาใช้ยาแคลเซียมคลอไรด์อีกครั้งตามดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
- เด็ก: ขนาดการใช้ยาเพื่อรักษาอาการพิษจากแมกนีเซียมของเด็ก ต้องเป็นไปตามความเห็นของแพทย์ผู้รักษาโดยพิจารณาการรักษาเป็นกรณีไป
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และ เภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
แคลเซียมคลอไรด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์สามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- กรณีที่ฉีดยาให้ผู้ป่วยเร็วเกินไป: จะทำให้รู้สึกซ่าตามเนื้อตัว แขนขา และชาขณะกำลังได้รับยาฉีด รู้สึกแสบร้อนในบริเวณที่ฉีดยา ซึ่งการใช้เข็มขนาดที่เล็กๆอาจช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ได้
- นอกจากนั้นเกลือแคลเซียมอาจทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้น้อยลง และอาจ ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงขยายตัวจนเกิดความดันโลหิตต่ำ เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ บางกรณีอาจเกิดภาวะช็อกติดตามมา
มีข้อควรระวังการใช้แคลเซียมคลอไรด์อย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาแคลเซียมคลอไรด์ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่แพ้ยานี้
- ห้ามฉีดยานี้เข้าหัวใจในขณะมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Ventricular fibrillation)
- ห้ามฉีดยานี้เข้ากล้ามเนื้อด้วยจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างมาก
- ควรทำให้สารละลายแคลเซียมคลอไรด์มีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิของร่างกายก่อนฉีดให้ผู้ ป่วย
- การฉีดยานี้ควรกระทำอย่างช้าๆเพื่อลดอาการระคายเคือง อีกทั้งเป็นการป้องกันมิให้ความเข้มข้นของเกลือแคลเซียมในหัวใจสูงมากเกินไปจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายขึ้นได้
- การใช้ยาในสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมสารละลายแคลเซียมคลอไรด์ด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
แคลเซียมคลอไรด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ ร่วมกับยา Digoxin ด้วยจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ แน่นหน้าอก ตาพร่า คลื่นไส้ และมีอาการชัก กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีบุคคลไป
- ห้ามใช้ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ ร่วมกับยา Ceftriaxone ด้วยจะก่อให้เกิดการตกตะ กอนของตัวยาในกระแสเลือด ในปอด ในไต และจะอันตรายมากหากกรณีนี้เกิดในทารกแรกเกิด
- การใช้ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ ร่วมกับยา Hydrochlorothiazide จะทำให้ระดับแคล เซียมในเลือดเพิ่มสูงขึ้นจนอาจก่อให้เกิดอาการวิงเวียน ง่วงนอน อ่อนเพลีย ปวดหัว และคลื่นไส้อาเจียนติดตามมา กรณีที่ต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- การใช้สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ร่วมกับยากลุ่ม Tetracycline อาจทำให้ประสิทธิภาพการรักษาของ Tetracycline ด้อยลงไป หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันควรเว้นระยะเวลาให้ห่างกัน 2 - 3 ชั่วโมงขึ้นไป
ควรเก็บรักษาแคลเซียมคลอไรด์อย่างไร?
ควรเก็บยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์:
- เก็บยาในช่วงอุณหภูมิ 15 - 30 องศาเซลเซียส(Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และ ความชื้น
- ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เกิดตะกอนหรือมีสีที่เปลี่ยนไปจากเดิม
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
แคลเซียมคลอไรด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยา/สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Calcium Chloride Injection USP 10% (แคลเซียมคลอไรด์ อินเจ็คชั่น ยูเอสพี 10%) | IMS |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Calcium_chloride#Medicine [2022,Feb26]
- http://food.fda.moph.go.th/law/data/announ_fda/034ntffda_Use_of_Vit&Min_in_Food_Supplement.pdf [2022,Feb26]
- https://www.drugs.com/pro/calcium-chloride.html [2022,Feb26]
- https://www.mims.com/indonesia/drug/info/calcium%20chloride?mtype=generic [2022,Feb26]
- https://www.drugs.com/sfx/calcium-chloride-side-effects.html [2022,Feb26]
- https://www.drugs.com/drug-interactions/calcium-chloride-with-cardoxin-474-0-883-3379.html [2022,Feb26]
- https://www.rxlist.com/calcium-chloride-drug.htm [2022,Feb26]
- https://reference.medscape.com/drug/cacl-or-cacl-2-calcium-chloride-344432 [2022,Feb26]
- https://www.nps.org.au/medicine-finder/calcium-chloride-injection-ucb-pharma [2022,Feb26]