ประจำเดือนผิดปกติ (Menstrual disorder)
- โดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
- 26 พฤศจิกายน 2565
- Tweet
สารบัญ
- ภาวะประจำเดือนผิดปกติหมายถึงอะไร?
- อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนผิดปกติ?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการมีประจำเดือนผิดปกติ?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีประจำเดือนผิดปกติ?
- ควรไปพบแพทย์เมื่อใด?
- แพทย์วินิจฉัยสาเหตุภาวะประจำเดือนผิดปกติอย่างไร?
- รักษาภาวะประจำเดือนผิดปกติอย่างไร?
- ภาวะประจำเดือนผิดปกติมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ประจำเดือน (Menstruation)
- ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
- การคุมกำเนิด (Contraception)
- โรคเลือด (Blood Diseases)
- วัยหมดประจำเดือน (Menopause)
- วัยใกล้หมดประจำเดือน (Perimenopause)
- เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด (Irregular bleeding per vagina)
- พีซีโอเอส หรือ พีโอเอส: กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ (PCOS หรือ POS : Polycystic ovarian syndrome)
ภาวะประจำเดือนผิดปกติหมายถึงอะไร?
ลักษณะ 'ประจำเดือนที่ปกติ' จะเกิดในช่วง 21 -35 วัน อย่างสม่ำเสมอ, ปริมาณเลือดที่ออกจะประมาณ 30-50 มิลลิลิตรต่อรอบเดือน, มีเลือดประจำเดือนไหลอยู่ประมาณ 3-5 วัน และลักษณะเลือดที่ออกมักไม่เป็นลิ่มเลือด
ดังนั้น “ภาวะประจำเดือนผิดปกติ หรือประจำเดือนผิดปกติ หรือภาวะประจำเดือนไม่ปกติ หรือ ประจำเดือนไม่ปกติ (Menstrual disorder หรือ Menstrual problem หรือ Menstrual irregularity หรือ Abnormal menstruation)” จึงมีความผิดปกติได้หลายแบบ เช่น
- ปริมาณเลือดประจำเดือน มากกว่า 80 มิลลิลิตรต่อรอบเดือน
- มีความผิดปกติที่รอบระยะเวลาที่เป็นประจำเดือน เช่น สั้นกว่า 21 วัน หรือยาวนานกว่า 35 วัน
- ผิดปกติที่จำนวนวันที่มีประจำเดือน เช่น มากกว่า 7 วัน
- ลักษณะเลือดที่ออกเป็นแบบกะปริบกะปรอย(เลือดออกครั้งละน้อยๆ บางวันเลือดออก บางวันเลือดหยุด)
- มีเลือดออกระหว่างรอบประจำเดือน
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนผิดปกติ?
สาเหตุประจำเดือนผิดปกติ เมื่อจัดกลุ่มตามอายุผู้ป่วย สามารถแบ่งสาเหตุออกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
ก. ประจำเดือนผิดปกติในช่วงวัยรุ่น
ข. ประจำเดือนผิดปกติในช่วงวัยเจริญพันธุ์
ค. ประจำเดือนผิดปกติในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน และในวัยหมดประจำเดือน
ก. ประจำเดือนผิดปกติในช่วงวัยรุ่น (อายุ11-19 ปี): สาเหตุ เช่น
- สาเหตุที่ไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์: ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของประจำเดือนผิดปกติในวัยนี้ เช่น
- ภาวะระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายไม่ปกติ: พบได้บ่อยมากในวัยรุ่น เนื่องจากระบบฮอร์โมนเพศยังพัฒนาไม่เต็มที่, และสาเหตุอื่นที่พบ เช่น
- ภาวะไข่ไม่ตก: พบได้ในวัยรุ่นสตรีที่อ้วน หรือผอมเกินไป, สตรีที่มีความเครียดสูง, สตรีที่เป็นนักกีฬาที่ฝึกซ้อมอย่างหนัก, เป็นต้น ซึ่งทำให้ระบบฮอร์โมนจากสมองหลั่งฮอร์โมนชนิด Gonadotropin releasing hormone (GnRH) /ฮอร์โมนที่ควบคุมการทำงานของรังไข่ออกมาผิดปกติ ทำให้เกิดความไม่สมดุลต่างๆของฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญพันธุ์, มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวไปเรื่อยๆ จากอิทธิพลของฮอร์โมนเอสโตรเจน, เมื่อไข่ไม่ตกก็จะไม่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ไปเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกให้หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือนตามรอบปกติ ประจำเดือนจึงจะขาดหายไปทีละ 2-3 เดือน
- ภาวะพีซีโอเอส (Polycystic ovary syndrome /PCOS): เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอนโดรเจนสูง ทำให้ไปเกิดการไม่ตกไข่เรื้อรัง
- การได้รับฮอร์โมนเพศจากภายนอก: เช่น การรับประทาน ยาเม็ดคุมกำเนิด, ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน, การใช้ ยาฉีดคุมกำเนิด, ยาฝังคุมกำเนิด, ซึ่งฮอร์โมนที่ได้รับนี้ จะมีผลต่อเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้บางครั้งมีเลือดประจำเดือนผิดปกติได้
- มีการอักเสบหรือติดเชื้อของอวัยวะสืบพันธุ์: เช่น การอักเสบที่ปากมดลูก/ปากมดลูกอักเสบ, เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ จึงสามารถทำเกิดให้เลือดออกทางช่องคลอด/เลือดประจำเดือนที่ผิดปกติได้, แต่ลักษณะของเลือดที่ออกมักเป็นแบบกะปริบกะปรอย
- โรคเลือด: เช่น ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ, โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ, โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว, โรค von Willebrand’s (โรคทางพันธุกรรมที่พบน้อย, ที่ผู้ป่วยขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือด ส่งผลให้เกิดเลือดออกได้ง่ายกับทุกอวัยวะ), ซึ่งเลือดประจำเดือนที่ออกในสตรีเหล่านี้มักจะมีปริมาณมากเพราะมีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- ภาวะระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายไม่ปกติ: พบได้บ่อยมากในวัยรุ่น เนื่องจากระบบฮอร์โมนเพศยังพัฒนาไม่เต็มที่, และสาเหตุอื่นที่พบ เช่น
- สาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์: เช่น
- การแท้งบุตร: ผู้ป่วยจะมีการขาดหายไปของประจำเดือน อาจมีอาการ คลื่นไส้อาเจียน และต่อมามีเลือดออกทางช่องคลอด หากเป็นภาวะแท้งคุกคาม เลือดที่ออกจะมีปริมาณไม่มาก, แต่หากเป็นการแท้งไม่ครบ/แท้งไม่สมบูรณ์ ปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอดจะค่อนข้างมาก
- การตั้งครรภ์นอกมดลูก/ท้องนอกมดลูก: ผู้ป่วยจะมีการขาดหายไปของประจำเดือน และต่อมามีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ (ออกกะปริบ กะปรอย) ร่วมกับอาการปวดท้องที่ปีกมดลูกข้างใดข้างหนึ่ง, หากอาการรุนแรง จะปวดทั่วๆท้องได้
ข. ประจำเดือนผิดปกติในช่วงวัยเจริญพันธุ์ (อายุ 20-45 ปี): สาเหตุ เช่น
- สาเหตุที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์: เช่น การแท้งบุตร, ท้องนอกมดลูกจะพบในวัยนี้ได้บ่อยกว่าในกลุ่มวัยรุ่น
- สาเหตุจากระดับฮอร์โมนเพศไม่ปกติ: จะพบได้น้อยลงในช่วงวัยนี้ เนื่องจากระบบฮอร์โมนเพศต่างๆ จะพัฒนาเต็มที่แล้วเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมของร่างกายเพื่อการเจริญพันธุ์
- สาเหตุจากการได้รับฮอร์โมนเพศจากภายนอก: เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดต่างๆ ซึ่งในวัยนี้จะพบจากสาเหตุนี้ได้บ่อยกว่าในกลุ่มวัยรุ่น, หรือจากการใช้สมุนไพรต่างๆ เช่น ยาขับประจำเดือนชนิดต่างๆ
- มีพยาธิสภาพที่ระบบอวัยวะสืบพันธุ์: เช่น
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ : จะพบสาเหตุนี้ในวัยนี้ได้บ่อยกว่าในกลุ่มวัยรุ่น
- เนื้องอกมดลูก: ซึ่งเนื้องอกที่มดลูกจะไปรบกวนการหดรัดตัวของมดลูก ทำให้มีเลือดประจำเดือนผิดปกติได้, ทั้งเป็นแบบประจำเดือนออกมาก หรือประจำเดือนออกนาน หรือมีประจำเดือนกะปริบกะปรอย
- มีติ่งเนื้อปากมดลูก: ทำให้มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้
- มะเร็งปากมดลูก: มีโอกาสพบได้มากขึ้นในช่วงอายุนี้
- โรคเลือดต่างๆตามที่กล่าวมาแล้วในตอนต้นของหัวข้อนี้
ค. ประจำเดือนผิดปกติในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน หรือในวัยหมดประจำเดือน: สาเหตุ เช่น
- สาเหตุจากภาวะระดับฮอร์โมนเพศไม่ปกติ: ที่จะกลับมาพบได้มากขึ้นในช่วงวัยนี้ เช่น ภาวะไม่ตกไข่ เนื่องจากระบบฮอร์โมนเพศต่างๆจะกลับมาเปลี่ยนแปลงจากมีความเสื่อมเกิดขึ้นตามวัย รังไข่จะทำงานได้น้อยลง, ส่งผลการหลั่งฮอร์โมนเพศที่มีผลต่อประจำเดือนจะผิดปกติไป, และเมื่อรังไข่ทำงานน้อยลง/ไม่ทำงาน ประจำเดือนก็จะค่อยๆ หมดไป
- สาเหตุจากการได้รับฮอร์โมนเพศจากภายนอก: เช่น การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดต่างๆ, การใช้ฮอร์โมนเพศเพื่อรักษาอาการผิดปกติจากการทำงานของรังไข่ที่ลดลง, หรือการใช้สมุนไพรต่างๆ
- มะเร็งในระบบอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งจะพบมากขึ้นในช่วงวัยนี้
ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการมีประจำเดือนผิดปกติ?
มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะประจำเดือนผิดปกติ (โดยจะกล่าวเฉพาะสาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากการตั้งครรภ์): เช่น
- วัยรุ่นที่อ้วนหรือผอมเกินไป
- วัยรุ่นที่มีความเครียดสูง
- สตรีที่มีการใช้ฮอร์โมนเพศต่างๆ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีประจำเดือนผิดปกติ?
การดูแลตนเองเมื่อมีประจำเดือนผิดปกติ: เช่น
- กำจัดปัจจัยที่ทำให้ประจำเดือนไม่ปกติ เช่น ลดความเครียด, ปรับเปลี่ยนชนิดยาเม็ดคุมกำเนิด
- ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้อ้วนหรือผอมมากเกินไป
- มีการออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ, ไม่หักโหม
- รับประทานอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน
- รักษาสุขอนามัยและความสะอาดของร่างกาย(สุขอนามัยพื้นฐาน/สุขบัญญัติแห่งชาติ)
- ไม่ควรซื้อยาต่างๆมารับประทานเอง, แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนเสมอ
ควรไปพบแพทย์เมื่อใด?
เมื่อมีประจำเดือนผิดปกติ ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล: เมื่อ
- มีเลือดประจำเดือนออกนานผิดปกติ จนร่างกาย อ่อนเพลีบ เปลือกตา/หนังตาซีด
- มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง มีไข้ น้ำหนักตัวลด คลำได้ก้อนในท้อง ท้องอืด ท้องโตขึ้น/ท้องมาน
แพทย์วินิจฉัยสาเหตุภาวะประจำเดือนผิดปกติอย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยสาเหตุภาวะประจำเดือนผิดปกติ ได้โดย
- สอบถามประวัติทางการแพทย์ต่างๆของผู้ป่วย เช่น ประวัติเกี่ยวกับระบบประจำเดือนที่ผ่านมา ประวัติการใช้ยาต่างๆ อาหารเสริม สมุนไพร/ยาแผนโบราณ โรคประจำตัว
- การตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ตรวจดูเปลือกตา/หนังตาว่าซีดหรือไม่ ตรวจคลำ ร่างกายว่า มีต่อมน้ำเหลืองโตหรือไม่ มีก้อนที่ท้องน้อยหรือไม่ มีภาวะท้องมานหรือน้ำในช่องท้องหรือไม่
- การตรวจภายใน เป็นการตรวจที่สำคัญและจำเป็นเพื่อหาสาเหตุของการมีเลือดประจำเดือนออกผิดปกติ แพทย์จะทำการตรวจในสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว (แพทย์จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ตรวจภายในในสตรีที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ยกเว้นเมื่อมีข้อบ่งชี้ที่จำเป็นในการตรวจ) ทั้งนี้เพื่อ
- ตรวจดูว่ามีแผลที่ปากมดลูกหรือไม่
- มีติ่งเนื้อ หรือเนื้องอกที่อวัยวะเพศหรือไม่
- มีอาการเจ็บปวดผิดปกติในอวัยวะต่างๆในช่องท้องน้อยหรือไม่
- การสืบค้นเพิ่มเติมอื่นๆ ซึ่งแพทย์จะดูความจำเป็นในผู้ป่วยแต่คน เช่น
- ตรวจเลือด
- ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องน้อย
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสตรีอายุเกิน 40 ปี
- แต่หากไม่มีพยาธิสภาพให้เห็นที่ปากมดลูก แพทย์จะมีการดูดชิ้นเนื้อ/หรือมีการขูดมดลูกเพิ่มเติมเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
รักษาภาวะประจำเดือนผิดปกติอย่างไร?
แนวทางรักษาภาวะประจำเดือนผิดปกติ: ได้แก่
- การให้ยาฮอร์โมนเพศ หากสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนเพศ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด, ยากลุ่ม Progestin เป็นต้น
- รักษาโดยการผ่าตัด เช่น ในกรณีเป็น เนื้องอกมดลูก, ติ่งเนื้อปากมดลูก, ติ่งเนื้อโพรงมดลูก
- ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ถ้าสาเหตุเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรักษาสุขภาพจิตเพื่อลดความเครียด, การปรับพฤติกรรมการออกกำลังกายให้เหมาะสม
ภาวะประจำเดือนผิดปกติมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคเมื่อมีภาวะประจำเดือนผิดปกติจะขึ้นกับแต่ละสาเหตุที่แตกต่างกันไป เช่น
- ถ้าสาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศในร่างกาย: การพยากรณ์โรคจะดี มักรักษาควบคุมอาการได้เสมอ
- แต่ถ้าสาเหตุเกิดจากโรคมะเร็ง: การพยากรณ์โรคจะขึ้นกับชนิดและระยะของโรคมะเร็งแต่ละชนิดนั้นๆ (แนะนำอ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com ในมะเร็งแต่ละชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก)