เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด (Irregular bleeding per vagina)
- โดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
- 20 มีนาคม 2563
- Tweet
- เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด หมายถึงอะไร?
- อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด?
- ควรดูแลตนเองอย่างไรหากมีเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด?
- ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
- แพทย์ตรวจหาสาเหตุของเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดอย่างไร?
- รักษาอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- ปากมดลูกอักเสบ (Cervicitis)
- มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer)
- มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial cancer)
- เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis)
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)
- ประจำเดือนผิดปกติ (Menstrual disorder)
- การตรวจภายใน (Per vaginal examination)
- โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ (Aplastic anemia)
- ภาวะช่องคลอดอักเสบ (Vaginitis)
เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด หมายถึงอะไร?
เลือดออกกะปริบกะปรอย (หรือ กะปริดกะปรอย) ทางช่องคลอด (Irregular bleeding per vagina) เป็นการที่มีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่สัมพันธ์กับการมีรอบประจำเดือน เลือดที่ออกจะมีจำนวนวันไม่แน่นอน อาจออกมา 3 วันหยุดไป 5 วัน แล้วมีเลือดมาอีก 10 วัน อย่างนี้เป็นต้น และปริมาณเลือดที่ออกมา ก็เป็นเพียงเล็กน้อยเพียงติดกางเกงชั้นในหรือแผ่นอนามัยแบบบาง
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด?
เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด ไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่เกิดจากโรคต่างๆได้หลายสาเหตุมาก
ก. เลือดที่เห็นออกมาจากช่องคลอด: ถ้าแยกตามตำแหน่งอวัยวะเพศที่ทำให้เลือดออก อาจมีสาเหตุเกิดจากโรค/ภาวะผิดปกติของ
- ปากช่องคลอด: เช่น มี แผลบริเวณนี้
- ตัวช่องคลอด: เช่น ภาวะช่องคลอดอักเสบ หรือ มีสิ่งแลกปลอมในช่องคลอด
- ปากมดลูก: เช่น ปากมดลูกอักเสบ หรือ มะเร็งปากมดลูก
- โพรงมดลูก: เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ, มีเนื้องอก, มีมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
- เป็นโรคเลือด หรือ มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ: เช่น โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ หรือ จากมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ข. สาเหตุของโรคที่ทำให้เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดเมื่อแบ่งตามกลุ่มอายุ:
- วัยรุ่น:
- สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมนเพศ ซึ่งพบได้บ่อยมากในวัยรุ่น (Dysfunctional uterine bleeding)
- นอกจากนั้นยังอาจเกิดจาก
- กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ (โรคพีซีโอเอส: Polycystic ovary syndrome)
- ช่องคลอดอักเสบ
- การตั้งครรภ์
- การแท้งบุตร
- ท้องนอกมดลูก หรือ
- เป็นโรคเลือด
- วัยเจริญพันธุ์ (วัยมีประจำเดือน):
- สาเหตุส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการตั้งครรภ์ เช่น การแท้งบุตร, การท้องนอกมดลูก, การตั้งครรภ์,
- นอกจากนั้น อาจเกิดจาก
- ช่องคลอดอักเสบ
- เนื้องอกมดลูก
- ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- มะเร็งปากมดลูก
- ผลข้างเคียงจาก การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด, ยาฉีดคุมกำเนิด, หรือยาฝังคุมกำเนิด
- เป็นโรคเลือด
- วัยใกล้หมดประจำเดือน:
- สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมนเช่นเดียวกับ ในวัยรุ่น เพราะเป็นช่วงที่รังไข่กลับมาทำงานไม่สม่ำเสมอ
- นอกจากนี้ เช่น
- เนื้องอก เนื้อร้าย/หรือมะเร็งสูงขึ้น เช่น เนื้องอกมดลูก, มะเร็งปากมดลูก
- การอักเสบต่างๆของอวัยวะเพศ เช่น ช่องคลอดอักเสบ
- การรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือ
- เป็นโรคเลือด
- วัยหมดประจำเดือน:
- ในวัยนี้ความเสี่ยงต่อการเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งจะมากขึ้น เช่น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก, มะเร็งปากมดลูก,
- เป็นผลข้างเคียงจากการรับประทานฮอร์โมนเพศต่างๆ
- เป็นโรคเลือด
ควรดูแลตนเองอย่างไรหากมีเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด?
เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดมีมากมายทั้งที่เป็นโรคร้ายแรงและโรคไม่ร้ายแรง ผู้ที่มีอาการนี้จึงควรรีบไปพบแพทย์/สูตินรีแพทย์เสมอ เพื่อขอคำแนะนำ หรือรับการรักษาที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามการดูแลตนเองโดยทั่วไปสามารถทำได้ดังนี้
- รักษาสุขอนามัยส่วนตัว อาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอนามัยตามความเหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการรับประทานฮอร์โมนเพศโดยไม่มีคำสั่งแพทย์
- ออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน
- หากอาการเกิดจากการรับประทานยาที่เป็นฮอร์โมนเพศ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ควรรับ ประทานให้สม่ำเสมอ ห้ามลืม แต่ถ้าไม่ได้เกิดจากการกินยาไม่สม่ำเสมอ ควรรีบพบแพทย์/สูตินรีแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ
ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่ ?
เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด มีมากมายทั้งที่เป็นโรคร้ายแรงและโรคไม่ร้ายแรง จึงควรไปรีบพบแพทย์/สูตินรีแพทย์เสมอเพื่อขอคำแนะนำหรือรับการรักษาที่ถูกต้องจะเป็นการดีที่สุด
แพทย์ตรวจหาสาเหตุของเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดอย่างไร?
เมื่อไปพบแพทย์/มาโรงพยาบาล แพทย์ตรวจหาสาเหตุโดย
- จะทำการซักประวัติทางการแพทย์ ที่สำคัญเช่น ประวัติประจำเดือน การตั้งครรภ์ การคุมกำเนิด การใช้ยาต่างๆ อาการผิดปกติต่างๆ
- การตรวจร่างกายทั่วไปว่า มีภาวะ/โรคซีดหรือไม่, มีก้อนผิดปกติในท้องหรือไม่,
- ต่อจากนั้น ในสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว: แพทย์จะขออนุญาตทำการตรวจภายใน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพื่อตรวจ ดูแผล ดูก้อน ดูการติดเชื้อ ตรวจในช่องคลอด คลำมดลูก ปีกมดลูก ว่า มีความผิดปกติที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดออกกะ ปริบกะปรอยทางช่องคลอดหรือไม่
- สำหรับในสตรีที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์: แพทย์มักจะไม่ทำการตรวจภายใน ยกเว้นในรายที่จำเป็นจริงๆ หากแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้จากประวัติอาการและการตรวจร่างกาย ก็จะทำการรักษาไปเลย แต่หากยังวินิจฉัยโรคไม่ได้ชัดเจน เช่น สงสัยเนื้องอกมดลูก จะต้องมีการตรวจต่างๆเพื่อการสืบค้นหาสาเหตุกันต่อไป เช่น
- การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวด์) โดยเฉพาะการตรวจอัลตราซาวด์ผ่านทางช่องคลอด (Transvaginal ultrasound) เป็นการตรวจที่มีประโยชน์มาก เพื่อดูว่ามดลูกปกติ หรือมีเนื้องอกมดลูก, เนื้องอกรังไข่, ติ่งเนื้อโพรงมดลูก, ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก(เยื่อบุมดลูก)
- แต่หากในสตรีที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ แพทย์จะตรวจอัลตราซาวด์ทางหน้าท้องแทน
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Papanicolaou smear) ต้องทำเป็นพื้นฐานในสตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้วทุกราย
- การดูดชิ้นเนื้อในโพรงมดลูก หรือการขูดมดลูก (Endometrial sampling or endometrial curettage) จะทำในสตรีที่อายุมากกว่า 40 ปี (บางแห่งใช้เกณฑ์ 35 ปี) รูปร่างอ้วน หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ เนื่องจากมีโอกาสที่จะมีความผิดปกติในโพรงมดลูกหรือเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมากกว่าคนไม่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้
- การส่องกล้องตรวจในโพรงมดลูก (Hysteroscopy) เป็นการส่องกล้องเข้าไปดูพยาธิสภาพในมดลูกโดยตรง หัตถการชนิดนี้ทำได้เฉพาะโรงพยาบาลบางแห่งเท่านั้น
- การตรวจเลือด เช่น ซีบีซี (CBC) เพื่อดูว่าซีดหรือไม่ มีความผิดปกติของเม็ดเลือดหรือไม่ มีความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือดหรือไม่
- การตรวจปัสสาวะ (ปัสสาวะ-การตรวจปัสสาวะ) เพื่อตรวจฮอร์โมนเพศเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในกรณีที่สงสัยเกี่ยวกับ การตั้งครรภ์, การแท้งบุตร, หรือ ท้องนอกมดลูก
รักษาอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดอย่างไร?
การรักษาอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดจะขึ้นกับสาเหตุ เช่น
- การให้ยาปฏิชีวนะเมื่อสาเหตุมาจากการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียของปากมดลูก (ปากมดลูกอักเสบ)
- การให้ยาฮอร์โมนเพศเพื่อการปรับสมดุลของฮอร์โมนเมื่อเกิดจากการขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง
- การรักษาด้วยรังสีรักษา (รังสีรักษา-ฉายรังสี-ใส่แร่)เมื่อสาเหตุเกิดจาก มะเร็งปากมดลูก
ทั้งนี้สามารถอ่านเพิ่มเติมในเรื่องวิธีรักษาโรคต่างๆได้ในบทความโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ (ดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อ สาเหตุ) ในเว็บ haamor.com