คันช่องคลอด คันอวัยวะเพศหญิง (Pruritus vulvae)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 11 มีนาคม 2566
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- คันช่องคลอดมีสาเหตุจากอะไร?
- มีอาการอื่นร่วมกับคันช่องคลอดไหม?
- แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุคันช่องคลอดอย่างไร?
- รักษาอาการคันช่องคลอดอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อคันช่องคลอด? ป้องกันการคันช่องคลอดอย่างไร?
- เมื่อคันชองคลอดควรพบแพทย์เมื่อไร?
- ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ตกขาว (Leucorrhea)
- เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal candidiasis)
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted disease)
- การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis)
- ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis)
- ภาวะช่องคลอดแห้ง (Vaginal dryness) / ภาวะร้อนวูบวาบในวัยหมดประจำเดือน (Hot flashes in postmenopause)
- คันทวารหนัก (Pruritus ani)
- วัยหมดประจำเดือน (Menopause)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
คันช่องคลอด(Pruritus vulvae) เป็นอาการไม่ใช่โรค คือ อาการคัน รู้สึกไม่สุขสบายบริเวณอวัยวะเพศหญิง อาจมีอาการเพียงตำแหน่งเดียว หรือกระจายทั่วหลายตำแหน่ง เช่น โยนี ปุ่มกระสัน แคมใหญ่ แคมเล็ก ช่องคลอด, ทั่วไปมักมองไม่เห็นความผิดปกติในตำแหน่งที่คัน, เป็นอาการพบบ่อยของเพศหญิงอาการหนึ่ง มีรายงานว่าในช่วงชีวิตของผู้หญิง 1 ใน 10 คนต้องเคยมีอาการคันช่องคลอดจนต้องพบแพทย์มาแล้ว, อาการนี้พบในทุกอายุตั้งแต่เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก) ไปจนถึงผู้สูงอายุ
คันช่องคลอด ชื่ออื่น เช่น คันบริเวณอวัยวะเพศหญิง, คันปากช่องคลอด, Itchy vulva, Vaginal itching, ซึ่งต่อไปในบทความนี้ขอเรียกว่า ‘คันช่องคลอด’
คันช่องคลอดมีสาเหตุจากอะไร?
สาเหตุของอาการคันช่องคลอดมีหลากหลายสาเหตุ เช่น
- แพ้สารเคมีต่างๆที่สัมผัสกับช่องคลอด เช่น สเปรย์ดับกลิ่น น้ำยาฆ่าอสุจิที่ใช้ในการคุมกำเนิด น้ำยาล้างช่องคลอด สบู่ น้ำยาอนามัยสำหรับทำความสะอาดอวัยวะเพศหญิง น้ำยาที่ใช้ซักหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ใช้กับชุดชั้นใน
- แพ้เนื้อผ้าของชุดชั้นใน
- การเปียกชื้นบริเวณอวัยวะเพศ เช่น ชุดชั้นในรัดมากเกินไปจนไม่ระบายอากาศ, ชุดชั้นในไม่สะอาดพอ, มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในสตรี), หรือเหงื่อออกที่รวมถึงบริเวณอวัยวะเพศ เช่น ในคนอ้วน หรือ โรคเบาหวาน
- ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- ภาวะอุจจาระเล็ด/กลั้นอุจจาระไม่อยู๋
- วัยหมดประจำเดือนเพราะจะส่งผลให้ผนังช่องคลอดบางและแห้ง จึงเกิดการระคายเคืองและอักเสบติดเชื้อได้ง่ายที่อาการหลัก คือ คันช่องคลอด
- มีโรคเชื้อราที่อวัยวะเพศ เช่น เชื้อราในช่องคลอด หรือเสียสมดุลระหว่างเชื้อรากับแบคทีเรียประจำถิ่นในช่องคลอด (อ่านเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย)จากภาวะหมดประจำเดือน หรือจากการใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ หรือมีโรคเรื้อรังบางโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำลงเช่น โรคเบาหวาน เป็นต้น
- มีโรคหูดบริเวณอวัยวะเพศ
- มีแผลฉีกของช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์
- ตกขาวจากการติดเชื้อของช่องคลอดหรือของมดลูก รวมทั้งจากการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และอาจจากตกขาวที่เกิดจากมะเร็ง เช่น มะเร็งอวัยวะเพศหญิง, มะเร็งช่องคลอด, และที่พบบ่อยคือ มะเร็งปากมดลูก
- มี เหา หรือ โลน ที่ขนอวัยวะเพศ
- ความเครียด ความวิตกกังวล ปัญหาด้านอารมณ์จิตใจ จะกระตุ้นให้เกิดอาการคันช่องคลอดในผู้หญิงบางคนได้
- มีพยาธิเส้นด้าย/พยาธิเข็มหมุดจากในทวารหนักเข้ามาอยู่ที่ปากช่องคลอด
- โรคมะเร็งอวัยวะเพศหญิง
- เป็นส่วนหนึ่งของโรคผิวหนังบางชนิดทั้งนี้เพราะอวัยวะเพศภายนอกและปากช่องคลอดเป็นเนื้อเยื่อชนิดเดียวกับผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน
- แพ้อาหารเครื่องดื่มบางชนิด เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (ชา กาแฟ โคล่า เครื่องดื่มชูกำลังบางชนิด) ถั่วบางชนิด หรือมะเขือเทศ/ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ
มีอาการอื่นร่วมกับคันช่องคลอดไหม?
อาการอื่นๆที่อาจเกิดร่วมกับการคันช่องคลอดขึ้นกับสาเหตุ เช่น ตกขาว ผื่นคัน แผลรอยเกาเหาที่ขนอวัยวะเพศ/โลน และ/หรือ คันทวารหนัก
แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุคันช่องคลอดอย่างไร?
ทั่วไป แพทย์วินิจฉัยสาเหตุคันช่องคลอดได้จาก
- ประวัติอาการผู้ป่วย ประวัติโรคประจำตัวต่างๆ ประวัติ ประจำเดือน การกินยา/ใช้ยาต่างๆ
- การตรวจร่างกาย และการตรวจบริเวณอวัยวะเพศ อาจมีการตรวจภายใน
- อื่นๆ: เช่น
- อาจมีการตรวจเลือดเมื่อแพทย์สงสัยโรคเบาหวาน หรือ
- ตรวจย้อมเชื้อจากตกขาว หรือ
- ตัดชิ้นเนื้อจากรอยโรคที่อวัยวะเพศที่แพทย์ตรวจพบเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อการวินิจฉัยแยกโรคโดยเฉพาะแยกจากโรคมะเร็งอวัยวะเพศหญิง หรือจากโรคมะเร็งปากมดลูก (กรณี ผู้ป่วยมีตกขาวผิดปกติ) เป็นต้น
รักษาอาการคันช่องคลอดอย่างไร?
แนวทางการรักษาอาการคันช่องคลอด คือ การรักษาสาเหตุ และการรักษาตามอาการ
- รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อสาเหตุเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- รักษาเหาเมื่อสาเหตุมาจากเหาที่ขนอวัยวะเพศ
- ทายาฮอร์โมนเพศหญิงที่อวัยวะเพศเมื่อสาเหตุเกิดช่องคลอดแห้งจากภาวะขาดฮอร์ โมนเพศหญิง เช่น ยา Premain/Conjugated estrogen cream
- การใช้ยาต้านเชื้อราทาอวัยวะเพศหรือเหน็บช่องคลอดเมื่อสาเหตุเกิดจากช่องคลอดติดเชื้อรา/เชื้อราช่องคลอด เช่น ยา Clotrimazole
- ปรับเปลี่ยนเครื่องใช้ต่างๆเมื่อสาเหตุเกิดจากการแพ้สารเคมีจากของใช้นั้นๆ
- ฝึกควบคุมอารมณ์/จิตใจเมื่อสาเหตุเกิดจากปัญหาทางอารมณ์/จิตใจ
- หลีกเลี่ยงอาหาร/เครื่องดื่มบางชนิดเมื่อสิ่งเหล่านั้นเป็นสาเหตุ/ตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น เครื่องดื่มคาเฟอีน ต่างๆ
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อคันช่องคลอด? ป้องกันการคันช่องคลอดอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีอาการคันช่องคลอดที่รวมถึงการป้องกันอาการคันช่องคลอดได้แก่
- รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศด้วยการใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว/สบู่เด็ก รวมถึงการล้างทำความสะอาดด้วยน้ำพออุ่นหรือน้ำที่อุณหภูมิปกติ ไม่ใช้น้ำอุ่นจัด
- หลีกเลี่ยงใช้สารเคมีต่างๆที่ก่อการระคายเคืองต่ออวัยวะเพศ/ช่องคลอดเช่น สบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม น้ำยาปรับผ้านุม เป็นต้น
- เลิกการสวนล้างช่องคลอดหรือการใช้น้ำยาอนามัยต่างๆบริเวณอวัยวะเพศ
- สวมใส่กางเกงในชนิดผ้าฝ้าย 100% ที่ไม่รัดแน่นเกินไป เปลี่ยนกางเกงใน/ผ้าอนามัยบ่อยๆเพื่อป้องกันการเปียกชื้น
- รักษาบริเวณอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการเสียดสีบริเวณอวัยวะเพศเช่น การถีบจักรยาน การสวมใส่กางเกงที่รัดคับ แน่น
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการคันจะหาย
- ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักตัวเกินเพราะคนอ้วนบริเวณอวัยวะเพศ มักอับชื้นและมีเหงื่อออกมาก
- พยายามไม่เการุนแรงที่อวัยวะเพศ ควรตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการเกา
- ล้าง/เช็ด/ทำความสะอาดอวัยวะเพศจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอเพื่อป้องกันการปน เปื้อนอุจจาระ พยาธิ และสารคัดหลั่ง จากปากทวารหนัก
- เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆเมื่อใช้ผ้าอนามัย รวมถึงใช้ผ้าอนามัยแบบสอดให้ถูกวิธีและ เฉพาะเมื่อจำเป็น
- รักษาดูแลควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเช่น โรคเบาหวาน โรคเหา หรือโรคผิว หนังอื่นๆ เป็นต้น
- ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ
- หลีกเลี่ยงอาหาร/เครื่องดื่มที่อาจเป็นสาเหตุเช่น เครื่องดื่มกาเฟอีนต่างๆเช่น กาแฟ ชา โคล่า เครื่องดื่มชูกำลัง
- รักษาสุขภาพจิต
- ไม่ซื้อยาแก้คันกินเองหรือทายาแก้คันเองโดยควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขาย ยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
- เมื่อคันในบริเวณผิวหนังของอวัยวะเพศภายนอก ไม่ล้วงทายาเข้าไปในช่องคลอดยก เว้นเป็นการใช้ยาตามคำสั่งแพทย์
- พบแพทย์/สูตินรีแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่อดูแลตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการเลวลง
เมื่อคันชองคลอดควรพบแพทย์เมื่อไร?
เมื่อคันช่องคลอด ทั่วไปควรพบแพทย์/สูตินรีแพทย์/ไปโรงพยาบาล เมื่อ
- มีตกขาวร่วมด้วยโดยเฉพาะเมื่อตกขาวมีเลือดปน, มีสีต่างๆที่ไม่ใช่ขาวใส, และ/หรือมีกลิ่นเหม็น และโดยเฉพาะเมื่อตกขาวเรื้อรัง
- สงสัยติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ สงสัยการติดเชื้อต่างๆที่อวัยวะเพศเช่น ตกขาวมีกลิ่นเหม็น หรือมีสีผิดปกติ เช่น เขียว น้ำตาล หรือขาวข้นเหมือนนม
- มีผื่น แดง บวม หรือตุ่มหนอง หรือมีอาการเจ็บมากในบริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะอาการไม่ดีขึ้น ใน 1-3 วันหลังดูแลตนเอง
- มีแผลเรื้อรังหรือมีก้อนเนื้อบริเวณอวัยวะเพศ
- มีเลือดออกจากช่องคลอดหรือจากผื่นหรือจากแผลในบริเวณอวัยวะเพศ
- คันมากจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือต่อการนอน
- อาการคันไม่ดีขึ้นในประมาณ 1 สัปดาห์หลังการดูแลตนเองหรืออาการคันแย่ลง/คันมากขึ้นเรื่อยๆ
- กังวลในอาการ
ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
ทั่วไป ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ
- อาการคันหรืออาการต่างๆแย่ลงหลังใช้ยาที่แพทย์สั่ง
- มีอาการผิดปกติต่างๆจากที่ไม่เคยมี เช่น ตกขาว , มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
- มีการแพ้ยาที่แพทย์สั่ง เช่น คลื่นไส้อาเจียน, ขึ้นผื่นทั้งตัวหรือที่อวัยวะเพศ, บวมริมฝีปาก ใบหน้า เป็นต้น
- กังวลในอาการ
บรรณานุกรม
- https://patient.info/womens-health/vulval-problems-leaflet/itchy-vulva-pruritus-vulvae [2023,March11]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Pruritus_vulvae [2023,March11]
- https://dermnetnz.org/topics/the-itchy-vulva [2023,March11]
- https://my.clevelandclinic.org/health/articles/4976-vulvar-care [2023,March11]
- https://onlinelibrary.wiley.com/doi/epdf/10.1111/j.1542-2011.2012.00183.x [2023,March11]
- https://medlineplus.gov/ency/article/003158.htm [2023,March11]