เรื่องเฉพาะสตรี...มะเร็งปากมดลูก ตอนที่ 10
- โดย รศ.ดร.นพ.บัณฑิต ชุมวรฐายี
- 16 ตุลาคม 2556
- Tweet
การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกมีวิธีการใดบ้าง?
การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ
- การป้องกันปฐมภูมิ คือ การป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงการได้รับสารก่อมะเร็ง การลดหรือการกำจัด สาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง ที่เกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก หรือการทำให้ร่างกายสามารถต่อต้านสารก่อมะเร็งได้ (เช่น การให้วัคซีนต่อต้านไวรัสหูดหงอนไก่/วัคซีนเอชพีวี/วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก) การดำเนินชีวิตตามแนวทางชีวจิต โดยเฉพาะการได้รับสารอาหารจำพวกแคโรทีน (Carotene) วิตามินซี และวิตามินอี ในปริมาณที่เพียงพอ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้) ตัวอย่างวิธีการป้องกันปฐมภูมิสำหรับมะเร็งปากมดลูก ได้แก่
- การไม่มีเพศสัมพันธ์เลย หรือมีกับคู่ของตนเพียงคนเดียว
- การหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
- การหลีกเลี่ยงการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคหูดหงอนไก่
- การคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัย (ลดการติดเชื้อลง แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100%)
- การงดสูบบุหรี่
- การป้องกันทุติยภูมิ คือ การค้นหามะเร็งให้เจอเสียตั้งแต่ในระยะความผิดปกติก่อนมะเร็ง หรือในระยะแรกเริ่มซึ่งการรักษาได้ผลดีอยู่ โรคมะเร็งปากมดลูกสามารถทำการตรวจคัดกรองได้โดย
- การทดสอบแพป หรือแพปสเมียร์ (Pap smear) ซึ่งมีอยู่ 2 วิธี คือ
- แบบสามัญ มีความไวของการตรวจ 50-60%
- แบบแผ่นบาง มีความไวของการตรวจ 70-85%
- การป้ายปากมดลูกด้วยน้ำส้มสายชูแล้วตรวจดูด้วยตาเปล่า มีความไวของการตรวจ 80-90%
- การตรวจหาเชื้อไวรัสหูดหงอนไก่ในสิ่งคัดหลั่งของปากมดลูกและช่องคลอด มีความไวของการตรวจสูงถึง 95-100% โดยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน สามารถตรวจหาเชื้อไวรัสหูดหงอนไก่ชนิดก่อมะเร็งได้แล้ว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ในประเทศไทยหากจะนำมาใช้เป็นการตรวจคัดกรอง
- การทดสอบแพป หรือแพปสเมียร์ (Pap smear) ซึ่งมีอยู่ 2 วิธี คือ
- การป้องกันตติยภูมิ ก็คือ การรักษาโรคมะเร็งให้ได้ผลดี ให้ผู้ป่วยได้หายจากโรคมะเร็ง มีชีวิตรอดอยู่ยาวนาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งในระหว่างและภายหลังการรักษา
แหล่งข้อมูล:
- ตำรานรีเวชวิทยา ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- ตำรานรีเวชวิทยา ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- http://www.cancer.gov/ access date 1st October, 2004.