ทิพล่านาเวียร์ (Tipranavir)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ: คือยาอะไร?

ทิพล่านาเวียร์ (Tipranavir หรือ Tipranavir disodium) คือ ยาต้านเอชไอวี  โดยออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์โปรติเอส (Protease enzyme) ของเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งเอนไซม์โปรติเอสดังกล่าวนั้นเป็นตัวตั้งต้นของโปรตีนของเชื้อไวรัสเอชไอวีชนิดหนึ่งมีชื่อว่า Gag-pol polyprotein ที่ส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวี ยานี้จะส่งผลทำให้เชื้อไวรัสเอชไอวีไม่สามารถเพิ่มจำนวน (Viral load) ในร่างกายได้ เนื่องจากเชื้อไวรัสเอชไอวีจะมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ (Immature virion) จึงอยู่ในสภาวะที่ไม่พร้อมต่อการเพิ่มจำนวน ดังนั้นเมื่อยานี้เข้าสู่ร่างกายจะส่ง ผลทำให้เชื้อเอชไอวีไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้

*ข้อควรระวังในการใช้ยาต้านเอชไอวีกลุ่มยาต้านไวรัสพีไอ(Protease Inhibitors, PIs) ที่รวมถึงยาทิพล่านาเวียร์ คือ การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug interaction) หมายถึง:

  • เมื่อใช้ยาในกลุ่มโปรติเอสอินฮินบิเตอร์นี้ ต้องระมัดระวังการใช้ยาชนิดอื่นร่วม เนื่องจากยาที่ใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อกันกับยาต้านเอชไอวีที่กำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลทำให้ระดับยาต้านไวรัสที่ใช้อยู่ก่อนหรือยาอื่นที่นำมาใช้ร่วมมีระดับยาในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงได้
  • ดังนั้น จึงควรตรวจสอบรายการยาที่ผู้ป่วยได้รับเสมอว่า มีปัญหาดังกล่าวนี้หรือไม่ เพราะ
    • หากยาที่ได้รับร่วม ส่งผลทำให้ระดับยาต้านเอชไอวีลดลง อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความล้มเหลวในการรักษาด้วยยาต้านเอชไอวีได้
    • หรือหากยาที่ได้รับร่วม ส่งผลทำให้ระดับยาต้านไวรัสเอชไอวีเพิ่มสูงขึ้น ก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาต้านเอชไอวีได้เช่นกัน

ยาทิพล่านาเวียร์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?

สรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ของยาทิพล่านาเวียร์:

  • ใช้สำหรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีโดยใช้ร่วมกับยาต้านเอชไอวีชนิดอื่นๆอีก 2 ชนิด เช่น ยาริโทรนาเวียร์ (Ritronavir) ยาไดดาโนซีน (Didanosine)

*ทั้งนี้ยาทิพล่านาเวียร์ ถูกพิจารณาใช้เฉพาะกรณีผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่เคยได้รับยาสูตรอื่นๆมาก่อน (Highly treatment-experienced)หรือเกิดการดื้อยากลุ่มยาต้านไวรัสพีไอหลายชนิด (Multiprotease inhibitor-resistant patients)

ยาทิพล่านาเวียร์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาทิพล่านาเวียร์ จัดเป็นยาต้านรีโทรไวรัส (Antiretroviral agent) ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำ งานของเอนไซม์โปรติเอส (Protease Inhibitor,PI)ได้ ซึ่งเอนไซม์ดังกล่าวเป็นตัวตั้งต้นของโปรตีนชนิดหนึ่งมีชื่อว่า Gag-pol polyprotein โปรตีนดังกล่าวมีหน้าที่สร้างเชื้อเอชไอวี ดังนั้นหากยาทิพล่านาเวียร์เข้าสู่ร่างกายจะส่งผลยับยั้งเอนไซม์โปรติเอสของเชื้อไวรัส ทำให้การสร้างส่วนประ กอบโปรตีนของไวรัสเอชไอวีไม่สมบูรณ์ (Immature virion) ส่งผลทำให้เชื้อไม่สามารถสร้างเชื้อไวรัสเอชไอวีเพิ่มได้เพราะมีโครงสร้างหรือส่วนประกอบที่ยังเจริญไม่เต็มที่

ยาทิพล่านาเวียร์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

รูปแบบที่มีจำหน่ายของยาทิพล่านาเวียร์:

  • ยาเม็ดแคปซูลนิ่ม (Soft gelatin capsule) ขนาด 250 มิลลิกรัมต่อเม็ด
  • ยาน้ำความแรง 100 มิลลิกรัมต่อ 1 มิลลิลิตร (ขนาดบรรจุ 95 มิล ลิลิตรต่อขวด)

ยาทิพล่านาเวียร์มีขนาดรับประทานหรือวิธีใช้ยาอย่างไร?

 ขนาดยาและการปรับขนาดยาทิพล่านาเวียร์สำหรับการรักษาการติดเชื้อเอชไอวี เช่น

  1. เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี: ยาทิพล่านาเวียร์ไม่ได้รับการรับรองให้ใช้เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลขนาดยาที่เหมาะสมและไม่มีข้อมูลความปลอดภัย
  2. เด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป: รับประทาน 14 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อครั้ง (ขนาดยาสูงสุดคือ 500 มิลลิกรัมต่อครั้ง) วันละ 2 ครั้ง

*กรณีรับประทานยาทิพล่านาเวียร์ ร่วมกับยาต้านไวรัสชนิดอื่น แพทย์อาจต้องปรับขนาด การใช้ยาที่ใช้ร่วมกันให้เหมาะสมเป็นกรณีๆไป

  1. ผู้ใหญ่: รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง
  2. ขนาดยาในผู้ป่วยไตบกพร่อง: ไม่ต้องปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่อง สามารถใช้ขนาดยาปกติที่ผู้ป่วยได้รับเนื่องจากยานี้ถูกขจัดทางตับเป็นหลัก
  3. ขนาดยาในผู้ป่วยตับบกพร่อง: ไม่ต้องปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่องระดับน้อย และไม่ควรใช้ยาทิพล่านาเวียร์ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่องระดับปานกลางถึงรุนแรง

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษา แพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมทั้งยาทิพล่านาเวียร์ ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และ เภสัชกร  เช่น

  • ประวัติแพ้ยา/แพ้อาหาร/แพ้สารเคมีทุกชนิด
  • ควรแจ้งประวัติโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาทิพล่านาเวียร์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อนแล้ว
  • เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย หากเจ็บป่วยเล็กน้อยและต้องการซื้อยาเพื่อบรรเทาอาการด้วยตัวเอง ควรแจ้งเภสัชกรก่อนทุกครั้งว่าท่านกำลังรับประทานยาทิพล่านาเวียร์อยู่รวมถึงยาต้านเอชไอวีชนิดอื่นๆในสูตร เนื่องจากยาทิพล่านาเวียร์และยาต้านไวรัสชนิดอื่นๆสามารถเกิดปฏิกิริยากับยาชนิดอื่นๆได้หลายชนิด
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีผลการศึกษาที่แน่ชัดสำหรับความปลอดภัยในการใช้ยาทิพล่านาเวียร์ในหญิงตั้งครรภ์และการผ่านของยาทางน้ำนม จึงพิจารณาใช้ยาทิพล่านาเวียร์ในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตรเฉพาะกรณีแพทย์ผู้รักษาพิจารณาประโยชน์มีมากกว่าความเสี่ยงเท่านั้น อย่างไรก็ตามเพื่อหลีกเลี่ยงการถ่าย ทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก ยังไม่แนะนำให้หญิงที่กำลังได้รับยาต้านเอชไอวีอยู่ให้นมบุตร
  • แจ้งแพทย์/เภสัชกร/พยาบาล/บุคลากรทางการแพทย์ หากช่วงที่ผ่านมาลืมกินยา/ไม่ได้รับยาหรือมีเหตุทำให้ไม่สามารถรับประทานยานี้ได้อย่างสม่ำเสมอทุกวันได้ เนื่องจากยาทิพล่านาเวียร์เป็นยาจำเป็นที่ต้องรับประทานอย่างสม่ำเสมอและตรงเวลาอย่างเคร่งครัดทุกวัน

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

การรับประทานยาทิพล่านาเวียร์มีรูปแบบการรับประทานทั้งแบบวันละ 2 ครั้ง (ห่างกันทุก 12 ชั่วโมง) สามารถรับประทานได้ทั้งขณะท้องว่างและหลังอาหาร

สำหรับการรักษาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยยาทิพล่านาเวียร์ ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกวันเพื่อให้ระดับยาในร่างกายคงที่และมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดเชื้อไวรัสเอชไอวีดื้อยา

กรณีลืมรับประทานยาทิพล่านาเวียร์:  

  • ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้
  • แต่หากใกล้กับเวลาที่ต้องรับประทานยามื้อถัดไป (เกินกว่าครึ่งหนึ่งของระยะห่างระหว่างมื้อ) ให้รอรับประทานยามื้อถัดไปเลยโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า เช่น
  • ปกติรับประทานยาเวลา00 น. และ 20.00 น. หากผู้ป่วยนึกขึ้นได้ว่าลืมรับประทานยามื้อ 8.00 น. โดยนึกขึ้นได้ตอนเวลา 12.00 น. (เกินกว่าเวลาปกติที่รับประทานยา 4 ชั่วโมง) ก็ให้รับประทานยามื้อ 8.00 น. ทันที ณ เวลาที่นึกขึ้นได้ จากนั้นเมื่อถึงเวลา 20.00 น. ให้รับประทานยามื้อ 20.0 น.ในขนาดปกติ
  • แต่ถ้าหากผู้ป่วยนึกขึ้นได้ในช่วงเวลาที่นานเกินกว่า 6 ชั่วโมงของเวลาปกติแล้ว ให้รอรับประทานยามื้อต่อไปโดยข้ามยามื้อที่ลืมไปและรับประทานยามื้อถัดไปในขนาดปกติ (ไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่าหรือนำยามื้อที่ลืมไปมารับประทานด้วย)

อนึ่ง: การรับประทานยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ไม่สม่ำเสมอ จะทำให้ระดับยาในเลือดอยู่ในระดับสูงบ้างต่ำบ้าง ซึ่งช่วงที่ระดับยามีขนาดต่ำเสมือนเป็นการกระตุ้นให้เชื้อไวรัสเกิดการกลายพันธุ์เป็นสาเหตุของการดื้อยาในเวลาต่อมา

ยาทิพล่านาเวียร์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ของยาทิพล่านาเวียร์ที่พบได้บ่อย เช่น

  • ภาวะไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia) โดยมีค่าไขมันไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอลเพิ่มสูงขึ้น
  • อาการของระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย
  • อาการทางผิวหนัง เช่น ผื่นคันโดยมักพบในเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)มากที่สุด
  • และยังพบภาวะค่าเอนไซม์การทำงานของตับสูงขึ้น (Transminitis)ได้ โดยเอนไซม์ ทรานส์แอมิเนสย์ (ค่า AST/Aspartate aminotransfe rase และ ALT/Alanine transaminase) เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 5 เท่าของระดับสูงสุดที่มีได้ตามปกติ

มีข้อควรระวังการใช้ยาทิพล่านาเวียร์อย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาทิพล่านาเวียร์ เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่แพ้ยานี้ หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
  • ยาทิพล่านาเวียร์ชนิดน้ำมีส่วนประกอบของวิตามินอีอยู่ ดังนั้นการเสริมวิตามินอีไม่จำเป็นในระหว่างที่ผู้ป่วยได้รับยาทิพล่านาเวียร์ชนิดน้ำอยู่
  • ห้ามใช้ยาทิพล่านาเวียร์คู่กับยาดังต่อไปนี้เนื่องจากอาจเกิดอันตรกิริยารุนแรงถึงตายได้ เช่นยา อาฟูโซซิน (Alfuzosin: ยารักษาโรคต่อมลูกหมากโต), อะมิโอดาโลน (Amiodarone: ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ), Ergot derivetives (ยาที่มีส่วนผสมของ Ergot ประกอบด้วย เช่น Erogatamine/เออโกตามีน: ยารักษาไมเกรน, Ergonovine/เออร์โกโนวีน: ยาบีบมดลูก, Methylergonovine/เมททิวเออร์โกโนวีน: ยาบีบมดลูก), ซิสซาพาย (Cisapide: ยากระตุ้นการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้), พิโมซายด์ (Pimozide: ยาจิตเวช), ไมด้าโซแลม (Midazolam: ยาสงบระงับประสาท/ยานอนหลับ/ยาคลายเครียด), ไตรอะโซแลม (Triazolam: ยาสงบระงับ/ยานอนหลับ), สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ธ ( John's wort: สมุนไพรคลายเครียด), โลวาสสะตาติน (Lovastatin: ยาลดไขมันในเลือด), ซิมวาสสะตาติน (Simvastatin: ยาลดไขมันในเลือด), ซิเดนาฟิว (Sidenafil: ยารักษาภาวะความดันในหลอดเลือดปอดสูง/Pulmona ry Hypertension), ควินิดีน (Quinidine: ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ), ดาบิกาแทน (Dabigatan: ยาต้านการแข็งตัวของเลือด), ทาม๊อกซิเฟน (Tamoxifen: ยาต้านฮอร์โมนเอสโตรเจน)
  • ทุกครั้งที่มีการใช้ยาทิพล่านาเวียร์คู่กับยาชนิดอื่นๆควรตรวจสอบอันตรกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆเพี่อความปลอดภัยของผู้ป่วย หรือหากจำเป็นต้องใช้ยาที่มีอันตรกิริยาระหว่างยาอาจพิจารณา ยาทางเลือกอื่นที่มีโอกาสในการเกิดปฏิกิริยาที่ลดลง
  • มีรายงานการเกิดภาวะตับอักเสบ (Hepatitis) เมื่อมีการใช้ยาทิพล่านาเวียร์ โดยพบความเสี่ยงในการเกิดจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ยาร่วมกับยาริโทรนาเวียร์ (Ritonavir) หรือผู้ป่วยมีภาวะตับทำงานบกพร่องอยู่ก่อนแล้ว โดยยาทำให้เกิดภาวะTransminitis ได้ [เอนไซม์ทรานส์แอมิเนสย์ (ค่า AST, ALT) เพิ่มสูงขึ้น 10 เท่าของค่าเอนไซม์สูงสุด]
  • นอกจากนี้ยังพบความผิดปกติในการกระจายตัวของมวลไขมันโดยมีภาวะไขมันฝ่อตัว (Lipoatrophy) มักพบไขมันฝ่อตัวบริเวณใบหน้า แขน ขา หรือก้น และอาจพบไขมันพอกตัวผิด ปกติโดยพบก้อนไขมันพอกที่คอด้านหลัง (Buffalo hump) เส้นรอบวงของคอขยายขึ้น 5 - 10 ซม., หน้าอก/เต้านมขยายใหญ่ขึ้น, ไขมันสะสมตามอวัยวะภายในช่องท้องมากขึ้นทำให้มีพุง ในผู้ป่วยบางรายสามารถเกิดทั้งภาวะไขมันฝ่อตัวและไขมันพอกตัวผิดปกติ โดยมักเกิดร่วมกับภาวะไขมันในเลือดสูง, ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) ดังนั้นหากพบว่าเกิดภาวะไขมันกระจายตัวผิดปกติในระหว่างใช้ทิพล่านาเวียร์ให้แจ้งแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด โดยแพทย์อาจมีการเปลี่ยนแปลงสูตรยาให้แก่ผู้ป่วยเพื่อเพิ่มความร่วมมือในการใช้ยา
  • มีรายงานการเกิดปฏิกิริยาการแพ้ยานี้โดยเกิดผื่นที่ผิวหนังในระดับไม่รุนแรง หลอดลมหดเกร็ง และ แองจิโออีดีมา(Angioedema) มีรายงานการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงที่เรียกว่า แอแนฟิแล็กซิส (Anaphylaxis) และ สตีเวน จอห์นสัน ซินโดรม (Steven's Johnson Syndrome) น้อยมาก แต่หากเกิดผื่นรุนแรงหรือมีผื่นระดับปานกลางร่วมกับอาการ       ทางคลินิกอื่น เช่น เป็นลม แนะนำให้หยุดใช้ยานี้แล้วรีบไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
  • การใช้ยาต้านไวรัสพีไอที่รวมถึงยาทิพล่านาเวียร์ มักสัมพันธ์กับการเกิดเลือดออกเพิ่มมากขึ้นในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวโรคฮีโมฟิเลีย
  • มีรายงานการเกิดภาวะ Immune Reconstitution Syndrome ในผู้ป่วยเอชไอวีที่ได้รับ ยาต้านเอชไอวีหลายชนิดร่วมกันในช่วงต้นของการรักษา เพราะยานี้สามารถลดปริมาณเชื้อไวรัสลง ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายจึงสามารถตอบสนองได้ดีขึ้น ผู้ป่วยจึงอาจเกิดภาวะ การตอบสนองแบบการอักเสบรุนแรงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสที่แฝงอยู่ในร่างกาย/ที่เหลืออยู่เช่น การติดเชื้อวัณโรค/Mycobacterium avium,  โรคติดเชื้อไซโตเมกาโลไวรัส (Cytomagalovirus)ได้
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

 ***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาทิพล่านาเวียร์) ยาแผนโบราณ  อาหารเสริม   ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

ยาทิพล่านาเวียร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

 ยาทิพล่านาเวียร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  1. ห้ามใช้ยาทิพล่านาเวียร์คู่กับยาดังต่อไปนี้เนื่องจากอาจเกิดอันตรกิริยารุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ เช่นยา อาฟูโซซิน (Alfuzosin: ยารักษาโรคต่อมลูกหมากโต), อะมิโอดาโลน (Amiodarone: ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ), อะพิกซาแบน (Apixaban: ยาต้านการแข็งตัวของเลือด), ควินิดีน(Quinidine: ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ), ฟูซิดิกเอซิด (Fusidic acid: ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย), โวลิโคนาโซล (Voriconazole: ยาต้านเชื้อรา), แอสทิมีโซล (Astemizole: ยาแก้แพ้), เทอร์ฟีนีดีน(Terfenadine: ยาแก้แพ้), โบรนาซีลีน (Blonaserin: ยาจิตเวช), Ergot derivetives (ยาที่มีส่วนผสมของ Ergot ประกอบด้วย Erogatamine/เออโกตามีน: ยาไมเกรน, Ergonovine/เออร์โกโนวีน: ยาบีบมดลูก, Methylergonovine/เมททิวเออร์โกโนวีน: ยาบีบมดลูก), ซิสซาพาย(Cisapide: ยากระตุ้นการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้), สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ธ (St. John's wort: สมุนไพรคลายเครียด), โลวาสสะตาติน (Lovastatin: ยาลดไขมัน), ซิมวาสสะตาติน (Simvastatin: ยาลดไขมัน), เซาเมทารอล (Salmeterol: ยาขยายหลอดลม), พิโมซายด์ (Pimozide: ยาจิตเวช), ซิเดนาฟิว (Sidenafil: ยารักษาภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูง และภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศของชาย/นกเขาไม่ขัน/Erectile dysfunction), ไมด้าโซแลม (Midazolam: ยาสงบระงับประสาท/ยานอนหลับ), ไตรอะโซแลม (Triazolam: ยาสงบระงับประสาท/ยานอนหลับ), ดาบิกาแทน (Dabigatan: ยาต้านการแข็งตัวของเลือด), ทาม๊อกซิเฟน (Tamoxifen: ยาต้านฮอร์โมนเอสโตรเจน)
  2. เมื่อใช้ยาทิพล่านาเวียร์คู่กับยาดังต่อไปนี้ ซึ่งคาดว่าสามารถเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ทำลายยาทิพล่านาเวียร์ที่มีชื่อว่า CYP3A4 (Cytochrome P450 3A4) ได้เช่น ฟีโนบาร์บีทาล (Phenobar bital: ยากันชัก), คาร์บามาซีปิน (Carbamazepine: ยากันชัก), ฟีนีทอย (Phenytoin:ยากันชัก), ไรแฟมปินซิน (Rifampicin: ยาฆ่าเชื้อ , ยาวัณโรค), ไรฟาบูติน (Rifambutin: ยาฆ่าเชื้อ, ยาวัณโรค), สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ธ (St. John's wort: สมุนไพรคลายเครียด ) ดังนั้นหากใช้ยาเหล่านี้ที่กล่าวมาคู่กับยาทิพล่านาเวียร์อาจทำให้ระดับยาทิพล่านาเวียร์ลดลง ประสิทธิภาพในการต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีก็จะลดลงตามเช่นกันจึงควรระมัดระวังการใช้ยาร่วมกัน
  3. 3. นอกจากนี้ยังมียาอีกหลายชนิดที่อาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาได้ รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร และน้ำผลไม้จำพวกส้มเปลือกแข็ง เช่น น้ำทับทิม, น้ำส้มโอ, น้ำส้มเช้ง หรือน้ำเกร็ปฟรุท (Grape fruit juice) เมื่อใช้คู่กับยาทิพล่านาเวียร์แล้วอาจทำให้เกิดระดับยานี้ไม่คงที่ แพทย์และเภสัชกรจะตรวจสอบคู่ยา, สมุนไพร, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับร่วมหากกำลังใช้ยาทิพล่านาเวียร์เสมอ โดยคู่ยาที่อาจเกิดอันตรายได้อย่างรุนแรงแพทย์/เภสัชกรจะหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน

ควรเก็บรักษายายาทิพล่านาเวียร์อย่างไร?

แนะนำเก็บยาทิพล่านาเวียร์ทั้งรูปแบบยาเม็ดและยาน้ำ:

  • เก็บยา ณ อุณหภูมิห้อง
  • เก็บยาให้พ้นจากแสงแดดและแสงสว่างที่กระทบยาได้โดยตรง
  • หลีกเลี่ยงนำยาสัมผัสกับความร้อนที่มาก เช่น เก็บยาในรถที่ตากแดดหรือเก็บยาในห้องที่มีอุณหภูมิสูง (มีแสงแดดส่องถึงทั้งวันหรือเป็นเวลานาน)
  • ไม่เก็บยาในห้องที่ชื้น เช่น ห้องน้ำ หรือ ห้องครัว
  • ควรเก็บยาในภาชนะบรรจุเดิม
  • เก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ยาทิพล่านาเวียร์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาทิพล่านาเวียร์  มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น

ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
Aptivus soft gelatin capsule 250 mg Boehringer Ingelheim
Aptivus oral solution 100 mg/mL (95 mL) Boehringer Ingelheim

 

บรรณานุกรม

  1. Lacy CF. Amstrong LL, Goldman MP, Lance LL. Drug Information handbook. 20th ed. Ohio: Lexi-Comp,Inc.; 2011-12.
  2. Micromedex Healthcare Series, Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado
  3. Product Information: Aptivus. Tipranavir. Boehringer Ingelheim
  4. https://www.mims.com/thailand/drug/info/tipranavir/patientmedicine/tipranavir%2B-%2Boral  [2022,April16]