โรคหวัดในเด็ก (Common cold in children)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

โรคหวัดในเด็ก (Acute nasopharyngitis in children หรือ Common cold in children) คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบบ่อยที่สุด โดยเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน/ตอนบนที่เกิดจากติดเชื้อไวรัส   มักมีอาการไม่รุนแรง  พบได้ตลอดทั้งปี แต่มักพบบ่อยในฤดูที่มีอากาศเย็นและความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ เช่น ในฤดูหนาว เพราะมีอุณหภูมิเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสร่วมกับเยื่อบุโพรงจมูกแห้งจึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉลี่ยแล้วเด็กมีโอกาสเป็นโรคหวัดประมาณ 6 - 8 ครั้งต่อปี และจะพบน้อยลงเมื่อโตขึ้น ขณะที่ผู้ใหญ่พบได้ประมาณ 2 - 3 ครั้งต่อปี  โอกาสพบได้พอๆกันทั้งในเด็กหญิงและเด็กชาย

โรคหวัดในเด็กมีกลไกลการเกิดอย่างไร? เป็นโรคติดต่อหรือไม่?

โรคหวัดในเด็ก-01

โรคหวัดในเด็ก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เป็นโรคติดต่อ โดยเชื้อไวรัสสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางอากาศ และการสัมผัส โดยที่ไวรัสเหล่านี้จะมีวิธีหลบเลี่ยงกลไกการป้องกันการติดเชื้อของร่างกายทำให้สามารถติดเชื้อไวรัสเดิมๆได้หลายครั้ง

ระยะฟักตัวของโรคขึ้นอยู่กับชนิดของไวรัส เช่น Rhinovirus มีระยะฟักตัวประมาณ 10 ถึง 12 ชั่วโมง, ส่วนไวรัส Influenza virus ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 1 ถึง 7 วัน, แต่ในโรคหวัดโดยทั่วไประยะฟักตัวมักประมาณ 1 ถึง 3 วัน

การติดเชื้อโรคหวัดเริ่มจากการสูดหายใจเอาเชื้อไวรัสที่ปนมากับอากาศ ผ่านระบบทางเดินหายใจเข้าไปที่เยื่อบุผิวของจมูก บางครั้งอาจรวมเยื่อบุผิวของตา/เยื่อตาด้วย และมีการขยายตัวของเชื้อไวรัสบริเวณเยื่อบุต่างๆไปจนถึงระบบทางเดินหายใจส่วนบน แล้วทำให้เกิดอาการต่างๆของโรคหวัดตามมา

อะไรเป็นสาเหตุเกิดโรคหวัดในเด็ก?

เชื้อไวรัสทางเดินหายใจมีมากกว่า 100 ชนิดที่สามารถทำให้เกิดโรค/เป็นสาเหตุโรคหวัดในเด็กได้ แต่ประมาณ 1 ใน 3 จะเป็นไรโนไวรัส / Rhinovirus ซึ่งเชื้อตัวนี้เจริญเติบโตได้ดีในโพรงจมูก, ประมาณ 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์เป็นโคโรน่าไวรัส / Coronavirus , และที่เหลือเป็นเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ  และมีความรุนแรงของโรคแตกต่างกันไปตามชนิดเชื้อไวรัส

อะไรคือปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคหวัดในเด็ก?

ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโรคหวัดในเด็ก นอกจากเรื่องของอากาศหนาวเย็นและความชื้นสัมพัทธ์ต่ำแล้ว ก็จะมี

  • การอยู่ในที่ชุมชนที่มีผู้ป่วยติดเชื้อโรคหวัด
  • การใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคหวัดเช่น อยู่ในโรงเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็กที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสหวัด และ
  • ในเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่องก็มีโอกาสติดเชื้อโรคหวัดได้สูงกว่าปกติ

โรคหวัดในเด็กมีอาการอย่างไร?

อาการของโรคหวัดในเด็ก ได้แก่

ก. ในเด็กทารกและในเด็กเล็ก(นิยามคำว่าเด็ก): ระยะแรกมักจะมาด้วยอาการไข้ โดยตรวจไม่พบความผิดปกติ อื่นๆ ต่อมาก็จะเริ่มมีน้ำมูกไหล ไอ จาม ร้องกวน และน้ำมูกจะทำให้เกิดการหายใจลำบากได้ อาจ มีอาการอาเจียน และอุจจาระร่วง/ท้องเสียร่วมด้วยในเด็กบางคน

ข. ในเด็กโต: จะเริ่มด้วยอาการจาม  ปากคอแห้ง บางคนมีอาการหนาวๆร้อนๆ และ                           ปวดเมื่อยตามตัว ตามมาด้วยน้ำมูกไหลซึ่งในระยะแรกจะเป็นน้ำมูกใสๆ ต่อมาจะปนสีเหลืองหรือเขียวหรือเป็นหนอง

อนึ่ง การที่น้ำมูกสีเขียวนอกจากเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนแล้ว ยังอาจเกิดจากเม็ดเลือดขาวในร่างกายที่มากำจัดเชื้อไวรัส

อาการต่างๆเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 2 ถึง 7 วัน ถ้ามีอาการนานกว่านี้ให้สงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) เกิดขึ้น หรืออาการเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่โรคหวัด

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?

โดยทั่วไปโรคหวัดในเด็กมักจะหายเองถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์/มาโรงพยาบาล

*แต่ถ้ามีอาการ/ภาวะแทรกซ้อน หรือเป็นอาการหวัดนานเกิน 7 วันแล้วไม่หาย หรือมีไข้สูง  รับประทานอาหารหรือนมไม่ได้ อ่อนเพลียมาก ปวดหัวรุนแรง หอบเหนื่อย ไอมาก อาจเป็นอาการเกิดจากการติดเชื้อชนิดอื่น (เช่น แบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสชนิดที่รุนแรง) หรือเป็นโรคอื่น กรณีเหล่านี้เด็กควรได้รับการการตรวจร่างกายและ/หรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการจากแพทย์เพิ่มเติม จึงควรต้องรีบนำเด็กไปโรงพยาบาลโดยรีบด่วน

*รวมถึงในกรณีที่เด็กมีน้ำมูกมาก เด็กหายใจไม่ออก อาการรบกวนชีวิตประจำวันของเด็กก็สามารถที่จะนำเด็กไปพบแพทย์เพื่อรับยาบรรเทาอาการได้

แพทย์วินิจฉัยโรคหวัดในเด็กได้อย่างไร?

โดยทั่วไปแพทย์วินิจฉัยโรคหวัดในเด็กจาก

  • ประวัติอาการ ประวัติสัมผัสโรคโดยผู้ป่วยมักจะ มีอาการดังกล่าวข้างต้น (ในหัวข้อ อาการ)
  • และจากการตรวจร่างกายเด็ก เพื่อวินิจฉัยแยกจากโรคอื่นๆเช่น แยกจากโรคภูมิแพ้ซึ่งมักจะมีเยื่อบุโพรงจมูกซีด ต่างจากโรคหวัดที่มักจะเยื่อบุโพรงจมูกสีแดง

*และที่สำคัญในเด็กเล็กต้องแยกจากการที่มีสิ่งแปลกปลอมไปติดในโพรงจมูก (อ่านเพิ่ม เติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง สิ่งแปลกปลอมในจมูก) เช่น ลูกปัด ยางลบ เมล็ดผลไม้ เป็นต้น โดยแพทย์ตรวจดูในโพรงจมูก (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง การตรวจทางหูคอจมูก) และสอบถามประวัติทางการแพทย์อื่นๆเพิ่มเติมเช่น อาการเป็นๆหายๆและ/หรือมีอาการเกิดกับจมูกข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น

แพทย์รักษาโรคหวัดในเด็กอย่างไร?

ในโรคหวัดนั้นไม่มีการรักษาจำเพาะแพทย์จะใช้การรักษาตามอาการ เช่น

  • ให้ยาลดไข้ และเช็ดตัวลดไข้ ในกรณีที่มีไข้ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com บทความเรื่อง วิธีเช็ดตัวเด็กลดไข้)
  • ให้ยาที่ช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้นเพื่อให้หายใจสะดวก และแนะนำให้ใช้น้ำเกลือ (Normal saline) หยอดจมูกบ่อยๆเพื่อล้างน้ำมูกที่เหนียวออกจากโพรงจมูก
  • หรือในเด็กเล็กๆจะมียาหยอดจมูกก่อนกินนมหรือก่อนนอนเพื่อให้เด็กหายใจคล่อง แต่ยาชนิดนี้ห้ามใช้ต่อเนื่องกันเกิน 5 วัน เพราะระคายเคืองต่อเยื่อบุจมูกและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บcom บทความเรื่อง ยาหยอดจมูก)
  • การให้ยาลดน้ำมูก/ ยาแก้แพ้: โดยแพทย์พิจารณาเป็นรายๆไป แต่ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีไม่ แนะนำเพราะทำให้เกิดอาการปากคอแห้ง น้ำมูกเหนียว และอาการกระสับกระส่ายในเด็กบางราย
  • ยาแก้ไอ: เบื้องต้นแพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ แต่ถ้ายังไอเยอะอาจจะให้ยากดอาการไอ หรือยาละลายเสมหะ/ยาขับเสมหะ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ยากดอาการไอในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีเพราะทำให้เด็กไอไม่ออกและอาจมีเสมหะค้างจนอาจอุดตันในหลอดลมได้
  • ในปัจจุบันมียาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดกิน, สูดทางจมูก, และฉีดทางหลอดเลือดดำ ซึ่งมีข้อบ่งใช้ในผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อไวรัสรุนแรงที่แพทย์จะพิจารณาการใช้ยาเป็นรายๆไป เช่น ยา Oseltamivir

โรคหวัดในเด็กมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

โรคหวัดในเด็ก เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนที่มักจะหายเองได้ ดังนั้นจึงเป็น โรคมีการพยากรณ์โรคที่ดี โรคหายได้เองด้วยการดูแลรักษาประคับประคองตามอาการถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ เช่น  ปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบติดเชื้อ/หูติดเชื้อ

โรคหวัดในเด็กมีผลข้างเคียงอย่างไร?

ผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยจากโรคหวัดในเด็กคือการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ ซ้อนในอวัยวะของระบบทางเดินหายใจใกล้เคียง  เช่น คออักเสบ,  หูชั้นกลางอักเสบติดเชื้อ  โดยในเด็กเล็กพบได้ถึง 5 - 30%  นอกจากนี้โรคหวัดยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืดและทำให้โรคภูมิแพ้และ/หรือโรคหืด กำเริบได้

ดูแลเด็กเป็นโรคหวัดอย่างไร?

ดูแลเด็กเป็นโรคหวัดโดย

  • รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย/อาหารอ่อน (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com บทความเรื่อง ประเภทอาหารทางการแพทย์) เช่น โจ้ก ข้าวต้ม ให้ลูกดื่มน้ำเยอะๆเพราะเด็กอาจเกิดภาวะขาดน้ำได้
  • อาบน้ำอุ่น ไอน้ำจะช่วยให้จมูกโล่งขึ้น แต่ถ้ามีไข้ให้เช็ดตัวเด็กเพื่อลดไข้ ในเด็กเล็กๆถ้าปล่อยให้ไข้สูงอาจมีอาการชักได้ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com บทความเรื่อง ไข้ชัก และเรื่อง วิธีเช็ดตัวเด็กลดไข้)
  • ถ้าเด็กมีอาการท้องเสีย/ถ่ายเหลวให้น้ำเกลือแร่/ผงละลายเกลือแร่/ โออาร์เอส /ORS ทดแทน (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com บทความเรื่อง วิธีกินผงละลายเกลือแร่ในเด็กและ เรื่อง โออาร์เอส )
  • เมื่อพบแพทย์แล้วให้ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
  • พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามแพทย์นัด

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?

ควรรีบนำเด็กพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันทีหรือก่อนนัดเมื่อ

  • เด็กมีอาการผิดปกติจากที่เคยมีอาการ เช่น อาเจียน  ท้องเสีย
  • เด็กมีไข้สูงหรือมีไข้ติดต่อกันนานกว่า 48 ชั่วโมง
  • เด็กหายใจลำบาก/ หายใจหอบเหนื่อย
  • เด็กอาการทรุดลง
  • เด็กอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน
  • เมื่อผู้ปกครองกังวลในอาการเด็ก

ป้องกันโรคหวัดในเด็กอย่างไร?

การป้องกันโรคหวัดในเด็กที่ดีที่สุด คือ

  • พยายามหลีกเลี่ยงไม่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ/เป็นหวัด
  • ไม่ไปโรงเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็กที่มีผู้ติดเชื้อ
  • รักษาสุขภาพเด็กให้แข็งแรงด้วยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) ของเด็ก
  • และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ

นอกจากนั้น ที่สำคัญเช่นกัน คือ

  • สอนเด็กให้ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆและทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและทุกครั้งหลังจากเข้าห้องน้ำ
  • ในเด็กที่เป็นหวัด ไม่ควรให้เด็กไปโรงเรียนหรือไปสถานรับเลี้ยงเด็กในขณะที่เด็กมีไข้หรือ ไอมาก เพราะเป็นระยะที่เด็กสามารถแพร่เชื้อได้

บรรณานุกรม

  1. สรวุฒิ พงศ์โรจน์เผ่า.โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบนในเด็ก. ใน : บานชื่น เบญจสุวรรณเทพ,โอฬาร พรหมาลิขิต,ยิ่งวรรณ มูลทรัพย์,อุษาณีญา อุรุพงศา, บรรณาธิการ. เอกสารประกอบการสอนกุมารเวชศาสตร์ 2551, 2551 น. 1035-50.
  2. ชมรมโรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤตแห่งประเทศไทย.โรคหวัด. ใน : นวลจันทร์ ปราบพาล,จิตลัดดา ดีโรจนวงศ์ , บรรณาธิการ.แนวทางการดูแลรักษาโรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบทางเดินหายใจในเด็ก.กรุงเทพมหานคร หนังสือ ดีวัน ; 2551 . น.3 -11
  3. https://www.stanfordchildrens.org/en/topic/default?id=upper-respiratory-infection-uri-or-common-cold-90-P02966  [2022,Aug27]