เบกซาโรทีน (Bexarotene)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 2 มกราคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- เบกซาโรทีนมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)รักษาโรคอะไร?
- เบกซาโรทีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- เบกซาโรทีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- เบกซาโรทีนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- เบกซาโรทีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้เบกซาโรทีนอย่างไร?
- เบกซาโรทีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาเบกซาโรทีนอย่างไร?
- เบกซาโรทีนมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- เรตินอยด์ (Retinoid)
- มะเร็ง (Cancer)
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)
- ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
- ผื่นแพ้แสง ผื่นแพ้แสงแดด (Photodermatitis)
บทนำ: คือยาอะไร?
เบกซาโรทีน(Bexarotene) คือ ยาในกลุ่มเรตินอยด์(Retinoid)รุ่นที่3 ทางคลินิกนำมาใช้เป็นยาต่อต้านโรคมะเร็ง อย่างเช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Cutaneous T-cell lymphoma รูปแบบยาแผนปัจจุบันของยานี้จะเป็นยาชนิดรับประทาน และยาทาภายนอก ซึ่งเมื่อยานี้เข้าสู่กระแสเลือด จะเกิดการรวมตัวกับพลาสมาโปรตีนได้มากกว่า 99% และจะถูกตับทำลายโครงสร้างเคมีเดิม ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ก่อนที่ยาจะถูกขับทิ้งไปกับอุจจาระและปัสสาวะ ตัวยานี้จะออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งและกระตุ้นให้เกิดภาวะถดถอย/ก้อนเนื้อยุบลงของเนื้อร้ายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยาเบกซาโรทีนสามารถส่งผลกระทบ(ผลข้างเคียง)ต่อทารกในครรภ์มารดาได้ สตรีที่ต้องใช้ยาเบกซาโรทีนจะต้องได้รับการสืบค้นล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำเพื่อยืนยันว่า ไม่มีการตั้งครรภ์แน่นอนจึงจะใช้ยานี้ได้ และยังต้องทำการสืบค้นการตั้งครรภ์ทุกๆ 1 เดือนในระหว่างการใช้ยานี้
ยังมีกลุ่มผู้ป่วยอีกหลายกลุ่มที่ไม่เหมาะกับการใช้ยาเบกซาโรทีน อาทิ เช่น
- สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร: ด้วยยานี้อาจปนเปื้อนออกมากับน้ำนมจนก่ออันตรายต่อทารกได้
- ผู้ป่วยโรคไต, ผู้ที่มีไขมันคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง, ผู้ป่วยเบาหวาน, ผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์, ผู้ป่วยโรคตับ, ผู้ที่มีภาวะตับอ่อนอักเสบ, ผู้ป่วยด้วยโรคของถุงน้ำดี(ถุงน้ำดีอักเสบ), ผู้ป่วยโรคต้อกระจก, รวมถึงผู้ที่ติดสุรา, ด้วยยาเบกซาโรทีนอาจส่งผลให้อาการของผู้ป่วยกลุ่มนี้เลวลง
นอกจากนั้น การใช้ยาเบกซาโรทีนร่วมกับยาอื่นๆบางตัว อาจทำให้เกิดภาวะยาตีกัน(ปฏิกิริยาระหว่างยา)เกิดขึ้น อย่างเช่น ยา Erythromycin, Gemfibrozil, Itraconazole, Ketoconazole, Phenobarbital, Phenytoin ฯลฯ
ทั้งนี้ ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของการใช้ยาเบกซาโรทีน โดยมีแนวทางปฏิบัติ เช่น
- หากพบอาการวิงเวียนหลังใช้ยานี้ จะต้องหลีกเลี่ยงการขับขี่ยวดยานพาหนะใดๆ และ/หรือการทำงานกับเครื่องจักร ด้วยจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- ตัวยานี้อาจทำให้ภูมิต้านทาน/ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายต่อเชื้อโรคลดน้อยลง ผู้ใช้ยานี้จึงควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยบางกลุ่ม อย่างเช่น ผู้ที่เป็นโรคหวัด
- ยานี้อาจทำให้เกิดผิวหนังไหม้ได้ง่ายเมื่อออกแดด(ผื่นแพ้แสงแดด)
- ยานี้ไม่เหมาะที่จะใช้กับผู้ป่วยเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)
ยาเบกซาโรทีน จัดเป็นยาอันตรายสูง การใช้ยานี้ต้องคอยควบคุมความผิดปกติต่างๆของร่างกายที่อาจเกิดขึ้นตามมาและเฝ้าติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิดตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาล
กรณีที่ผู้ป่วยต้องการทราบข้อมูลการใช้ยาชนิดนี้เพิ่มเติม สามารถสอบถามได้จากแพทย์ผู้ที่ทำการรักษา หรือจากเภสัชกรตามร้านขายยาได้โดยทั่วไป
เบกซาโรทีนมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)รักษาโรคอะไร?
ยาเบกซาโรทีนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Cutaneous T-cell lymphoma
เบกซาโรทีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาเบกซาโรทีนคือ ตัวยานี้จะควบคุมสารพันธุกรรม(DNA)ที่ควบคุมการแบ่งตัวเพื่อการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง จึงส่งผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และทำให้ก้อนเนื้อมะเร็งเกิดภาวะถดถอย/ก้อนเนื้อมะเร็งยุบตัวลง ด้วยกลไกนี้จึงก่อให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ
เบกซาโรทีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาเบกซาโรทีน มีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 75 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาแคปซูลชนิดรับประทาน ขนาด 75 มิลลิกรัม/แคปซูล
เบกซาโรทีนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาเบกซาโรทีน มีขนาดรับประทาน เช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทานยาขนาด 300 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวหนังทั้งตัว 1 ตารางเมตร(Body surface area/m2)/วัน โดยทั่วไป จะรับประทานยานี้วันละครั้ง พร้อมอาหาร
- เด็ก: ทางคลินิก ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในด้านความปลอดภัยและขนาดการใช้ยานี้ ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็ก จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป
*อนึ่ง:
- แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานยานี้ เป็น 100-400 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวของร่างกาย 1ตารางเมตร/วัน โดยขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายผู้ป่วย
- ระยะเวลาในการใช้ยานี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียง
ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาเบกซาโรทีน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัดหายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ โรคตับ ตับอ่อนอักเสบ โรคของถุงน้ำดี โรคต้อกระจก รวมถึงกำลังกินยา/ใช้ยา และ/หรืออาหารเสริมอะไรอยู่ เพราะยาเบกซาโรทีนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ และ/หรือกับอาหารเสริม ที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร
เพราะยาหลายประเภท สามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิด ผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาเบกซาโรทีน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยานี้ในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า
อย่างไรก็ตาม เพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรรับประทานยาเบกซาโรทีนตรงเวลา
เบกซาโรทีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาเบกซาโรทีนสามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย เช่น
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นเร็ว เจ็บหน้าอก
- ผลต่อระบบเลือด: เช่น ลิ่มเลือดจับตัวเร็วขึ้น เกิดภาวะ Eosinophilia(เม็ดเลือดขาวชนิด Eosinophil ในเลือดสูง) Thrombocythemia (เกล็ดเลือดสูงกว่าปกติ)
- ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น ทำให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง โปรตีนในเลือดต่ำ น้ำหนักตัวลดหรือไม่ก็เพิ่ม ระดับเอนไซม์อะมัยเลส(Amylase, เอนไซม์การทำงานของตับอ่อน)ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
- ผลต่อกล้ามเนื้อและกระดูก: เช่น ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น ซึมเศร้า กระสับกระส่าย สับสน วิงเวียน ความรู้สึกสัมผัสเพี้ยน
- ผลต่อระบบการหายใจ: เช่น คออักเสบ เยื่อจมูกอักเสบ หลอดลมอักเสบ ไอ ปอดบวม ไอเป็นเลือด
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น เกิดแผลที่ผิวหนัง เป็นสิว ผมร่วง เกิด ตุ่ม/ผื่นผิวหนัง
- ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ: เช่น ปัสสาวะมีเลือดปน/ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขัด โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ไตทำงานผิดปกติ/ไตอักเสบ
มีข้อควรระวังการใช้เบกซาโรทีนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเบกซาโรทีน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร และเด็ก
- ห้ามปรับขนาดการใช้ยานี้ หรือใช้ยานี้นานเกินจากคำสั่งแพทย์
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่อยู่ในภาวะผิวแห้งไหม้จากแสงแดด ระหว่างการใช้ยานี้ให้เลี่ยงการโดนแสงแดดหรืออากาศเย็นจัด
- ระวังการใช้ยานี้ร่วมกับสบู่ หรือสารที่มีฤทธิ์ในการกัดผิวหนัง เช่น กรดมะนาว และแอลกอฮอล์ ด้วยจะทำให้ผิวหนังอักเสบ เกิดแผลได้ง่าย
- ต้องเฝ้าระวังผลข้างเคียงอื่นๆที่อาจเกิดกับอวัยวะต่างๆดังกล่าวในหัวข้อ ผลไม่พึงประสงค์ เช่น หัวใจ เลือด ตับ ไต ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ตับอ่อน ต่อมไทรอยด์ รวมถึงระดับไขมันในเลือด เป็นต้น
- ปฏิบัติตัวตามคำสั่งแพทย์ พยาบาล อย่างเคร่งครัด และมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาเบกซาโรทีนด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
เบกซาโรทีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาเบกซาโรทีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเบกซาโรทีน ร่วมกับยา Erythromycin, Gemfibrozil, Itraconazole, Ketoconazole, ด้วยสามารถทำให้ได้รับผลข้างเคียงจากยาเบกซาโรทีนมากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ ยาเบกซาโรทีน ร่วมกับยา Phenobarbital, Phenytoin, Rifampin, ด้วยจะทำให้ประสิทธิภาพการรักษาของยาเบกซาโรทีนด้อยลงไป
- หลีกเลี่ยงการใช้ ยาเบกซาโรทีน ร่วมกับ ยาInsulin, Glyburide/ Glibenclamide, Pioglitazone, Vitamin A, ด้วยยาเบกซาโรทีน สามารถทำให้ผู้ป่วยได้รับอาการข้างเคียงจากยาดังกล่าวเหล่านี้มากขึ้น
- การใช้ ยาเบกซาโรทีน ร่วมกับยา Lamivudine อาจทำให้เกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
ควรเก็บรักษาเบกซาโรทีนอย่างไร?
ควรเก็บยาเบกซาโรทีน: เช่น
- เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส(Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่มิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
เบกซาโรทีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาเบกซาโรทีน มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Tragretin (ทรากรีติน) | Eisai Inc 2M (Med-Maker) |
บรรณานุกรม
- https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2011/021055s006pdf [2022,Jan1]
- https://www.drugs.com/mtm/bexarotene.html [2022,Jan1]
- https://www.drugs.com/drug-interactions/bexarotene-index.html?filter=3&generic_only= [2022,Jan1]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Bexarotene [2022,Jan1]
- https://go.drugbank.com/drugs/DB00307 [2022,Jan1]
- https://hemonc.org/wiki/Bexarotene_(Targretin) [2022,Jan1]