หลอดเลือดดำจอตาอุดตัน โรคซีอาร์วีโอ (Central retinal vein occlusion หรือ CRVO)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
- 11 กุมภาพันธ์ 2566
- Tweet
สารบัญ
- หลอดเลือดดำจอตาอุดตันคือโรคอะไร? เกิดขึ้นได้อย่างไร?
- หลอดเลือดดำจอตาอุดตันมีอาการอย่างไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน?
- โรคหลอดเลือดดำจอตาอุดตันรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
- มีวิธีรักษาโรคหลอดเลือดดำจอตาอุดตันอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
- ป้องกันโรคหลอดเลือดดำจอตาอุดตันอย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- โรคของจอตา โรคจอตา (Retinal disease)
- เบาหวานขึ้นตา เบาหวานกินตา (Diabetic retinopathy)
- โรคจอตาหลุดลอก อาร์อาร์ดี (Rhegmatogenous retinal detachment หรือ RRD)
- โรคจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (Age-related macular degeneration หรือ AMD)
- พังผืดที่จอตา (Epiretinal membrane)
- เลือดหนืด หรือ ภาวะเม็ดเลือดแดงมากปฐมภูมิ (Polycythemia vera)
- โรคเบเซ็ท (Behcet’s disease) หรือกลุ่มอาการเบเซ็ท (Behcet’s syndrome)
- ความดันตาสูง (Ocular hypertension)
หลอดเลือดดำจอตาอุดตันคือโรคอะไร? เกิดขึ้นได้อย่างไร?
โรคหรือภาวะหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน ย่อว่า ‘โรคซีอาร์วีโอ’(Central retinal vein occlusion: CRVO) คือ โรค/ภาวะที่หลอดเลือดดำใหญ่ของจอตาอุดตันจากมีลิ่มเลือดเกิดในหลอดเลือด
ทั้งนี้ บริเวณด้านหลังต่อขั้ว/จานประสาทตา (อ่านเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง กายวิภาคและสรีรวิทยาของตา) ที่หลอดเลือดต่างๆ และที่ประสาทตาจะแทงผ่านเปลือกลูกตา (Sclera) เข้าสู่ภายในลูกตา (บริเวณที่เรียกว่า Lamina cribrosa) เป็นบริเวณที่ทุกเนื้อเยื่ออัดกันแน่น หลอดเลือดดำใหญ่ของจอตาจึงถูกเบียด จึงเกิดการอุดตันได้ง่าย จึงส่งผลให้แขนงของหลอดเลือดดำไม่สามารถนำเลือดเข้าหลอดเลือดดำใหญ่ที่อุดตันได้ ทำให้เซลล์จอตาค่อยๆขาดเลือดไปเลี้ยงและตายในที่สุด
การอุดตันจากลิ่มเลือดฯเกิดจากสาเหตุหลักใหญ่ 3 ประการ ได้แก่
- เลือดข้นมาก หนืดมากเกินไป เช่น ที่พบใน โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว, ในภาวะเม็ดเลือดแดงมาก/โรคเลือดหนืด และ ในภาวะมีปริมาณโปรตีนบางชนิดในเลือดสูงผิดปกติ (Dysproteinemia)
- โรคของผนังหลอดเลือด เช่น จากโรคเบาหวาน หรือ จากมีหลอดเลือดดำจอตาอักเสบ (Retinal periphlebitis) เช่น โรคเบเซ็ท (Behcet’s disease)
- มีแรงดันจากภายนอกหลอดเลือดกดหลอดเลือด เช่น โรคต้อหิน โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคความดันโลหิตสูง ความดันที่เพิ่มขึ้น จึงกดหลอดเลือดดำให้อุดตัน
หลอดเลือดดำจอตาอุดตันมีอาการอย่างไร?
โรคของหลอดเลือดทุกชนิดจะมีอาการฉับพลัน หลอดเลือดดำจอตาอุดตัน/โรคซีอาร์วีโอก็เช่นกัน จะมีอาการตามัวอย่างฉับพลัน ซึ่งมักเกิดกับตาเพียงข้างเดียว โอกาสเกิดในตาซ้ายและตาขวาเท่า กัน แต่ก็พบได้ที่จะเกิดพร้อมกันทั้ง 2 ตา
ทั้งนี้ ตาจะมัวมากในรายที่มีการอุดตันอย่างสมบูรณ์ของหลอดเลือด กล่าวคือ เลือดไม่สามารถไหลเวียนในตาได้เลย แต่ตาจะมัวไม่มากในกรณีของการอุดตันเกิดเพียงบางส่วนของหลอดเลือด ซึ่งหมายความว่ายังมีบางส่วนของเลือดไหลเวียนได้ในตา
ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค/ภาวะหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน/โรคซีอาร์วีโอ เช่น
- มีความดันโลหิตสูง
- เป็นโรคเบาหวาน
- เป็นโรคต้อหินชนิดมุมปิด คือ ชนิดมีความดันตาสูง
- มีโรคที่มีปัญหาของการแข็งตัวของเลือด คือ เลือดแข็งตัวได้ง่าย เช่น โรคเลือดหนืด, ภาวะมีเลือดข้นกว่าปกติ, มีโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบโดยไม่มีการติดเชื้อของเนื้อเยื่อต่างๆ รวมทั้งของผนังหลอดเลือด(เช่น โรคซาร์คอยโดซิส, โรคลูปัส-โรคเอสแอลอี , โรคเบเซ็ท, หรือภาวะมีปริมาณโปรตีนบางชนิดในเลือดสูงผิดปกติ
- การใช้ยาบางชนิด เช่น
- ฮอร์โมนคุมกำเนิด เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด
- ยาขับปัสสาวะ
โรคหลอดเลือดดำจอตาอุดตันรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
ความรุนแรงของโรค/ภาวะหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน/โรคซีอาร์วีโอ แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ
ก. การอุดตันบางส่วนหรือชนิดไม่รุนแรง ไม่ทำให้เกิดภาวะขาดเลือดจนเนื้อเยื่อจอตาตาย เรียกกันว่า “Nonischemic CRVO บางคนเรียกว่า Partial CRVO หรือ Perfused CRVO” (ยังมีเลือดผ่านไปเลี้ยงจอตาได้) มักพบในคนอายุน้อยกว่า 65 ปี มีสายตามัวไม่มาก
อนึ่ง:
- เมื่อตรวจจอตา: อาจพบรอยเลือดออกที่จอตาเต็มไปหมด แต่ไม่พบรอยสีขาวคล้ายปุยฝ้าย (Cotton wool) หรือพบน้อยมาก ซึ่งเป็นรอยบ่งถึงมีการตายของเซลล์จอตาในบริเวณเนื้อเยื่อ Macula(จุดภาพชัด) และบริเวณจานประสาทตา มักจะไม่บวม
- กลุ่มนี้มีการพยากรณ์โรค/ธรรมชาติของโรคที่ดี อาจหายจนสายตาเกือบใกล้เคียงกับปกติได้
ข. การอุดตันแบบสมบูรณ์ เรียกกันว่า “Ischemic CRVO”: เป็นการอุดตันที่รุนแรง ก่อให้เกิดการขาดเลือดของจอตา ทำให้นอกจากพบเลือดออกกระจายทั่วจอตาแล้ว ยังจะพบรอยสีขาวที่เรียก ‘Cotton wool’ ซึ่งบ่งถึงการตายของเซลล์จอตาเป็นหย่อมๆจำนวนมาก มีโอกาสพบการบวมของบริเวณจุดภาพชัดและจานประสาทได้มาก
อนึ่ง:
- หากตรวจโดยการฉีดสีเข้าหลอดเลือด (FFA,Fundus Flourescein Angiography) จะพบบริเวณจอตาที่ขาดเลือดมาเลี้ยงเป็นบริเวณกว้าง
- การอุดตันแบบนี้มักจะมีผลต่อเนื่อง และทำให้ตามัวลงได้มาก เป็นภาวะที่ต้องให้การติดตามและรักษาอย่างใกล้ชิด โดยทั่วไปมากกว่า 90%จะมีการมัวลงของสายตาตลอดไปไม่มากก็น้อย
- *อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยบางราย ระยะแรกอาจเป็นแบบ ก. คือเป็นแบบจอตาไม่มีการขาดเลือดมากนัก แต่เมื่อติดตามไปอาจกลายเป็นแบบรุนแรงหรือแบบ ข.ได้ ทั้งนี้แพทย์ไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดได้กับผู้ป่วยคนใด
ผลข้างเคียง:
ผลข้างเคียง ที่อาจพบได้จากโรคหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน/โรคซีอาร์วีโอ เช่น
- เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหิน และ
- อาจมีการฝ่อของจานประสาทตา และ/หรือ การเสื่อมของเนื้อเยื่อ Macula ซึ่งจะส่งผลให้สายตามัวลงถาวร
มีวิธีรักษาโรคหลอดเลือดดำจอตาอุดตันอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน/โรคซีอาร์วีโอ เช่น
- ควบคุม และ รักษาโรคที่คิดว่าเป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, โรคไขมันในเลือดสูง, เป็นต้น และหากมีความดันลูกตาสูง ก็ต้องรักษาควบคู่ไปด้วย
- ตรวจจอตาอย่างละเอียดร่วมกับการฉีดสี (FFA) เพื่อแยกให้ได้ว่าโรค เป็นแบบหลอดเลือดอุดตันบางส่วน, หรือ แบบอุดตันสมบูรณ์, เพื่อการรักษาที่เหมาะสม
- *ในกรณีที่โรคเป็นแบบหลอดเลือดอุดตันบางส่วน การให้ยาลดการแข็งตัวของเลือดประเภทยา Aspirin พบว่าไม่ค่อยได้ผล แม้แต่การรักษาด้วยเลเซอร์ ผลการรักษาก็ไม่สู้ได้ผลดีนัก ส่วนมากการรักษาโรคแบบหลอดเลือดอุดตันบางส่วนจึงมักเป็นการเฝ้าติดตาม คือ การตรวจจอตาเป็นระยะๆ หากกลายเป็นหลอดเลือดอุดตันแบบสมบูรณ์ จึงค่อยรักษาและดูแลใกล้ชิดต่อไป
- *หากเป็นการอุดตันของหลอดเลือดแบบสมบูรณ์ ต้องติดตามดูว่า พบความผิดปกติที่ม่านตาโดยมีการเกิดหลอดเลือดใหม่ที่ม่านตาหรือไม่ (Iris neovascularization) ซึ่งเป็นตัวบอกว่า การขาดเลือดที่จอตาเป็นรุนแรงจนลามมาถึงส่วนหน้าของลูกตา คือ ม่านตา ซึ่งต้องรีบให้การรักษาด้วยเลเซอร์ที่จอตา (Panretinal laser photocoagulation) ซึ่งจะส่งผลให้หลอดเลือดที่เกิดใหม่บริเวณม่านตาฝ่อลง
- ในบางราย โรคระยะนี้อาจรุนแรงจนหลอดเลือดเกิดใหม่ไปอุดทางเดินของ สารน้ำในลูกตา ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคต้อหินเฉียบพลันอย่างรุนแรงที่เรียกว่า Neovascular glaucoma ซึ่งการเกิดแบบเฉียบพลันนี้ คล้ายต้อหินมุมปิดทั่วไป แต่ภาวะนี้มุมที่ปิด เกิดเพราะหลอดเลือดเกิดใหม่ที่ม่านตาไปปิด มักจะเกิดต้อหินชนิดนี้ภายหลังเกิดโรคซีอาร์วีโอนี้แล้วประมาณ 100 วัน จึงเรียกกันว่า “โรคต้อหิน 100 วัน (Hundred day glaucoma)”
- ในปัจจุบันนิยมรักษา โดยฉีดยาต้านการเกิดใหม่ของหลอดเลือดที่เรียกว่า ยา Anti VEGF (Vascular endothelial growth factor) เข้าไปในน้ำวุ้นตา (Vitreous) ก่อน แล้วจึงตามด้วยการทำเลเซอร์ โดยเฉพาะในรายที่เป็นรุนแรงที่มีเลือดออกในน้ำวุ้นตาร่วมด้วย
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
เมื่อมีสายตาผิดปกติ ควรต้องรีบพบจักษุแพทย์เสมอเพื่อการวินิจฉัยหาสาเหตุ เพื่อการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะหลายโรคเป็นโรคที่รักษาได้หาย และหลายโรคเมื่อรักษาจะสามารถป้องกันไม่ให้สายตาเลวลงกว่าเดิมได้
ส่วนเมื่อทราบว่าเป็นโรคหลอดเลือดดำจอตาอุดตัน/โรคซีอาร์วีโอ การดูแลตนเองและการพบจักษุแพทย์ คือ
- ปฏิบัติตามจักษุแพทย์ และพยาบาลจักษุ แนะนำให้ถูกต้องครบถ้วน
- ใช้ยาต่างๆตามที่จักษุแพทย์แนะนำให้ครบถ้วนถูกต้อง ไม่ขาดยา
- รักษา ควบคุมโรคต่างๆดังกล่าวแล้ว ที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง เช่น ที่ได้กล่าวแล้วใน’หัวข้อปัจจัยเสี่ยงฯ’
- ไม่สูบบุหรี่ เลิกบุหรี่เมื่อสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในควันบุหรี่ จะส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็งซึ่งรวมถึงหลอดเลือดของจอตาด้วย
- พบจักษุแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
- รีบพบจักษุแพทย์ก่อนนัด เมื่อ
- มีอาการผิดปกติไปจากเดิม หรือ
- มีอาการต่างๆแย่ลง โดยเฉพาะในเรื่องของการมองเห็น หรือ
- เมื่อกังวลในอาการ
ป้องกันโรคหลอดเลือดดำจอตาอุดตันอย่างไร?
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงฯดังกล่าวข้างต้น ควรรักษาและควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้นอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการตรวจตาเป็นระยะๆจากจักษุแพทย์ จะช่วยป้องกันการเกิดโรคนี้ได้