รีพาไกลไนด์ (Repaglinide)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 5 มิถุนายน 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- รีพาไกลไนด์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- รีพาไกลไนด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- รีพาไกลไนด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- รีพาไกลไนด์มีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- รีพาไกลไนด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้รีพาไกลไนด์อย่างไร?
- รีพาไกลไนด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษารีพาไกลไนด์อย่างไร?
- รีพาไกลไนด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- เมกลิทิไนด์ (Meglitinides)
- ยาอินซูลิน (Insulin)
- เบาหวาน (Diabetes mellitus)
- รู้ทันโรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
- เบาหวานในเด็กและวัยรุ่น (Juvenile diabetes mellitus)
- เบาหวานขึ้นตา เบาหวานกินตา (Diabetic retinopathy)
- การดูแลเท้าในโรคเบาหวาน (Diabetic foot care)
บทนำ: คือยาอะไร?
รีพาไกลไนด์ (Repaglinide) คือ ยารักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2 และอยู่ในหมวดยาเมกลิทิไนด์ (Meglitinides) ห้ามนำยานี้ไปใช้รักษาผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 1 กลไกการออกฤทธ์หลักๆของยารีพาไกลไนด์ คือ การกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมาในปริมาณที่มากขึ้นและเพียงพอที่จะกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลกลูโคส (Glucose) ในกระแสเลือดได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
รูปแบบยาแผนปัจจุบันของยารีพาไกลไนด์จะเป็นยาชนิดรับประทาน โดยมีการดูดซึมจากทางระบบเดินอาหารและจะกระจายตัวเข้าสู่กระแสเลือดประมาณ 56% จากนั้นตัวยาจะเข้าจับกับพลาสมาโปรตีนได้มากกว่า 98% ตับจะคอยทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของยานี้อย่างต่อเนื่อง ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำในการกำจัดยา 50% ออกจากกระแสเลือดโดยผ่านทิ้งไปกับอุจจาระและมีส่วนน้อยที่ขับออกไปทางปัสสาวะ
มีข้อพึงระวังการใช้ยารีพาไกลไนด์ที่แพทย์มักจะนำมาพิจารณาประกอบก่อนการจ่ายยานี้ให้ผู้ป่วย เช่น
- ผู้ป่วยเคยแพ้ยานี้หรือไม่
- ป่วยเป็นโรคเบาหวานประเภทใดด้วยยานี้เหมาะกับโรคเบาหวานประเภทที่ 2
- ผู้ป่วยอยู่ในภาวะเบาหวานที่มีระดับความรุนแรงมาก เช่น Diabetic ketoacidosis (เลือดเป็นกรดจากคีโตนเบาหวาน) หรือ Diabetic coma/โคม่าจากเบาหวาน
- ผู้ป่วยมีการใช้ยา Gemfibrozil หรือ Insulin อยู่ก่อนหน้านี้หรือไม่ ด้วยการใช้ทั้ง2ตัวร่วมด้วยจะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมาก
- ผู้ป่วยที่เป็นสตรีอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาหรือไม่
- ผู้ป่วยติดสุรา หรือมีร่างกายทรุดโทรมด้วยเหตุขาดอาหาร หรืออยู่ในช่วงป่วยด้วยอาการ ติดเชื้ออย่างรุนแรง และมีไข้สูงอยู่ด้วยหรือไม่
- เป็นผู้ป่วยที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่
ทั้งนี้เงื่อนไขที่กล่าวมาข้างต้นล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการใช้ยารีพาไกลไนด์ได้ทั้งสิ้น นอก จากนี้ยังมียาชนิดอื่นๆที่ผู้ป่วยอาจต้องใช้เป็นประจำและยาเหล่านั้นอาจจะมีปฏิกิริยาระหว่างยากับ ยารีพาไกลไนด์ได้ ดังนั้นจึงควรแจ้งแพทย์ผู้รักษาเสมอว่าผู้ป่วยกินยาอะไรอยู่ก่อนแล้ว
ประเทศไทยโดยคณะกรรมการอาหารและยาได้บรรจุยารีพาไกลไนด์เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติและระบุเงื่อนไขใช้เฉพาะกับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยากลุ่ม Sulfonylureas และแพ้ยา Sulfonamides
จะเห็นว่าการใช้ยารีพาไกลไนด์รักษาโรคเบาหวานมีเงื่อนไขที่มากมายพอสมควร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยจึงควรใช้ยานี้ตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาอย่างเคร่งครัด
อนึ่งในต่างประเทศยาชื่อการค้าที่เป็นที่รู้จักของยารีพาไกลไนด์คือ GlucoNorm, Surepost, NovoNorm และ Prandin
รีพาไกลไนด์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยารีพาไกลไนด์มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- รักษาอาการโรคเบาหวานประเภทที่ 2
รีพาไกลไนด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยารีพาไกลไนด์คือ ตัวยาจะกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งฮอร์โมนอินซูลินอย่างมีความสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เหมือนปกติหรือใกล้เคียงปกติ
รีพาไกลไนด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยารีพาไกลไนด์ มีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 0.5, 1 และ 2 มิลลิกรัม/เม็ด
รีพาไกลไนด์มีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยารีพาไกลไนด์มีขนาดรับประทาน เช่น
- ผู้ใหญ่: ขนาดรับประทานเริ่มต้น 0.5 มิลลิกรัมก่อนมื้ออาหาร 30 นาที หากเป็นผู้ป่วย เบาหวานที่เพิ่งเปลี่ยนมารับประทานยารีพาไกลไนด์ แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานเริ่มต้นเป็น 1 - 2 มิลลิกรัม ทั้งนี้รับประทานยานี้ได้ถึงวันละ 4 ครั้ง (รับประทานตามคำสั่งแพทย์ผู้รักษา) โดยขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา และขนาดรับประทานได้สูงสุดไม่เกิน 16 มิลลิกรัม/วัน
- เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก): ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดถึงขนาดยานี้และผลข้างเคียงของยาในผู้ป่วยเด็ก การใช้ยานี้ในผู้ป่วยเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยารีพาไกลไนด์ ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยารีพาไกลไนด์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยารีพาไกลไนด์ สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
รีพาไกลไนด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยากลุ่มรีพาไกลไนด์สามารถก่อให้เกิดผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- คลื่นไส้
- ท้องเสียหรือไม่ก็ท้องผูก
- อาเจียน
- อาหารไม่ย่อย
- ไซนัสอักเสบ
- ปวดหลัง
- มีผื่นคัน
- ลมพิษ
- ตาพร่า
*อนึ่ง: กรณีที่ได้รับยารีพาไกลไนด์เกินขนาด จะพบอาการน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรง เกิดอาการชัก มีอาการอาจเข้าขั้นโคม่า รวมถึงสูญเสียการทำงานของระบบประสาท หากพบอาการดังกล่าว ต้องรีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
มีข้อควรระวังการใช้รีพาไกลไนด์อย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยารีพาไกลไนด์ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยเบาหวานที่อยู่ในภาวะเลือดเป็นกรด (เลือดเป็นกรดจากคีโตนจากเบาหวาน) หรือผู้ป่วยโรคตับในระดับรุนแรง
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 1
- ห้ามใช้ยานี้กับเด็ก สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
- ห้ามใช้ยาที่เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
- ระวังการใช้ยานี้กับคนชราที่มีอายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไป
- หมั่นตรวจสอบน้ำตาลในเลือดเมื่อใช้ยานี้ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว, ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะโคม่า, ผู้ป่วยหลังผ่าตัด และผู้ป่วยโรคตับ, โรคไต
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรต้องเรียนรู้อาการจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เพื่อการดูแล/ช่วยเหลือตนเองรวมถึงเพื่อการป้องกันมิให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยารีพาไกลไนด์ด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
รีพาไกลไนด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยารีพาไกลไนด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยารีพาไกลไนด์ ร่วมกับยา Warfarin, ยากลุ่ม Beta-blockers, กลุ่ม Imidazoles, กลุ่มMacrolides, กลุ่ม MAOIs, กลุ่ม NSAIDs, Chloramphenicol, Cyclosporine, Deferasirox (ยากำจัดธาตุเหล็กออกจากกระแสเลือด), Gemfibrozil, Mifepristone, Montelukast, Probenecid, Salicylates, Sulfonamides, Trimethoprim อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำตามมาจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยารีพาไกลไนด์ ร่วมกับกลุ่มยา Calcium channel blockers, กลุ่มยา Phenothiazines, กลุ่มยา Sympathomimetics, Corticosteroids, ยาขับปัสสาวะ, ยาเม็ดคุมกำเนิดเช่น Estrogen, ยา Isoniazid, Nicotinic acid, Phenytoin, Thyroid hormones อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงตามมาจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยารีพาไกลไนด์ ร่วมกับยา Barbiturates, Carbamazepine, Rifamycins อาจทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาของยารีพาไกลไนด์ด้อยลงไป หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีๆไป
ควรเก็บรักษารีพาไกลไนด์อย่างไร?
ควรเก็บยารีพาไกลไนด์:
- เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
รีพาไกลไนด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยารีพาไกลไนด์ มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
NovoNorm (โนโวนอร์ม) | Novo Nordisk |
Prandin (แพรนดิน) | Novo Nordisk |