ปานแดงในเด็กเล็ก (Infantile hemangioma)
- โดย พญ.ชลธิรศน์ ศรีเกษตรสรากุล
- 26 ธันวาคม 2563
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ
- อะไรเป็นสาเหตุ/กลไกการเกิดโรคปานแดงในเด็กเล็ก?
- อาการของโรคปานแดงในเด็กเล็กเป็นอย่างไร?
- ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
- แพทย์วินิจฉัยโรคปานแดงในเด็กเล็กได้อย่างไร?
- แพทย์รักษาโรคปานแดงในเด็กเล็กอย่างไร?
- โรคปานแดงในเด็กเล็กก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
- โรคปานแดงในเด็กเล็กมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลผู้ป่วยอย่างไร?
- เมื่อไหร่ต้องพบแพทย์ก่อนนัด?
- ป้องกันโรคปานแดงในเด็กเล็กได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เนื้องอก (Tumor)
- โรคผิวหนัง (Skin disorder)
- เด็ก: โรคเด็ก (Childhood: Childhood diseases
- มะเร็ง (Cancer)
- มะเร็งผิวหนัง (Skin cancer)
- โรคหลอดเลือด โรคของหลอดเลือด (Vascular disease)
- เด็ก หรือ นิยามคำว่าเด็ก (Child)
- ยาเคมีบำบัด (Cancer chemotherapy)
- วินคริสทีน (Vincristine)
- สเตียรอยด์ ยาสเตียรอยด์ คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid)
- ไฝ ปาน (Nevus) กระ (Freckle) ฝ้า (Melasma) สิว (Acne)
บทนำ
ปานแดงในเด็กเล็ก หรือ ปานแดงในทารก หรือ ปานแดงในเด็กแรกเกิด(Infantile hemangioma หรือ Capillary hemangioma หรือ Strawberry hemangioma) คือ โรคเนื้องอกของหลอดเลือดชนิดไม่ใช่มะเร็ง เป็นโรคเกิดที่ผิวหนังในเด็กเล็ก(นิยามคำว่าเด็ก) เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นเนื้องอกที่พบบ่อยในวัยเด็กคือ พบได้ประมาณ 4% ของเด็กวัยก่อน 1 ปี พบในเด็กหญิงบ่อยกว่าเด็กชายในอัตราส่วนประมาณ 3-5:1 ทั้งนี้ โรคนี้มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากเนื้องอกชนิดอื่นคือ ระยะแรกๆ เนื้องอกจะเติบโต แต่หลังจากนั้น จะค่อยๆลดขนาดลง และหายไปได้เอง
อะไรเป็นสาเหตุ/กลไกการเกิดโรคปานแดงในเด็กเล็ก?
ปานแดงในเด็กเล็ก/ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิด เป็นเนื้องอกที่ผิวหนัง ที่ประกอบด้วยเซลล์ที่เป็นส่วนประกอบของหลอดเลือด เนื้องอกจึงมีสีแดงหรือสีแดงเข้ม ทั้งนี้ขึ้นกับระดับความลึกของเนื้องอก
ได้มีความพยายามในการศึกษาถึงสาเหตุการเกิดเนื้องอกหลอดเลือดนี้ แต่ยังเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุและกลไกการเกิดชัดเจนนัก อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ หรือโรคทางพันธุกรรม แต่ก็มีบางการศึกษาพบว่า โรคนี้อาจมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
อนึ่ง เด็กทารกจะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้มากขึ้น หากมีปัจจัยเสี่ยงดังนี้คือ
- ทารกเพศหญิง
- ทารกคลอดก่อนกำหนด
- ทารกน้ำหนักน้อย
- มารดาอายุมากกว่า 30 ปี และ/หรือ
- มารดาคลอดบุตรมาแล้วหลายคน
อาการของโรคปานแดงในเด็กเล็กเป็นอย่างไร?
อาการของโรคปานแดงในเด็กเล็ก/ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิด:
- เมื่อแรกเกิด มักจะยังไม่พบปานแดงในเด็กเล็ก/ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิด โดยอาจพบได้เป็นลักษณะของผิวหนังที่มีเส้นเลือดฝอยอยู่มาก ผิวหนังจะมีสีเข้มขึ้นกว่าปกติ หรือสีซีดกว่าปกติ ในบริเวณที่กำลังจะมีปานแดงในเด็กเล็กเกิดขึ้น
- ส่วนมาก เนื้องอกปานแดงนี้ จะเริ่มขยายขนาดขึ้นภายในขวบปีแรกของเด็ก โดยจะขยายขนาดอย่างรวดเร็วในช่วงอายุ 1 ถึง 5 เดือน จากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่เนื้องอกลดขนาดลง จนค่อยๆหายไปในที่สุด
- เนื้องอกนี้ที่อยู่ในผิวหนังชั้นบนจะมีสีแดงสด หากอยู่ในผิวหนังชั้นลึกจะมีสีออกน้ำเงิน รูปร่างของเนื้องอกอาจเป็นก้อนหรือเป็นผืนหนาๆ โดยทั่วไปขนาดจะอยู่ระหว่าง 0.5-5 เซนติเมตร
- ประมาณ 70% ของผู้ป่วย เนื้องอกจะยุบหายไปก่อนอายุ 7 ปี
- หลังจากเนื้องอกหายไปแล้ว ประมาณ 38% ของผู้ป่วย พบว่ามีรอยของเนื้องอกหลงเหลืออยู่ในลักษณะเป็นแผลเป็น (มักพบเมื่อปานแดงฯมีขนาดใหญ่)
อนึ่ง ปานแดงในเด็กเล็ก /ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิด ส่วนใหญ่จะเกิดที่ผิวหนัง (มักพบที่ผิวหนังในส่วน ศีรษะและลำคอ เช่น ใบหน้า, หนังศีรษะ) และมักเกิดในตำแหน่งเดียว แต่ก็พบเกิดในหลายตำแหน่งได้ นอกจากนั้น บางครั้งยังสามารถพบเกิดได้ในส่วนอื่นๆของร่างกาย เช่นที่ ตับ ม้าม กล่องเสียง ระบบทางเดินอาหาร
ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
ในเด็กทารก จะมีการตรวจร่างกายทุกครั้งที่ฉีดวัคซีนอยู่แล้ว จึงจัดเป็นการเฝ้าระวังโรคปานแดงในเด็กเล็กไปในตัว และเนื่องจากเป็นเนื้องอกที่หายได้เอง จึงมีเนื้องอกปานแดงนี้เพียงบางตำแหน่งเท่านั้นที่อาจเกิดผลข้างเคียงได้ ซึ่งที่ควรติดตามการเจริญเติบโตอย่างใกล้ชิด คือ ควรพบแพทย์และพบแพทย์ตามนัดเสมอ เช่น
- โรคที่เกิดบริเวณใบหน้าที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร ซึ่งแพทย์จะตรวจร่างกายทารกเพิ่มเติม เพื่อหาความผิดปกติอื่นๆที่อาจพบร่วมได้ เช่น ความผิดปกติของเส้นเลือดในสมอง
- โรคที่เกิดบริเวณหนังตา ที่อาจบดบังการมองเห็น หรือทำให้เกิดการมองเห็นที่ผิดปกติ
- โรคที่เกิดบริเวณกรามล่าง ที่อาจทำให้เกิดปัญหาในการหายใจ
- โรคที่เกิดบริเวณหลัง และทวารหนัก ที่อาจสัมพันธ์กับความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
แพทย์วินิจฉัยโรคปานแดงในเด็กเล็กได้อย่างไร?
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคปานแดงในเด็กเล็ก/ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิด ได้จาก
- การสอบถามประวัติทางการแพทย์ต่างๆของทั้งทารกและของมารดา
- การตรวจร่างกายเด็กฯ และ
- การตรวจรอยโรค
แพทย์รักษาโรคปานแดงในเด็กเล็กอย่างไร?
หลักในการรักษาโรคปานแดงในเด็กเล็ก/ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิด ขึ้นอยู่กับ
- การที่แพทย์ชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์ที่จะได้รับในการรักษา และผลข้างเคียงจากการรักษา โดยพิจารณาจาก
- ขนาด
- ตำแหน่งของรอยโรค
- ร่วมกับผลกระทบทางด้านจิตใจต่อเด็ก เช่น ปานแดงฯขนาดใหญ่บนใบหน้า อาจทำการรักษาก่อนเด็กเข้าโรงเรียน เพื่อป้องกันปัญหาทางจิตใจเด็ก เป็นต้น
ทั้งนี้ หากตัดสินใจในการรักษาแล้ว แนวทางในการรักษาโรคปานแดงในเด็กเล็กฯมีดังนี้คือ
- รับประทานยาสเตียรอยด์ เป็นเวลา 4-8 สัปดาห์ จากนั้นจึงค่อยๆลดขนาดยาลง ซึ่งการรักษาวิธีนี้ ทำให้ก้อนเนื้องอกลดขนาดลงได้ประมาณหนึ่งในสามของผู้ป่วย ส่วนผลข้างเคียงจากยา เช่น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร และ/หรือ อัตราการเพิ่มของส่วนสูงลดลงในระหว่างการได้รับยา
- การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าที่ก้อนเนื้องอก/ตัวปานแดงฯ ซึ่งวิธีนี้ เหมาะกับเนื้องอกขนาดไม่ใหญ่ ในบริเวณ ปาก จมูก แก้ม หู โดยผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น ผิวหนังบริเวณที่ฉีดยาบางลง และ/หรือ อาการแพ้ยา เช่น ขึ้นผื่น
- การรักษาด้วยยาชนิดอื่นๆ เช่น ยาเคมีบำบัดบางชนิด (เช่น ยา Vincristine) ซึ่งเป็นตัวเลือกหลังๆเนื่องจากมีผลข้างเคียงจากยาค่อนข้างสูง
- การผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอก/ปานแดงฯออก มักทำที่อายุ 3-5 ปีก่อนเด็กเข้าเรียน โดยผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น อาการเลือดออกจากกการผ่าตัด เนื่องจากเป็นเนื้องอกที่มีเส้นเลือดอยู่มาก
- การรักษาด้วยเลเซอร์ (Pulse dye laser) โดยให้การรักษาทุก 2-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ จำนวนครั้งในการรักษาขึ้นกับขนาดของปานแดงฯ
โรคปานแดงในเด็กเล็กก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากโรคปานแดงในเด็กเล็ก/ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิด คือ
- เนื้องอก/รอยโรคในบริเวณที่มีการเสียดสี เช่น บริเวณปาก บริเวณทวารหนัก รอยพับแขนขา อาจเกิดแผลขึ้นได้ พบได้ประมาณ 15% ของผู้ป่วย ซึ่งอาจพบการติดเชื้อแบคทีเรียตามมาได้ โดยเมื่อเกิดผลข้างเคียงในลักษณะนี้ การรักษา คือ การทำเลเซอร์ ร่วมกับการทายาฆ่าเชื้อ/ยาปฏิชวนะ
- นอกจากนั้น คือ ปัญหาด้านภาพลักษณ์/ความสวยงามของเด็ก
โรคปานแดงในเด็กเล็กมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรค/ความรุนแรงของโรคปานแดงในเด็กเล็ก/ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิดได้แก่
- เป็นเนื้องอกที่ไม่ทำให้ถึงตาย
- มักไม่ก่ออาการอื่นๆ ยกเว้น เกิดที่บางตำแหน่ง ดังได้กล่าวแล้วใน หัวข้อ การพบแพทย์)
- *ไม่กลายไปเป็นมะเร็ง
- เป็นโรคที่ส่วนใหญ่หายได้เอง และ
- เป็นโรคที่มักไม่กลับเป็นซ้ำ
ดูแลผู้ป่วยอย่างไร?
การดูแลเด็กโรคปานแดงในเด็กเล็ก/ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิด คือ
- คุณพ่อคุณแม่ช่วยสังเกตการณ์โตของก้อนเนื้องอก/ของปานแดงฯ โดยเฉพาะในบริเวณสำคัญ เช่น กรามล่าง รอบตา ใกล้ทวารหนัก และระวังไม่ให้เกิดการเสียดสีที่เนื้องอกให้เกิดแผล
- ซึ่งเมื่อปานแดงฯโตเร็ว และ/หรือมีแผล ควรรีบนำเด็กพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ
เมื่อไหร่ต้องพบแพทย์ก่อนนัด?
ควรนำเด็กพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเสมอ เมื่อ
- เกิดแผลขึ้นที่เนื้องอก/ปานแดงฯ หรือ
- มีอาการผิดปกติที่เกิดจากเนื้องอก/ปานแดงฯ เช่น
- เนื้องอกโตอย่างรวดเร็วบริเวณตา บังการมองเห็น หรือ
- เนื้องอกบริเวณกรามล่าง ที่เป็นสาเหตุให้ทารกมีการหายใจที่ผิดปกติ
ป้องกันโรคปานแดงในเด็กเล็กได้อย่างไร?
เนื่องจากโรคปานแดงในเด็กเล็ก/ปานแดงในทารก/ปานแดงในเด็กแรกเกิด เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิด ดังนั้น จึงยังไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้
บรรณานุกรม
- Lowell A Goldsmith , Stephen I Katz , Barbara A Gilchrest,Amy S.Paller ,David J. Leffell,Klaus Wolff, Amy S. Paller, David J.Leffell ; Fitzpatrick's dermatology in general medicine ; eighth edition ; Mc Grawhill medical
- Infantile hemangiomas: medscape ; http://emedicine.medscape.com/article/1083849-overview [2020,Dec26]
- ปรียา กุลละวณิชย์, ประวิตร พิศาลบุตร บรรณาธิการ. ตำราโรคผิวหนังในเวชปฏิบัติปัจจุบัน Dermatology 2020 พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ โฮลิสติก พับลิชชิ่ง. 2555
- วิกิโรควิกิยาสุขภาพเด็กสุขภาพผู้สูงอายุสุขภาพผู้หญิงและความงามเกร็ดสุขภาพสุขภาพทั่วไปเพศศึกษาBLOG