โรคผิวหนัง (Skin disorder)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 7 มกราคม 2563
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ผิวหนังคืออะไร?
- ผิวหนังมีหน้าที่อย่างไร?
- โรคผิวหนังมีโรคอะไรบ้าง?
- โรคผิวหนังมีสาเหตุจากอะไร?
- โรคผิวหนังมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยโรคผิวหนังได้อย่างไร?
- รักษาโรคผิวหนังได้อย่างไร?
- โรคผิวหนังรุนแรงไหม?
- ดูแลผิวหนังอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
- ป้องกันโรคผิวหนังได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคหนังแข็ง (Scleroderma)
- โรคผื่นภูมิแพ้สัมผัส(Childhood contact dermatitis)
- โรคปานแดงในเด็กเล็ก(Infantile hemangioma)
- โรคไฟลามทุ่ง(Erysipelas)
- สิว(Acne)
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์(STD: Sexually transmitted disease)
- โรคด่างขาว(Vitiligo)
- โรคมะเร็งผิวหนัง (Skin cancer)
- โรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
โรคผิวหนัง(Skin disease หรือ Skin disorder) คือ โรคหรือภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผิวหนังที่จุดใดของร่างกายก็ได้ อาจเกิดเฉพาะที่ หรือเกิดได้ทั่วทั้งตัวพร้อมกันขึ้นกับแต่ละสาเหตุ ทั้งนี้ โรคผิวหนังหมายรวมถึงโรคของ ผม ขน และเล็บ
อนึ่ง ชื่ออื่นของโรคผิวหนัง เช่น Skin condition, Cutaneous condition
โรคผิวหนัง เป็นโรคพบบ่อยทั่วโลก พบทุกเพศและทุกวัย แต่ยังไม่มีรายงานสถิติเกิดในภาพรวมของโรคผิวหนังทั้งหมด มักเป็นรายงานสถิติเกิดแยกตามแต่ละชนิดย่อยแต่ละโรค
ผิวหนังคืออวัยวะอะไร?
ผิวหนัง (Skin) เป็นเนื้อเยื่อชั้นนอกสุดที่ห่อหุ้มทุกส่วนของร่างกาย แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นนอกเรียกว่า หนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นในซึ่งเรียกว่า หนังแท้ (Dermis)
ผิวหนัง เป็นเนื้อเยื่อที่บอบบางมีความหนาตั้งแต่ 0.05 มิลลิเมตร (มม.) ไปจนถึง 1.5 มม. ทั้งนี้ขึ้นกับว่าเป็นผิวหนังในส่วนใดของร่างกาย ซึ่งผิวหนังที่บางที่สุดคือ หนังตา ส่วนผิวหนังที่หนาที่สุดคือ ผิวหนังส่วนส้นเท้า
ก. หนังกำพร้า: หรือ ผิวหนังชั้นนอกสุดที่เรามองเห็นห่อหุ้มร่างกาย ประกอบด้วยเซลล์ส่วนใหญ่เป็นเซลล์ชนิดที่ผลัดตัวลอกได้เมื่อเป็นเซลล์ตัวแก่ คือ เซลล์ชนิดเนื้อเยื่อบุผิว (Epithelium), นอกจากนั้นยังประกอบด้วยเซลล์สำคัญอีกสองชนิดคือ เซลล์ชนิดเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องผิวหนังจากแสงแดด โดยมีเม็ดสีเพื่อดูดซับรังสียูวี (UV radiation), และเซลล์ชนิดเมอร์เคล (Merkel cell) ซึ่งเป็นเซลล์รับสัมผัสจากการกดเบียดทับหรือการสัมผัสอย่างเบาๆ ทั้งนี้เซลล์ทั้งสามชนิดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งผิวหนังได้ตามชนิดต่างๆของเซลล์เหล่านั้นคือ มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (เกิดจากเซลล์ชนิดเมลาโนไซต์) ที่มีความรุนแรงโรคสูง, มะเร็งผิวหนังชนิดเมอร์เคล (เกิดจากเซลล์ชนิดเมอร์เคล) ที่มีความรุน แรงโรคปานกลาง, และชนิดเกิดจากเซลล์เนื้อเยื่อบุผิว ซึ่งมีความรุนแรงโรคต่ำกว่ามะเร็งทั้งสองชนิดที่กล่าวแล้ว
นอกจากนั้นในหนังกำพร้ายังมีเซลล์ชนิดช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่อผิวหนังและต่อร่างกายด้วยเรียกว่า เซลล์ลานเกอร์ฮานส์ (Langerhans cell)
ข. หนังแท้: ประกอบด้วยเซลล์สำคัญคือ เซลล์ในกลุ่มเนื้อเยื่ออ่อน (Soft tissue) เช่น เซลล์ไฟโบรบลาส (Fibroblast) ซึ่งสร้างคอลลาเจน และเพื่อคงการยืดหยุ่น ความแข็งแรง และรูปทรงของผิวหนัง นอกจากนั้นยังประกอบด้วยหลอดเลือด หลอดน้ำเหลือง และเส้นประสาทต่างๆ
ในหนังแท้ยังมีต่อมต่างๆหลายชนิดเพื่อ
- สร้างไขมัน สร้างเหงื่อ สร้างกลิ่น และสร้างขน
- เพื่อการหล่อเลี้ยง ปกป้องผิวหนัง ช่วยผิวหนังในการทำหน้าที่ต่างๆ และ
- ช่วยร่างกายขับของเสียออกทางเหงื่อ
ผิวหนังมีหน้าที่อย่างไร?
ผิวหนังมีหน้าที่หลายอย่าง คือ
- ปกป้องเนื้อเยื่อและอวัยวะภายในทั้งหมดจากการไม่ดูดซึมสารแปลกปลอมที่ร่างกายไม่ต้องการหรือที่เป็นพิษต่อร่างกาย
- ช่วยคงรูปร่างของร่างกาย
- ปกป้องร่างกายจากแสงยูวีจากแสงแดด
- ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิภายในร่างกายให้คงที่ จากการขับเหงื่อและจากการขยายหรือ หดตัวของหลอดเลือด
- ช่วยร่างกายกำจัดของเสียออกทางเหงื่อ
- ช่วยร่างกายสร้างวิตามิน ดี โดยสังเคราะห์จากแสงแดด
- รับความรู้สึกต่างๆเช่น หนาว ร้อน เจ็บ การกระแทก
- ป้องกันร่างกายจากการรุกรานของเชื้อโรคและสารต่างๆ และยังสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคทั้งของผิวหนังเองและของร่างกาย
โรคผิวหนังมีโรคอะไรบ้าง?
ผิวหนังประกอบด้วยเซลล์หลากหลายชนิดดังกล่าวแล้ว ซึ่งเซลล์ทุกชนิดสามารถเกิดเป็นโรคได้ทั้งหมดตั้งแต่โรคที่มีความรุนแรงต่ำ เช่น เป็นสิว ไปจนถึงโรคความรุนแรงสูง เช่น โรคมะเร็ง
โดยทั่วไปแบ่งโรคผิวหนังเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามสาเหตุหลัก คือ
ก. โรคผิวหนังที่เกิดจากเซลล์ของผิวหนังเอง ซึ่งรวมทั้งเซลล์ของต่อมต่างๆของผิวหนังด้วย ผู้ป่วยในกลุ่มนี้มักมีอาการเฉพาะผิวหนัง ไม่มีอาการอื่นๆร่วมด้วย ซึ่งการรักษาโรคในกลุ่มนี้ อาจโดยแพทย์โรคผิวหนัง (Dermatologist/เดอร์มาโตโลจีส/แพทย์สาขาตจวิทยา) หรือ แพทย์ทั่วไป (ซึ่งอาจปรึกษาแพทย์โรคผิวหนังในภายหลัง เมื่อผู้ป่วยมีอาการซับซ้อนทางผิว หนัง)
ข. อาการทางผิวหนังจากเป็นอาการหนึ่งของโรคทางร่างกายอื่นๆ ซึ่งผู้ป่วยจะมีทั้งอาการทางผิวหนัง ร่วมกับอาการของโรคต้นเหตุ: เช่น
- มะเร็งหลอดอาหารกระจายมาผิวหนังโดยคลำได้เป็นปุ่มก้อนเนื้อที่ผิวหนัง: ซึ่งนอกจากมีปุ่มก้อนเนื้อกระจายที่ผิวหนังแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการของมะเร็งหลอดอาหารร่วมด้วย เช่น กลืนลำบาก ผอมลงมาก น้ำลาย/เสลดอาจมีเลือดปน
- มีผื่นที่ผิวหนัง เช่น จากโรคหัด หรือผื่นจากการแพ้ยา หรือจากฝุ่นละออง ซึ่งโรคในกลุ่มนี้ ผู้ป่วยมักมีอาการของโรคนั้นๆร่วมด้วยเสมอ เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตัวเมื่อผื่นเกิดจากโรคหัด หรือมีอาการจาม มีน้ำมูก เมื่อผิวขึ้นผื่นจากแพ้ฝุ่นละออง หรือมีประวัติผื่นขึ้นหลังกินยา/ใช้ยา
ซึ่งแพทย์ผู้ให้การรักษาโรคในกลุ่มนี้มักเป็นแพทย์ทั่วไปหรือแพทย์เฉพาะทางโรคนั้นๆ ซึ่งบางครั้งจะปรึกษาขอความเห็นจากแพทย์โรคผิวหนังตามดุลพินิจของแพทย์ที่ให้การดูแลผู้ป่วย
*อนึ่ง บาดแผลจากอุบัติเหตุเช่น มีดบาดหรือถูกยิง ไม่จัดเป็นโรคผิวหนัง แต่จัดเป็นผู้ป่วย/โรคด้านศัลยกรรม
โรคผิวหนังมีสาเหตุจากอะไร?
โรคผิวหนัง เกิดได้จากมากมายหลายสาเหตุ ที่พบบ่อยคือ
- ต่อมต่างๆของผิวหนังอุดตันและ/หรือติดเชื้อ เช่น เป็นสิว, สิวอุดตัน
- การติดเชื้อซึ่งติดเชื้อได้ทั้ง แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา เช่น ฝีต่างๆ กลาก เกลื้อน โรคเริม โรคงูสวัด โรคไฟลามทุ่ง
- จากโรคออโตอิมมูน/ภูมิแพ้ตนเอง (ภูมิต้านตนเอง) เช่น โรคพุ่มพวง/โรคลูปัส-โรคเอสแอลอี
- จากโรคภูมิแพ้ เช่น ผื่นคันจากการสัมผัส ขนสัตว์ หรือเกสรดอกไม้
- จากการแพ้สารต่างๆ เช่น ผื่นจากการแพ้ยา
- จากการขาดวิตามินบางชนิดเช่น ภาวะขาดวิตามินบี3
- จากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง ผิวหนังจึงติดเชื้อได้ง่าย เช่น ในโรคเอดส์
- จากโรคของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของผิวหนังเช่น โรคหนังแข็ง (Scleroderma) และโรคแผลเป็นนูน
- จากผลของฮอร์โมน เช่น การขึ้นฝ้าในคนท้อง
- จากสูงอายุ (เซลล์ผิวหนังเสื่อมตามอายุ) เช่น กระผู้สูงอายุ
- ไฝ ต่างๆ
- โรคทางพันธุกรรม เช่น ปานผิวหนังชนิดต่างๆ (เช่น ปานแดงในเด็กเล็ก)
- จากการถูกแสงแดดจัดเรื้อรัง ซึ่งนอกจากเป็นปัจจัยให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมก่อนวัยแล้ว ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังด้วย
โรคผิวหนังมีอาการอย่างไร?
อาการของโรคผิวหนังขึ้นกับสาเหตุ ที่อาจพบได้เช่น
- ผิวหนังขึ้นผื่น
- เป็นจุดหรือเป็นดวง
- เป็นปื้น
- เป็นผื่นนูน
- เป็นแผ่น
- เป็นตุ่มเนื้อ
- เป็นตุ่มน้ำ
- เป็นตุ่มเลือด
- เป็นตุ่มพอง
- เป็นตุ่มหนอง
- เป็นติ่งเนื้อ
- เป็นถุงน้ำ
- เป็นแผล
- เป็นแผลเปื่อย
- เป็นแผลแตก
- เป็นแผลรอยแยก
- ภาวะหลอดเลือดฝอยพอง
- ปาน
- ไฝ
- หูด (โรคหูด)
- ก้อนเนื้อ
- แผลเรื้อรัง
- บวม แดง คัน และ/หรือ สีของผิวหนังผิดปกติเช่น สีคล้ำ สีออกแดง/ชมพู หรือสีออกม่วง
- โรคผิวหนัง อาจเกิดร่วมกับอาการต่างๆของโรคทุกระบบอวัยวะ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ เช่น
- อาการของการติดเชื้อ: เช่น มีไข้ มีได้ทั้ง ไข้สูง ไข้ต่ำ ไอ เจ็บคอ ตาแดง
- อาการของภูมิแพ้: เช่น ตาแดง มีน้ำตาไหล น้ำมูก
- โรคเลือด: เช่น จุดเลือดออก หรือจ้ำห้อเลือด
- ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน เช่น ผิวชื้น เหงื่อออกมาก ผมร่วง คันทั้งตัวโดยไม่มีผื่น หรือเป็นลมพิษง่าย เล็บเปราะ
- ฯลฯ
แพทย์วินิจฉัยโรคผิวหนังได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคผิวหนังได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ ประวัติการติดโรคคนใกล้ชิด ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยาต่างๆ
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจดูความผิดปกติของผิวหนัง ทั้งลักษณะผื่นหรือตุ่มหรือก้อนเนื้อ รูปร่าง สี และตำแหน่งที่เกิดโรค รวมทั้งการสอบถามถึงอาการร่วมต่างๆ
- บางครั้งอาจมีการขูดผิวหนังตรวจส่องกล้องจุลทรรศน์ดูการติดเชื้อ หรือดูลักษณะของเซลล์ (การตรวจทางเซลล์วิทยา) หรือ
- การเพาะเชื้อ
- อาจมีการตรวจเลือดตามสาเหตุที่แพทย์สงสัยเช่น ผื่นในโรคเอดส์ และ
- บางครั้งอาจตัดชิ้นเนื้อจากรอยโรคเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
รักษาโรคผิวหนังได้อย่างไร?
การรักษาโรคผิวหนังขึ้นกับสาเหตุ และการรักษาตามอาการ เช่น
ก. การรักษาสาเหตุ: เช่น
- การรักษาความสะอาดเมื่อเกิดจากสิว ร่วมกับการกินยา/ทายาปฏิชีวนะเมื่อเกิดจากสิวติดเชื้อ
- การรักษาด้วยการผ่าตัดเมื่อเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
- การรักษาโรคของต่อมไทรอยด์ เมื่อสาเหตุจากโรคต่อมไทรอยด์
ข. การรักษาตามอาการ: เช่น ยาแก้คัน ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ตามอาการผู้ป่วย
โรคผิวหนังรุนแรงไหม?
ความรุนแรงของโรคผิวหนังขึ้นกับสาเหตุ เช่น
- ไม่รุนแรงเมื่อเป็น สิว ฝ้า กระ หรือ ขึ้นผื่นจากโรคติดเชื้อที่ไม่รุนแรง เช่น หัด อีสุกอีใส เริม
- รุนแรงปานกลางเมื่อเป็น มะเร็งผิวหนัง ชนิด Basal cell carcinoma
- รุนแรงมากมากเมื่อเป็นโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา / มะเร็งไฝ
ดูแลผิวหนังอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
การดูแลผิวหนังโดยทั่วไป และการพบแพทย์/มาโรงพยาบาล คือ
- รักษาความสะอาดผิวหนังเสมอโดยการใช้สบู่ที่อ่อนโยน
- ปกป้องผิวหนังจากแสงแดดเมื่อต้องโดนแดดจัดหรือทำงานกลางแจ้งเช่น ใส่เสื้อแขนยาว ใส่หมวกปีกกว้าง และ/หรือทายากันแดด
- กินอาหารมีประโยชน์ครบทั้งห้าหมู่ทุกวัน เพิ่มผักและผลไม้ เพื่อชะลอผิวเสื่อมก่อนวัย
- เลือกเครื่องสำอางและเครื่องใช้ต่างๆชนิดที่อ่อนโยนต่อผิวเช่น ครีมบำรุงผิว น้ำยาโกนหนวด รวมทั้งยาสีฟัน และทิชชูทำความสะอาด
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด ผิวจะแห้งมาก (อ่านเพิ่มเติมในบทความเรื่อง ผิวแห้ง) ผิวเสื่อมได้ง่าย
- เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่ เพราะสารพิษในควันบุหรี่ทำลายเซลล์ผิวหนังและยังเป็นสาเหตุของหลอดเลือดตีบ ผิวหนังจึงเสื่อมง่ายจากขาดเลือด
- เรียนรู้ชีวิต ควบคุมความเครียด เพราะเป็นสาเหตุของสิวและผิวหน้าย่นได้ก่อนวัย
- หลีกเลี่ยงสารที่ก่ออาการแพ้ต่อผิวหนัง
- รักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคผิวหนัง
- สังเกตผิวหนังตนเองเสมอ เช่น ขณะอาบน้ำและแต่งตัว เมื่อพบก้อนเนื้อผิดปกติที่โตเร็ว หรือมีแผลแตก ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาล
- ควรมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เช่น
- เมื่อมีอาการผิดปกติต่างๆร่วมกับอาการทางผิวหนัง เช่น มีข้ร่วมกับการเกิดผื่น
- มีผื่นขึ้นหลังการกินยาต่างๆ
- เมื่อผิวหนังผิดปกติไปจากเดิมโดยเฉพาะเป็นก้อนเนื้อ ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ
- เมื่อมีความกังวลในการผิดปกติของผิวหนัง ทั้งนี้เพราะโรคผิวหนังเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุดังกล่าวแล้วตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงโรครุนแรงอย่างโรคมะเร็ง
*อนึ่ง อาการสำคัญของมะเร็งผิวหนัง ซึ่งเมื่อมีอาการเหล่านี้ ควรต้องรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ ได้แก่
- มีแผลเรื้อรัง แผลไม่หายหลังจากดูแลตนเองภาย ใน 2 สัปดาห์ หรือ
- มีก้อนเนื้อโตเร็ว หรือ
- เป็นไฝ/ปาน โตเร็ว ขอบไม่เรียบ ฝังตัวลึกในผิวหนัง และแตกเป็นแผลเลือดออกเรื้อรัง
ป้องกันโรคผิวหนังได้อย่างไร?
วิธีป้องกันโรคผิวหนังเช่นเดียวกับที่กล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ การดูแลตนเองฯ’ ซึ่งที่สำคัญคือ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดเรื้อรัง เพราะเป็นต้นเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของโรคผิวหนังหลายชนิด รวมทั้งมะเร็งผิวหนัง
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน เพื่อความแข็งแรง และชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง
- ดูแลรักษาความสะอาดผิวหนังเสมอ
- สังเกตและหลีกเลี่ยงสารต่างๆที่ก่อการระคายเคืองหรือก่ออาการแพ้ต่อผิวหนัง
บรรณานุกรม
- Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, D., Hausen, S., Longo, D., and Jamesson, J.(2001). Harrrison’s: Principles of internal medicine. New York. McGraw-Hill
- https://emedicine.medscape.com/article/1294744-overview#showall[2019,Dec28]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Skin_condition[2019,Dec28]