การป้องกันท้องผูกในผู้สูงอายุ (Prevention of elderly constipation)
- โดย ผศ.ดร.มนสภรณ์ วิทูรเมธา
- 29 พฤษภาคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ/ทั่วไป
- ท้องผูกหมายความว่าอย่างไร?
- อะไรเป็นสาเหตุทำให้ท้องผูกในผู้สูงอายุ?
- ผลกระทบจากอาการท้องผูกในผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง?
- รักษาอาการท้องผูกในผู้สูงอายุอย่างไร?
- ป้องกันท้องผูกในผู้สูงอายุอย่างไร?
- สรุป
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ผู้สูงอายุ (Older person)
- ท้องผูก (Constipation)
- ท้องเสีย (Diarrhea)
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊ส (Abdominal bloating)
- ปวดท้อง (Abdominal pain)
- การออกกำลังกาย: แนวทางการออกกำลังกายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี (Exercise concepts for healthy lifestyle)
- โรคทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินอาหาร (Digestive disease)
- ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids or piles)
บทนำ/ทั่วไป
ปัจจุบันสังคมไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา แสดงถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการสาธารณสุขทำให้คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น จากการสำรวจภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุไทยพบว่า ผู้สูงอายุมักมีปัญหาท้องผูกเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลงที่เป็นผลมาจากการเสื่อมไปตามวัย ร่วมกับการบดเคี้ยวอาหารได้น้อยจากปัญหาสุขภาพในช่องปาก มีฟันเหลือน้อยลง การดื่มน้ำลดลง และการออกกำลังกายน้อย สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้สูงอายุเกิดภาวะท้องผูก
ท้องผูก เป็นอาการที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุและมีผลกระทบต่อผู้สูงอายุ ก่อให้เกิดความไม่สุขสบาย ท้องอืด แน่นท้อง ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจเช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ท้องผูกเป็นเพียงอาการที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เป็นโรค(โรค-อาการ-ภาวะ) แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ให้มีอาการท้องผูกเรื้อรังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นการป้องกันท้องผูกจึงเป็นวิธีการในเชิงรุกที่สามารถช่วยให้ผู้สูง อายุที่เปรียบเสมือนหลักชัยของสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ในบทความนี้ จึงขอนำเสนอการป้องกันท้องผูกในผู้สูงอายุ (Prevention of elderly constipation) เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
ท้องผูกหมายความว่าอย่างไร?
ท้องผูก (Constipation) หมายถึง ความยากลำบากในการขับถ่ายอุจจาระและมีการเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง ซึ่งสิ่งบ่งชี้ที่แสดงถึงอาการท้องผูก เช่น
- ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
- ไม่ได้ถ่ายอุจจาระนานติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน
- ร่วมกับ
- อุจจาระแห้งและ/หรือแข็ง
- ท้องอืดและปวดท้อง
- ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระมาก
- เกิดความปวดเมื่อถ่ายอุจจาระ
อนึ่ง: ถ้ายังคงมีอาการท้องผูกอยู่นานเกิน 3 เดือนขึ้นไปเรียกว่า “มีอาการท้อง ผูกเรื้อรัง (Chronic Constipation)”
อะไรเป็นสาเหตุทำให้ท้องผูกในผู้สูงอายุ?
สาเหตุที่ทำให้เกิดท้องผูกในผู้สูงอายุมีหลากหลาย ที่พบบ่อย เช่น
- อายุ: อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการทำงานของกระเพาะอาหารในการหลั่งกรดที่ช่วยในการย่อยอาหารลดลง, ลำไส้เล็กบีบตัวเคลื่อนไหวลดลง, และลำไส้ใหญ่มีการบีบตัวเคลื่อนไหวช้ากว่าปกติ, จึงส่งผลให้มีอุจจาระคั่งค้างในลำไส้ใหญ่มากขึ้น นอกจากนี้
- การรับรสและการดมกลิ่นในผู้สูงอายุลดลง ส่งผลให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหารน้อยลง ส่งผลต่อการขับถ่ายอุจจาระ
- รวมทั้งความตึงตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องลดลงและกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน(ท้องน้อย)หย่อน/ทำงานลดลงในผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุไม่มีแรงเบ่งอุจจาระตามธรรมชาติจึงทำให้เกิดท้องผูกตามมา
- เพศ: มีความสัมพันธ์กับภาวะท้องผูกในผู้สูงอายุ จากการศึกษาทั้งต่างประเทศและในประเทศไทยพบว่า ผู้สูงอายุเพศหญิงมีปัญหาท้องผูกมากกว่าผู้สูงอายุเพศชาย
- การกลั้นอุจจาระ: การกลั้นอุจจาระบ่อยๆ, การไม่ถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา, ทำให้มีอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นเวลานาน
- อาหาร: รับประทานอาหารที่มีใยอาหารน้อย ทำให้ไม่มีกากอาหารมากพอที่จะกระตุ้นการทางานของลำไส้ และที่ช่วยให้อุจจาระเป็นก้อน จึงเกิดภาวะท้องผูกได้
- ดื่มน้ำน้อยกว่าวันละ 8 แก้ว: เมื่อร่างกายได้รับน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อการทำงานของร่างกาย ทำให้มีการดูดซึมน้ำจากลำไส้เข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ในลำไส้จึงเหลือน้ำลดลง ส่งผลให้อุจจาระเป็นก้อนแข็งมากขึ้นจึงถ่ายอุจจาระยาก จึงเกิดปัญหาท้องผูก ซึ่งสาเหตุที่ผู้สูงอายุดื่มน้ำน้อยลงหรือมีภาวะขาดน้ำง่าย เช่น
- ศูนย์ที่กระตุ้นความรู้สึกหิวน้ำทำงานลดลง ผู้สูงอายุจึงไม่ค่อยรู้สึกหิวน้ำ
- และในผู้สูงอายุบางราย มีปัญหากลั้นปัสสาวะไม่ได้จึงปรับตัวด้วยการดื่มน้ำน้อยลง
- การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอหรือไม่ได้ออกกำลังกายทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวน้อยลงหรือไม่ได้เคลื่อนไหว จึงทำให้แรงดันในลำไส้ใหญ่ลดลง ผู้สูงอายุจึงมีโอกาสเกิดท้องผูกได้ง่าย
- ผลข้างเคียงจากยาจากโรคประจำตัว: ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการท้องผูก เช่น ยาลดกรด ยาต้านเศร้า ยาต้านการอักเสบ/ยาแก้อักเสบ ยาขับปัสสาวะ และ/หรือ การใช้ยาแก้ท้องผูก/ยาระบายต่อเนื่อง เป็นต้น
- ด้านจิตใจ: ในผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้านั้นมักพบว่าการเคลื่อนไหวร่างกายที่รวมถึงระบบทางเดินอาหารลดลงตามไปด้วย อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะท้องผูกได้เนื่องจากมีผลลดการบีบตัวของลาไส้
ผลกระทบจากอาการท้องผูกในผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง?
อาการท้องผูกจะส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุในหลายด้านดังนี้ เช่น
ก. ด้านร่างกาย: ทำให้ผู้สูงอายุเกิดอาการต่างๆ เช่น
- แน่นท้อง/อึดอัดท้อง ท้องอืด ปวดท้อง ไม่สุขสบายในท้อง
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว วิงเวียน เนื่องจากมีความดันในลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้น
- ปากแตก ลิ้นแตก ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น เนื่องจากมีการหมักหมมของอาหารที่ค้างในลำไส้
- เกิดริดสีดวงทวาร: อุจจาระที่แห้งและแข็งจะไปกดหลอดเลือดดำรอบๆทวารหนัก ทำให้เลือดไหลเวียนกลับสู่ร่างกายไม่สะดวก จึงเกิดหลอดเลือดดำรอบทวารหนักโป่งพองจนเกิดเป็นริดสีดวงทวารขึ้น
- อันตรายจากการเบ่งถ่ายอุจจาระจะทำให้เพิ่มแรงดันในทรวงอก ลดปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ และอาจดันให้ลิ่มเลือดในหลอดเลือดไหลไปอุดตันที่สมองได้ จึงเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจ หรือในผู้สูงอายุที่มีการอุดตันของลิ่มเลือดในหลอดเลือดอยู่ก่อนแล้ว
ข. ด้านจิตใจ: ท้องผูกทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกไม่สุขสบาย ทุกข์ทรมานจากอาการท้องผูก ทำให้ผู้สูงอายุเกิดความกลัวและความวิตกกังวลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สูญเสียความมั่นใจในตนเอง ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ มีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุลดลง
ค. ด้านเศรษฐกิจ: ท้องผูกนอกเหนือจากส่งผลกระทบต่อด้านร่างกายและด้านจิตใจแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอาการท้องผูกในผู้สูงอายุและครอบครัวอีกด้วย
รักษาอาการท้องผูกในผู้สูงอายุอย่างไร?
การรักษาอาการท้องผูกในผู้สูงอายุมีหลายวิธี เช่น
ก. การรักษาโดยไม่ใช้ยา: วิธีการรักษาที่ไม่ต้องใช้ยามีหลายวิธี เช่น การนวดเพื่อให้มีการตึงตัวของกล้ามเนื้อ, การออกกำลังกาย
แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาที่ชัดเจนถึงผลของการนวดหน้าท้องเพียงอย่างเดียว หรือการใช้การนวดร่วมกับวิธีอื่นๆ เช่น การออกกำลังกายในผู้ที่มีอาการท้องผูก
ข. การรักษาโดยการใช้สารที่ไม่ใช่ยาระบาย: มีการแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิดในการป้องกันภาวะท้องผูก เช่น ขนมปังจมูกข้าว, ว่านหางจระเข้, นํ้าแร่, และนํ้าผลไม้ เช่น นํ้าลูกพรุน
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิผลของการป้องกันอาการท้องผูกของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังไม่ได้รับการทดสอบโดยการศึกษาทางการแพทย์ ในทางปฏิบัติมีการผสมผลิตภัณฑ์ทั้งหลายนี้เข้าด้วยกัน เช่น การใช้ร่วมกันระหว่างนํ้าลูกพรุนเข้มข้นกับแยม และพุดดิ้งหรือขนมปัง
นอกจากนั้น ยังมีการแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกพรุน, การดื่มน้ำมาก, ร่วมกับการรับ ประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง, ในการป้องกันอาการท้องผูก แต่เป็นเพียงคำแนะนำจากผู้เชี่ยว ชาญเท่านั้นยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยวิธีการวิจัยที่ชัดเจนมายืนยัน แต่ก็เป็นที่ยอมรับของแพทย์ทุกคนว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันท้องผูก
ค. การใช้ยาระบายหรือการสวนอุจจาระ: เป็นวิธีช่วยให้ขับอุจาระออกมาได้ดี อย่างไรก็ตามควรแนะนำให้ผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกควรไปพบแพทย์เพื่อได้รับการรักษาอาการท้อง ผูกที่ถูกต้องมากกว่าการใช้ยาระบายหรือสวนอุจจาระเอง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ทั้งยังเป็นการสร้างสุขนิสัยที่ไม่ดีที่ต้องพึ่งพิงการใช้ยาช่วยระบายซึ่งอาจไปขัดขวางการขับถ่ายอุจจาระได้ตามปกติ
ป้องกันท้องผูกในผู้สูงอายุอย่างไร?
การป้องกันท้องผูกเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้สูงอายุที่ช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้ตาม ปกติ ผู้สูงอายุสามารถปฏิบัติด้วยตนเองในการป้องกันท้องผูกได้ดังนี้ เช่น
- ฝึกการถ่ายอุจจาระเป็นเวลา: ควรฝึกการถ่ายอุจจาระทุกวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังอาหารตอนเช้า (นั่งส้วมถึงแม้จะไม่ปวดอุจจาระควรใช้เวลาประมาณ 5 -15 นาที) เป็นการฝึกนิสัยให้ขับถ่ายเป็นประจำ นอกจากนั้นคือไม่กลั้นอุจจาระ เมื่อมีอาการปวดอุจจาระควรถ่ายอุจจาระทันที นอกจากนี้มีข้อแนะนำที่ช่วยให้ถ่ายอุจจาระได้คล่องง่ายขึ้น เช่น
- ดื่มน้ำ 1-2 แก้วก่อนถ่ายอุจาระจะช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่
- ท่านั่งในการถ่ายอุจจาระ ควรโน้มตัวไปด้านหน้าจนหน้าท้องกดลงบนหน้าขาจะช่วยกดลำไส้ใหญ่ทำให้ถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น
- ใช้มือข้างที่ถนัดมือซ้ายหรือมือขวานวดเบาๆบริเวณหน้าท้องวนตามเข็มนาฬิกา จะกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ อุจจาระจะเคลื่อนออกมาได้สะดวกขึ้น
- ปรับสิ่งแวดล้อม: สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมที่ส่งเสริมการถ่ายอุจจาระที่จะช่วยป้องกัน ภาวะท้องผูกได้ ที่สำคัญ เช่น
- มีความเป็นส่วนตัวในขณะขับถ่าย
- ที่นั่งขับถ่ายควรมีความสูงเหมาะสม มีราวสำหรับจับที่ฝาผนังที่สะดวกขณะลุกยืนหรือขณะนั่งในห้องน้ำ
- ถ้าผู้สูงอายุมีปัญหาในการเคลื่อนไหว ควรได้รับการช่วยเหลือในการถ่ายอุจจาระโดยมีอุปกรณ์เพื่อช่วยเรียกผู้ดูแลเมื่อต้องการความช่วยเหลือในการไปห้องน้ำ
- รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง: ใยอาหารจะช่วยเพิ่มน้ำหนัก/ความเป็นก้อนของอุจจาระจึงช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวก ซึ่ง
- ผู้ใหญ่ทั่วไปควรได้รับใยอาหารที่มีอยู่มากในผักและผลไม้ประมาณวันละ 20 - 35 กรัม แต่*ในผู้สูงอายุที่มีปัญหาท้องผูกควรได้รับอาหารที่มีใยอาหารประมาณวันละ 25 - 60 กรัม
- ผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูง เช่น คะน้า ผักบุ้ง ผักกาดขาว แตงโม สับปะรด มะ ละกอสุก ฝรั่งสุก ส้ม กล้วย มะม่วงสุก ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง งา และรำข้าว เป็นต้น
- ผู้สูงอายุควรเลือกวิธีการปรุงอาหารที่ทำจากผักด้วยวิธีต้มให้เปื่อยนุ่มง่ายต่อการรับประทาน, และเลือกผลไม้ที่สุกเหมาะในการรับประทานมากกว่าผลไม้ที่ยังดิบ
- การดื่มน้ำ/เครื่องดื่ม:
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 -10 แก้ว แต่ถ้ามีอากาศร้อนมากเสียน้ำออกทางเหงื่อมาก ควรเพิ่มการดื่มน้ำวันละ 2,000-2,500 มิลลิลิตร ยกเว้นในบางคนเป็นโรคที่มีข้อห้ามการดื่มน้ำมากๆหรือตามแพทย์แนะนำ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไต เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มมีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลมบางยี่ห้อ เครื่องดื่มชูกำลังบางยี่ห้อ เพราะสารคาเฟอีนจะมีฤทธิ์ขับน้ำ/ปัสสาวะมากขึ้น ร่างกายจึงเกิดภาวะขาดน้ำที่ทำให้ท้องผูก
- การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ ควรเลือกชนิดของการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุแต่ละรายด้วย ซึ่งการออกกำลังกายจะช่วยเรื่องป้องกันท้องผูกโดย
- การเคลื่อนไหวร่างกายจะมีผลช่วยการบีบตัวของลำไส้ ช่วยให้ขับถ่ายอุจจาระได้ตามปกติ
- การฝึกการหายใจ การแขม่วหน้าท้อง เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้แข็งแรง
- การนอนหงายยกขาขึ้นแบบถีบจักรยานในอากาศ ก็อาจช่วยได้
- อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ ควรเลือกชนิดของการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุแต่ละรายด้วย
- จิตใจ: ทำจิตใจให้สบาย คลายความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น สวดมนต์ ภาวนา การทำสมาธิ การฟังเพลง การทำสวน/ปลูกต้นไม้ ทำกิจกรรมที่ชอบยามว่าง การช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านที่เป็นงานเบาๆ(เช่น กวาดบ้าน กวาดใบไม้) จะช่วยให้ผู้สูงอายุได้เคลื่อนไหวร่างกาย และมีจิตใจที่ผ่อนคลาย ส่งเสริมให้มีการขับถ่ายอุจจาระได้ตามปกติ
สรุป:
ท้องผูกไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ หากผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกจะส่งผลกระทบ ดังนี้
- ด้านร่างกาย: เช่น ทำให้มีอาการ ปวดท้อง แน่นท้อง/อึดอัด ไม่สุขสบาย
- ด้านจิตใจ: ทำให้ หงุดหงิด มีอารมณ์แปรปรวน
- ด้านเศรษฐกิจ: ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ช่วยแก้ไขอาการท้องผูก
การป้องกันท้องผูกในผู้สูงอายุ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด สามารถทำได้ด้วยตนเอง อาการท้องผูกก็จะไม่เกิดกับผู้สูงอายุ อันจะมีส่วนช่วยให้เป็นผู้สูงวัยที่มีคุณภาพชีวิตทีดี
การป้องกันท้องผูกในผู้สูงอายุ: ที่สำคัญคือ
- ต้องทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดท้องผูก
- ขจัดสาเหตุที่ทำให้มีอาการท้องผูก
- ฝึกการขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน
- รับประทานอาหารที่มีใยอาหารเพียงพอ
- ดื่มน้ำสะอาดให้ได้ปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน
- เคลื่อนไหวร่างกาย/ออกกำลังกายสม่ำเสมอที่เหมาะสมกับวัย
บรรณานุกรม
1. วิไลวรรณ ทองเจริญ. (2554). ศาสตร์และศิลป์การพยาบาลผู้สูงอายุ.กรุงเทพฯ: งานบริการวิชาการ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
2. สุปราณี เสนาดิสัย และวรรณภา ประไพพานิช.(บรรณาธิการ).(2554).การพยาบาลพื้นฐาน:แนวคิดและการปฏิบัติ. (พิมพ์ครั้งที่ 13).กรุงเทพฯ: จุดทอง.
3. Eliopoulos,C.(2010). Gerontological Nursing. (7th ed). Philadelphia: Wolters Kluwer/Lippincott Williams &Wilkins.
4. Laune,S.C & Ladner,P.K.(2011). Fundamentals of Nursing: Standards & Practice. (4th ed) New York: Delmar Cengage Learning.
5. Perry, A.G; Potter ,P.A & Ostendorf,W.R. (2014). Clinical Nursing Skills & Techniques. (8th ed). St. Louis: Elsevier Mosby
6. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/constipation/symptoms-causes/syc-20354253 [2022,May28]
7. https://www.agingcare.com/articles/caring-for-a-loved-one-with-chronic-constipation-210009.htm [2022,May28]