ไพรโลเคน (Prilocaine)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 29 พฤษภาคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ:คือยาอะไร?
- ไพรโลเคนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ)รักษาโรคอะไร?
- ไพรโลเคนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ไพรโลเคนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ไพรโลเคนมีวิธีการใช้อย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมใช้ยาควรทำอย่างไร?
- ไพรโลเคนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ไพรโลเคนอย่างไร?
- ไพรโลเคนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาไพรโลเคนอย่างไร?
- ไพรโลเคนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ยาชาเฉพาะที่ (Local Anesthetics)
- ภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี (G6PD deficiency)
- ซีด (Paleness)
- ยาใช้ภายนอก (External Use drug)
- กลุ่มยาแก้ปวดและยาพาราเซตามอล (Analgesics and Paracetamol)
- ภาวะเมทฮีโมโกลบินในเลือด (Methemoglobinemia)
บทนำ:คือยาอะไร?
ไพรโลเคน (Prilocaine) คือ ยาชาเฉพาะที่ พบการใช้บ่อยในคลินิกทันตกรรมโดยมักจะผสม รวมกับยา Epinephrine ซึ่งเป็นยาที่ทำให้เกิดการหดตัวของหลอดเลือด และผลิตเป็นรูปแบบของยาฉีด ลดอาการเจ็บปวดขณะทำหัตถการทางทันตกรรม หรือในรูปแบบของยาครีมจะผสมร่วมกับยา Lidocaine ใช้ทาภายนอก ห้ามมิให้รับประทานหรือเข้าตา
ทางคลินิก กรณีที่ยาไพรโลเคนถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ตัวยาจะเข้าจับกับพลาสมาโปรตีนเป็นปริมาณประมาณ 55% ตับและไตจะคอยทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของยานี้อย่างต่อเนื่อง ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 10 - 150 นาทีเพื่อกำจัดยาไพรโลเคนปริมาณครึ่งหนึ่งออกจากกระแสเลือด
การใช้ยาชาก็เพื่อวัตถุประสงค์ลดอาการเจ็บปวดจากการทำหัตถการทางการแพทย์ ยาไพรโลเคน ก็เช่นเดียวกัน ในรูปแบบของยาฉีดจัดเป็นยาชาที่สามารถออกฤทธิ์ได้เร็วภายในประมาณ 2 นาที นอก จากจะยับยั้งความรู้สึกเจ็บปวดแล้ว ยังส่งผลต่อปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจและทำให้ความดันโลหิตในหลอดเลือดแดงเปลี่ยนแปลงลดลงไป
การใช้ยาชาไพรโลเคนกับผู้ป่วยแต่ละบุคคลนั้นมีความแตกต่างกันทั้งด้วยเหตุผลของอายุหรือโรคประจำตัวอย่าง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือแม้แต่อาการแพ้ยาหลังใช้ยานี้
มีข้อจำกัดก่อนการใช้ยาไพรโลเคนอยู่หลายประการ แพทย์มักจะใช้ประกอบก่อนการสั่งจ่ายยาไพรโลเคน เช่น
- การใช้ยาไพรโลเคนในขนาดปริมาณสูงโดยเฉพาะกับผู้ป่วยเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก) อาจนำมาสู่โรคซีดจากภาวะเมทฮีโมโกลบินในเลือด(Methemoglobinemia) หรือการใช้ยานี้กับผู้ป่วยกลุ่ม G6-PD (ภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี) ก็สุ่มเสี่ยงกับการเกิดภาวะ Methemoglobinemia ได้เช่นกัน
- ระหว่างการใช้ยาไพรโลเคนควรมีอุปกรณ์ช่วยหายใจเตรียมพร้อมเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินเช่น เครื่องช่วยหายใจ หรือยาที่ใช้แก้พิษของยาชานี้
- การใช้ยาไพรโลเคนกับผู้ป่วยโรคตับขั้นรุนแรงอาจทำให้ฤทธิ์ของยาชานี้อยู่ในร่างกายได้นานยิ่งขึ้น ก่อนการใช้ยาไพรโลเคนกับผู้ป่วยกลุ่มนี้ แพทย์จะต้องประเมินผลดีและผลเสีย อาจต้องปรับขนาดการใช้ยาที่เหมาะสมก่อนหรือไม่ก็หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ โดยพิจารณาถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
- การใช้ยาไพรโลเคนกับผู้มีประวัติแพ้ยาชาชนิดต่างๆมาก่อนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างมากด้วยมีโอกาสแพ้ยาไพรโลเคนได้เช่นเดียวกัน
- การใช้ยาไพรโลเคนใน บริเวณศีรษะ บริเวณคอ บริเวณเหงือก ซึ่งใกล้กับสมองซึ่งเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทมากมาย จะต้องเริ่มต้นการใช้ยาในปริมาณต่ำก่อน จากนั้นจึงค่อยๆปรับเพิ่มโดยคำนวณปริมาณยาอย่างถูกต้อง พร้อมกับสังเกตอาการผู้ป่วยควบคู่กันไปด้วยว่าเกิดภาวะได้รับยาเกินขนาดหรือไม่ เช่น รู้สึกสับสน หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ซึมลง มีภาวะชัก ผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าวจะต้องได้รับการช่วยเหลือทันทีโดยใช้หัตถการทางการแพทย์รวมถึงเวชภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง
- หลังการใช้ยาชายาไพรโลเคน แพทย์ควรแจ้งผู้ป่วยให้ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม อย่างเช่น กรณี ของคลินิกทันตกรรมทันตแพทย์จะแนะนำผู้ที่ได้รับยาชานี้ งดเว้นการรับประทานอาหารเครื่องดื่มทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดแผลในช่องปาก การสำลักอาหาร รวมถึงรอให้สภาวะของการทำหัตถการและสภาพร่างกายของผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติก่อน
- การใช้ยาไพรโลเคนกับสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตรจะต้องผ่านการประเมินจากแพทย์แล้วเท่านั้นว่าสมควรและเหมาะสม ด้วยยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่เพียงพอมาสนับสนุนและระบุถึงความปลอดภัยจากการใช้ยาไพรโลเคนกับผู้ป่วยกลุ่มนี้
จะเห็นได้ว่าการใช้ยาประเภทนี้มีข้อจำกัดและข้อพึงระวังมากพอสมควร การใช้ยาไพรโลเคนจะ ต้องกระทำตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น สำหรับประเทศไทยสูตรตำรับของยาไพรโลเคนที่ผสมร่วมกับยา Lidocaine ในรูปแบบของยาครีมนั้นได้ถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เราสามารถพบเห็นการใช้สูตรตำรับเหล่านี้ได้ตามสถานพยาบาลทั้งของรัฐบาลและเอกชนโดยทั่วไป
ไพรโลเคนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ)รักษาโรคอะไร?
ยาไพรโลเคนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- ใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ ทั้งในรูปแบบของยาทาภายนอก/ยาใช้ภายนอก และยาฉีด
ไพรโลเคนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาชาไพรโลเคนคือ ตัวยาจะยับยั้งการเคลื่อนตัวของประจุไฟฟ้าของเซลล์ประสาท ทำให้อาการเจ็บปวดไม่สามารถถูกถ่ายทอดออกมาในด้านความรู้สึกได้ จึงเป็นผลให้เกิดฤทธิ์ตามสรรพคุณ
ไพรโลเคนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาไพรโลเคนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาฉีด ขนาด 40 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
- ยาฉีดที่ผสมร่วมกับยาอื่น เช่นยา Epinephrine005 มิลลิกรัม + Prilocaine 40 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
- ยาครีมที่ผสมร่วมกับยาชาชนิดอื่น เช่นยา Lidocaine 25 มิลลิกรัม + Prilocaine 25 มิลลิกรัม/กรัม
ไพรโลเคนมีวิธีการใช้อย่างไร?
การใช้ยาไพรโลเคนในรูปแบบ ยาฉีด, ยาครีมทาเฉพาะที่, จะต้องใช้ตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น และขนาดยาที่ใช้แพทย์มักเริ่มต้นจากขนาดยาที่ต่ำๆก่อน
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาไพรโลเคน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และ เภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/ หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาไพรโลเคนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมใช้ยาควรทำอย่างไร?
ปกติยาไพรโลเคนจะต้องใช้ทาหรือฉีดก่อนที่จะทำหัตถการทางการแพทย์ แพทย์และ พยาบาลจะตรวจสอบถึงความรู้สึกการตอบสนองต่ออาการเจ็บปวดก่อนที่จะทำหัตถการต่างๆในขั้นถัดไปเสมอ จึงไม่มีโอกาสที่จะลืมใช้ยานี้
ไพรโลเคนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาไพรโลเคนสามารถก่อให้เกิดผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- ยาทา: อาจมีอาการบวม และอาจมีความรู้สึกสัมผัสเพี้ยนในบริเวณที่ทายา
- *ยาฉีด: การใช้ยาฉีดที่ผิดขนาด (ใช้ยาปริมาณมาก) อาจทำให้เกิดอาการ วิตกกังวล กระสับกระส่าย รู้สึกสับสน วิงเวียน ตาพร่า ตัวสั่น มีอาการชัก ง่วงนอน ผู้ป่วยบางรายอาจถึงขั้นหมดสติ หยุดหายใจ บางคนอาจ คลื่นไส้อาเจียน หนาวสั่น หูอื้อ เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นช้าผิดจังหวะหัวใจหยุดเต้น และความดันโลหิตต่ำ
- กรณีที่ใช้สูตรตำรับยานี้ซึ่งมี Epinephrine ร่วมด้วยอาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้
มีข้อควรระวังการใช้ไพรโลเคนอย่างไร?
ข้อห้ามใช้และข้อควรระวังการใช้ยาไพรโลเคนที่จะกล่าวถึงนี้จะครอบคลุมทั้งยาชนิดทาและยา ชนิดฉีด เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยาไพรโลเคน หรือผู้ที่แพ้ยาชาเฉพาะที่ประเภทเอไมด์ (Amide-type local anesthetics)
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วยโรคซีดจากภาวะเมทฮีโมโกลบินในเลือด(Methemoglobinemia)
- การใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ ต้องอยู่ภายใต้คำสั่ง และการดูแลของแพทย์เท่านั้น
- ห้ามรับประทานหรือใช้ยานี้กับอวัยวะตา
- ห้ามใช้ในบริเวณที่มีแผลเปิด
- ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับ โรคไตระยะรุนแรง รวมถึงผู้ป่วย โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง
- ระหว่างการใช้ยานี้ชนิดฉีดต้องมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เหมาะสมเตรียมพร้อมเสมอเช่น เครื่องช่วยหายใจ ถังออกซิเจน เวชภัณฑ์ที่ใช้ในการกู้ชีพ
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวม ถึงยาไพรโลเคนด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ไพรโลเคนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ปฏิกิริยาระหว่างยาไพรโลเคนกับยาอื่นๆที่จะกล่าวถึง จะครอบคลุมทั้งยาชนิดทาและยาชนิดฉีด เช่น
- การใช้ยาไพรโลเคน ร่วมกับยา Acetaminophen (Paracetamol), Chloroquine อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคซีดจากภาวะเมทฮีโมโกลบินในเลือด ซึ่งทำให้ความสามารถของเม็ดเลือดที่จะนำเอาออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายลดน้อยลงเพื่อป้องกันมิให้เกิดภาวะดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยาไพรโลเคน ร่วมกับยา Alprazolam, Diazepam อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงของยาไพรโลเคนเพิ่มมากยิ่งขึ้นเช่น ง่วงนอน รู้สึกสับสน วิงเวียน เพื่อป้องกันมิให้เกิดอาการดังกล่าวจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยาไพรโลเคน ร่วมกับยา Amiodarone, Sotalol อาจส่งผลให้เกิดภาวะอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะจนเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยติดตามมา หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
ควรเก็บรักษาไพรโลเคนอย่างไร?
ควรเก็บยาไพรโลเคน:
- เก็บยาภายใต้อุณหภูมิที่ระบุมากับเอกสารกำกับยา/ ฉลากยา
- ไม่เก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไพรโลเคนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาไพรโลเคน มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Dermacaine (เดอร์มาเคน) | SR Pharma |
EMLA (เอมลา) | AstraZeneca |
Liprikaine (ลิพริเคน) | T. Man Pharma |
Citanest Forte Dental (ซิทาเนส ฟอร์ท เดนทัล) | AstraZeneca LP |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Prilocaine [2022,May28]
- https://reference.medscape.com/drug/citanest-plain-dental-prilocaine-343366 [2022,May28]
- https://www.drugs.com/pro/lidocaine-and-prilocaine.html [2022,May28]
- https://www.drugs.com/pro/lidocaine.html [2022,May28]
- https://www.drugs.com/pro/prilocaine-hydrochloride-injection.html [2022,May28]
- http://ndi.fda.moph.go.th/drug_info/index?brand=&name=&rctype=&drugno=&per_page=11340 [2022,May28]
- http://ndi.fda.moph.go.th/drug_detail/index/?ndrug=2&rctype=2C&rcno=6200006&lpvncd=&lcntpcd=&lcnno=&licensee_no= [2022,May28]
- https://reference.medscape.com/drug/citanest-plain-dental-prilocaine-343366#5 [2022,May28]
- https://www.drugs.com/drug-interactions/prilocaine-index.html?filter=3&generic_only= [2022,May28]
- https://www.mims.com/thailand/drug/info/lidocaine%20+%20prilocaine?mtype=generic [2022,May28]
- https://www.mims.com/Thailand/drug/info/Dermacaine/?type=brief [2022,May28]
- https://www.drugs.com/pro/citanest-forte-dental-injection.html [2022,May28]
- https://dailymed.nlm.nih.gov/dailymed/archives/fdaDrugInfo.cfm?archiveid=4974 [2022,May28]