ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ (Bile acid sequestrants)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

บทนำ: คือโรคอะไร?

ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ (Bile acid sequestrants) คือ ยารักษาอาการท้องเสีย และผื่นคันตามผิวหนังอันมีสาเหตุมาจากน้ำดีที่มากกว่าปกติ โดยยานี้เป็นสารประกอบเรซิ่น (Resin) ที่สามารถรวมตัวกับกรดน้ำดี (Bile acid) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของน้ำดี (Bile), หน้าที่ของกรดน้ำดี คือ ช่วยย่อยไขมันทำให้ไขมันแตกตัวเป็นอนุภาคที่เล็กลง, ยานี้จึงมีอีกชื่อว่า ‘Bile acid resin,’ โดยมีรูปแบบเป็นยารับประทาน

กลุ่มยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดกรดน้ำดีกลับคืนเข้าร่างกายได้ และกรดน้ำดีเหล่านั้นจะถูกขับทิ้งออกมาพร้อมกับอุจจาระ, ตับจะเป็นอวัยวะที่คอยสร้างกรดน้ำดีซึ่งต้องใช้ไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดมาเป็นวัตถุดิบ ส่งผลให้เกิดการลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล (LDL cholesterol) ในเลือดได้อีกด้วย ดังนั้นข้อบ่งใช้ของยานี้อีกประการ คือใช้เป็น ‘ยาลดไขมัน’

อาจสรุปหลักการลดไขมันในเลือดของยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ให้เข้าใจโดยง่าย คือ

  • รบกวนการดูดกรดน้ำดีกลับเข้าร่างกายจากลำไส้เล็กทำให้ร่างกายต้องใช้ไขมันในเลือดมาสร้างกรดน้ำดีรุ่นใหม่
  • รบกวนการทำงานของกรดน้ำดีในลำไส้เล็กส่งผลลดการดูดซึมไขมันในอาหารเข้าไปเพิ่มไขมันในกระแสเลือด

ข้อจำกัดบางประการของการใช้ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ที่ผู้บริโภคควรทราบซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเลือกใช้ยากลุ่มนี้ อาทิ

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยาหรือส่วนประกอบในสูตรตำรับยาของยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะท่อน้ำดี/ระบบทางเดินน้ำดีอุดตัน หรือมีอาการท้องผูกอย่างรุนแรง หรือในเลือดมีระดับเกลือคลอไรด์(Chloride) สูงเกินปกติ ไม่สามารถใช้ยากลุ่มนี้ได้
  • ยังมีกลุ่มโรคบางประเภทที่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างมากหากมีความประสงค์จะใช้ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์เช่น ริดสีดวงทวาร ภาวะกระเพาะอาหารหรือลำไส้อุดตัน ผู้ป่วยด้วยโรค ถุงน้ำดี (เช่น ถุงน้ำดีอักเสบ) ผู้ที่มีภาวะของโรคหลอดเลือดหัวใจ/โรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่มีไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ(ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน) ผู้ที่มีโรคตับ หรือ ผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง
  • กรณีที่ผู้ป่วยอยู่ในภาวะขาดน้ำหรือมีปริมาณเลือดน้อยกว่าปกติ (ภาวะซีด) อยู่ในขอบข่ายที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเช่นกันหากจะใช้ยากลุ่มนี้
  • ผู้ป่วยที่มีการใช้ยาชนิดอื่นอยู่ก่อนหน้านี้ต้องแจ้งให้แพทย์/พยาบาล/เภสัชกรทราบทุกครั้ง ด้วยตัวยาหลายรายการสามารถเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ได้ (อ่านเพิ่ม เติมในบทความนี้ หัวข้อ ปฏิกิริยาระหว่างยา)

อาการข้างเคียง (ผลข้างเคียง) ที่สามารถพบได้โดยทั่วไปเมื่อมีการใช้ยากลุ่มไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์เช่น ท้องผูกหรือท้องเสีย ท้องอืด เป็นต้น

ตัวอย่างของยาในกลุ่มไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ที่พบเห็นการใช้กันในปัจจุบัน เช่น Cholestyramine, Colestipol และ Colesevelam,  กลุ่มยาเหล่านี้จะมีประโยชน์มากหากใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ แต่ก็สามารถก่อให้เกิดผลเสีย (ผลข้างเคียง) ได้เช่นเดียวกันหากมีการใช้ยาผิดขนาด ผิดวิธี หรือการซื้อยามารับประทานเอง ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงและก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายผู้ป่วยได้ทั้งสิ้น

ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?

ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้:   

  • รักษาและลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดของผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง
  • รักษาอาการท้องเสียและผื่นคันตามผิวหนังอันมีสาเหตุมาจากน้ำดีที่มากกว่าปกติ

ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

หลังรับประทานและมีการดูดซึมยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์จากระบบทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือด  ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์จะมีกลไกการออกฤทธิ์ โดยตัวยาจะเข้ารวมตัวกับกรดน้ำดีในลำไส้เล็กทำให้กรดน้ำดีไม่สามารถถูกลำไส้เล็กดูดกลับไปใช้ใหม่ได้ ตับจะนำไขมันคลอเรสเตอรอลในกระแสเลือดมาสร้างกรดน้ำดีรุ่นใหม่ ส่งผลให้เกิดฤทธิ์ลดไขมันในเลือดชนิดความหนาแน่นต่ำหรือที่เรียกว่า Low-density lipoprotein (LDL) และเกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ

ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีรูปแบบการจัดจำหน่าย:  

  • ยาผงสำหรับละลายน้ำที่บรรจุในซอง
  • ยาเม็ดชนิดรับประทาน

ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีขนาดรับประทานอย่างไร?

ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีขนาดรับประทาน:  

ก. ยา Cholestyramine:

  • ผู้ใหญ่: เช่น รับประทานครั้งละ 1 ซองวันละ 3 - 4 ครั้ง
  • เด็ก(นิยามคำว่าเด็ก): เช่น รับประทานครั้งละ 1 ซองวันละ 1 - 2 ครั้ง

ข. ยา Colestipol:

  • ผู้ใหญ่: เช่น รับประทานครั้งละ 1 ซองวันละ 1 ครั้ง หรือรับประทานยาเม็ดขนาด 2 กรัม วันละ1ครั้ง
  • เด็ก: ทางคลินิกยังไม่มีข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงของยานี้ในเด็กอย่างชัดเจน การใช้ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีไป

ค. Colesevelam:

  • ผู้ใหญ่: เช่น รับประทานยาเม็ดครั้งละ 1,875 มิลลิกรัม (3x625 มิลลิกรัม) วันละ 2ครั้งเช้า-เย็น
  • เด็ก: ทางคลินิกยังไม่มีข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงของยานี้ในเด็กอย่างชัดเจน การใช้ยานี้ใน เด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีไป

*อนึ่ง:

  • การรับประทานยาชนิดผงบรรจุซอง ให้นำยามากระจายลงในน้ำ นม ซีเรียล (Cereal/ อาหารเช้าประเภทหนึ่ง) หรือเครื่องดื่มเช่น น้ำผลไม้ในปริมาณที่พอเพียง คนจนตัวยากระจายเข้ากันดี สามารถดื่มรับประทานในลักษณะยาแขวนตะกอนได้เลยและห้ามการรับประทานแบบผงแห้ง
  • รับประทานยานี้พร้อมอาหาร

******หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิด รวมยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกร เช่น

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หาย ใจลำบาก/หอบเหนื่อย
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้ เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

อย่างไรก็ตามเพื่อประสิทธิภาพของการรักษาควรรับประทานยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ตรง เวลา

ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์สามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ต่อร่างกาย เช่น

  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น มีอาการปวดท้อง ท้องผูกหรือท้องเสีย ท้องอืด คลื่นไส้ อา เจียน อุจจาระมีไขมันปนออกมามาก
  • ผลต่อผิวหนัง: เช่น เกิดภาวะผื่นคันหรือเม็ดผดเล็กๆตามผิวหนัง

*****อนึ่ง: กรณีที่รับประทานยานี้เกินขนาด อาจพบภาวะทางเดินอาหาร/ลำไส้อุดตันซึ่งอาการสำคัญ คือ ปวดท้องรุนแรง ไม่ผายลม และคลื่นไส้อาเจียน, เมื่อใช้ยานี้แล้วมีอาการดังกล่าวต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน

มีข้อควรระวังการใช้ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์อย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์  เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ยานี้
  • ห้ามใช้กับผู้ที่มีภาวะท่อทางเดินน้ำดี/ระบบทางเดินน้ำดีอุดตัน ผู้ที่มีภาวะท้องผูกขั้นรุนแรง
  • ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ โดยไม่มีคำสั่ง แพทย์
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีระดับคลอไรด์ในกระแสเลือดสูง
  • ห้ามนำยานี้ไปใช้รักษาภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงเกินด้วยยากลุ่มนี้สามารถกระ ตุ้นให้เกิดภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายสูงได้เช่นกัน
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคพิษ สุราเรื้อรัง
  • หากต้องรับประทานยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ร่วมกับยาอื่น ควรปฏิบัติดังนี้คือ รับประทาน ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์หลังจากรับประทานยาอื่นไปแล้วอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือรับประทานยาอื่นหลังรับประทานยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ไปแล้วประมาณ 4 - 6 ชั่วโมง
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ "ยา" ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น  เช่น

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยา Colesevelam ร่วมกับยา Glimepiride เพราะอาจทำให้การดูดซึมยา Glimepiride ลดน้อยลงจนส่งผลให้ยาดังกล่าวออกฤทธิ์ได้ต่ำ
  • การรับประทานยา Cholestyramine ร่วมกับยาต่างๆหลายตัวก่อให้เกิดการดูดซึมของยาเหล่านั้นลดน้อยลงไปจนอาจส่งผลต่อการรักษา หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการรับ ประทานร่วมกัน ยาที่กล่าวถึง เช่นยา Digitalis, Estrogen, Penicillin G, Phenobarbital, Spironolactone, Tetracycline, Chlorothiazide, Thyroid hormone (เช่นยา  Levothyroxine), Warfarin และ Leflunomide
  • การรับประทานยา Colestipol ร่วมกับยา Levothyroxine อาจเกิดการลดการดูดซึมและลดประสิทธิภาพของยา Levothyroxine เพื่อป้องกันปฏิกิริยาเหล่านี้ควรรับประทานยา Levothyroxine ห่างจากคอเลสทิพอลเป็นเวลา 4 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ

ควรเก็บรักษาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์อย่างไร?

ควรเก็บยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์: เช่น

  • เก็บยาที่อุณหภูมิ 20 - 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อน และความชื้น
  • ไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

ไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์  มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น

ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
Colestid (คอเลสติด) Pfizer
Questran (เควสทราน) Bristol-Myers
Resincolestiramina (เรซินโคเลสทิรามินา) Lab Rubio

 

บรรณานุกรม

  1. https://themedicalbiochemistrypage.org/bile-acid-synthesis-metabolism-and-biological-functions/ [2023,April22]
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Bile [2023,April22]
  3. https://www.drugs.com/drug-class/bile-acid-sequestrants.html  [2023,April22]
  4. https://www.webmd.com/drugs/2/drug-3334/questran-oral/details#images/49884093666   [2023,April22]
  5. https://go.drugbank.com/drugs/DB00375 [2023,April22]