คอเลสทิพอล (Colestipol)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 1 ตุลาคม 2564
- Tweet
- บทนำ: คือยาอะไร?
- คอเลสทิพอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- คอเลสทิพอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- คอเลสทิพอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- คอเลสทิพอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- คอเลสทิพอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้คอเลสทิพอลอย่างไร?
- คอเลสทิพอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาคอเลสทิพอลอย่างไร?
- คอเลสทิพอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
- ยาคาร์ดิแอกไกลโคไซด์ (Cardiac glycoside)
- การออกกำลังกาย: แนวทางการออกกำลังกายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี (Exercise concepts for healthy lifestyle)
- ลำไส้อุดตัน (Intestinal obstruction)
- ยาขับปัสสาวะ (Diuretics Drugs)
- ยาลดไขมัน (Lipid-lowering drugs)
บทนำ: คือยาอะไร?
คอเลสทิพอล (Colestipol) คือ ยาลดไขมันในเลือดชนิดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี(Low-density lipoprotein ย่อว่า LDL) ด้วยมีกลไกที่ลดการดูดซึมไขมันจากระบบทางเดินอาหารซึ่งถือเป็นการป้องกันระดับต้นๆเพื่อการลดไขมันในเลือด
ปกติอาหารจำพวกไขมันจะต้องถูกทำให้แตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆก่อนการดูดซึม โดยรวมตัวกับน้ำดีที่หลั่งมาจากตับ ยาคอเลสทิพอลจะเข้ารวมตัวกับน้ำดีที่มีไขมันเกาะติดอยู่แล้ว และทำให้ยาคอเลสทิพอล, กรดน้ำดี, และไขมัน, ไม่ถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายด้วยเช่นกัน แต่จะถูกขับออกไปพร้อมกับอุจจาระ นอกจากนี้ยาคอเลสทิพอลยังถูกนำมารักษาอาการป่วยอย่างอื่นได้อีก เช่น
- บรรเทาอาการท้องเสียเนื่องจากมีกรดน้ำดีมาก
- บำบัดอาการที่ได้รับยาประเภท Digitalis, Cardiac glycoside เกินขนาด
- ช่วยลดปริมาณเกลือออกซาเลต (Oxalate salt) ที่มีมากเกินในปัสสาวะ
- บรรเทาอาการผื่นคันอันมีสาเหตุจากภาวะดีซ่าน/ทางเดินน้ำดีอุดตัน
ยาแผนปัจจุบันของยานี้ที่มีจำหน่ายจะเป็นชนิดผงแขวนตะกอนและยาชนิดเม็ด ก่อนการจ่ายยาให้กับผู้ป่วย แพทย์มักจะสอบถามข้อมูลประวัติทางการแพทย์เพิ่มเติมดังนี้เช่น
- มีการแพ้ยาชนิดต่างๆหรือไม่
- รับประทานยาอะไรอยู่บ้าง
- มีโรคประจำตัวอะไรที่อาจเป็นข้อห้ามใช้ของยาคอเลสทิพอล
รวมถึงแนะนำให้ผู้ป่วยควบคุมอาหารประเภทไขมันสูงหรืออาหารหวานจัด พร้อมกับมี การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัยของผู้ป่วยเอง เหล่านี้จะทำให้ระดับไขมันในเลือดกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วจนสามารถหยุดการใช้ยานี้ได้ ประการสำคัญผู้ป่วยต้องมาพบแพทย์ตามนัดและตรวจไขมันในเลือดว่ากลับมาสู่ภาวะปกติหรือยัง
การใช้ยานี้กับผู้ป่วยบางกลุ่มเช่น ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ด้วยเป็นวัยที่อาจได้รับผลกระทบจากยามากกว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่น สำหรับผู้ป่วยเด็กยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกสนับสนุนการใช้ยาคอเลสทิพอลเพื่อการรักษา หรือการใช้ยากับสตรีที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ และให้นมบุตร ต้องประเมินถึงข้อดี ข้อเสีย ที่อาจกระทบไปถึงทารกและประเด็นสำคัญอีก 1 ข้อที่ผู้ป่วยจะได้ยินจากแพทย์ผู้รักษาคือ ต้องรับประทานยาตรงเวลาและห้ามปรับขนาดการรับประทานด้วยตนเองเป็นอันขาด
คอเลสทิพอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยาคอเลสทิพอลมีสรรพคุณรักษาโรค/ข้อบ่งใช้: เช่น
- รักษาภาวะ/โรคไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemias) โดยเฉพาะไขมันชนิดไม่ดี/LDL
คอเลสทิพอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาคอเลสทิพอลคือ หลังรับประทาน ตัวยาจะเข้ารวมตัวกับกรดน้ำ ดี (Bile acid, กรดที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมไขมัน) ในลำไส้เล็ก ทำให้กรดน้ำดีไม่สามารถดูดกลับไปใช้ใหม่ ตับจึงนำไขมันคอเลสเตอรอลที่ตัวเองสะสมไว้มาสร้างน้ำดีรุ่นใหม่ ซึ่งคอเลสเตอ รอลในกระแสเลือดก็จะถูกดึงมาใช้ชดเชยเช่นกัน ทำให้เกิดฤทธิ์ลดไขมันชนิดความหนาแน่นต่ำ/ชนิดไม่ดีหรือ Low-density lipoprotein (LDL) ติดตามมา
คอเลสทิพอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาคอเลสทิพอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาผงแขวนตะกอนชนิดรับประทาน ขนาดความแรง 5 กรัม/ซอง
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 1 กรัม/เม็ด
คอเลสทิพอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาคอเลสทิพอลมีขนาดรับประทาน เช่น
ก.ชนิดผงแขวนตะกอน: เช่น
- ผู้ใหญ่ที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป:เช่น รับประทานครั้งละ 5 กรัมวันละ 1 ครั้งในช่วง 1 - 2 เดือน ต่อมาแพทย์อาจปรับขนาดรับประทานได้ถึง 30 กรัม/วันโดยรับประทานครั้งเดียวหรือแบ่งรับประ ทานวันละ 2 ครั้ง การรับประทานให้นำยามากระจายลงใน น้ำ นม ซีเรียล หรือเครื่องดื่มเช่น น้ำผลไม้ในปริมาณที่พอเพียง คนจนตัวยากระจายดี ยาคอเลสทิพอลไม่ละลายน้ำ สามารถดื่มรับ ประทานในลักษณะแขวนตะกอนได้เลย และห้ามการรับประทานแบบผงแห้ง
ข.ชนิดเม็ด: เช่น
ผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป: เช่น รับประทานเริ่มต้น 2 กรัม (2 เม็ด) วันละครั้งหรือแบ่งรับประ ทานเป็นวันละ 2 ครั้งเช้า - เย็น ขนาดรับประทานที่คงระดับการรักษาอยู่ที่ 2 - 5 กรัม/วัน โดยแพทย์อาจปรับขนาดรับประทานในช่วง 1 - 2 เดือนหลังจากเริ่มรับประทานยานี้
*อนึ่ง:
- ในเด็ก (นิยามคำว่าเด็ก)และผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี: ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดถึงประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของยานี้ในคนกลุ่มนี้ การใช้ยานี้ในคนกลุ่มนี้จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
- ควรรับประทานยานี้ก่อนอาหารหรือก่อนนอน และยานี้อาจรบกวนการดูดซึมของยาอื่นได้ จึงไม่ควรรับประทานยานี้พร้อมยาอื่น ควรรับประทานยาอื่นประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนรับประทานยาคอเลสทิพอล หรือประมาณ 4 ชั่วโมงหลังรับประทานยาคอเลสทิพอล
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาคอเลสทิพอล ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และ เภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/ หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาคอเลสทิพอลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาคอเลสทิพอล สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
คอเลสทิพอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาคอเลสทิพอลสามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- ท้องผูก
- ปวดท้อง
- ท้องอืด
- แสบร้อนกลางอก
- คลื่นไส้อาเจียน
- ท้องเสียจนถึงขั้นถ่ายอุจจาระเป็นเลือดซึ่งมักเกิดกับผู้ป่วยที่ใช้ยานี้ไปนานๆ
- อาจพบ
- ภาวะ/โรคกระดูกพรุน
- อุจจาระมีไขมันปนออกมามากซึ่งมักพบกับผู้ป่วยที่บริโภคยานี้เป็นปริมาณมา
- นอกจากนี้ยังพบอาการ
- ผื่นคันตามผิวหนัง
- มีเม็ดผดเล็กๆขึ้นที่ลิ้น
*อนึ่ง: กรณีที่รับประทานยานี้เกินขนาด อาจพบภาวะระบบทางเดินอาหาร/ลำไส้อุดตัน ซึ่งต้องพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาโดยเร็วทันที/ฉุกเฉิน
มีข้อควรระวังการใช้คอเลสทิพอลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาคอเลสทิพอล เช่น
- ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีภาวะท่อทางเดินน้ำดีอุดตัน หรือดีซ่าน
- ห้ามนำไปใช้รักษาภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายสูงเกินด้วยยาคอเลสทิพอลสามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายสูงได้เช่นกัน
- ห้ามปรับขนาดรับประทานยานี้เอง
- ระวังการใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ยานี้อาจรบกวนการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน (ได้แก่ วิตามิน เอ, วิตามิน ดี,
วิตามิน อี และ วิตามิน เค) รวมไปถึงกรดโฟลิก
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาคอเลสทิพอลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
คอเลสทิพอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาคอเลสทิพอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาคอเลสทิพอล ร่วมกับยา Hydrocortisone อาจทำให้การดูดซึมของยา Hydrocortisone ลดน้อยลง หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันควรรับประทานยา Hydrocortisone ก่อนประมาณ 1 ชั่วโมงหรือรับประทานหลังยาคอเลสทิพอลประมาณ 4 ชั่วโมง
- การใช้ยาคอเลสทิพอล ร่วมกับ ยาขับปัสสาวะ Furosemide จะส่งผลให้ลดประสิทธิภาพและการออกฤทธิ์ของยา Furosemide หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีไป หรือให้รับประทานยา Furosemide 2 - 3 ชั่วโมงก่อนการรับประทานยาคอ เลสทิพอล
- การใช้ยาคอเลสทิพอล ร่วมกับ ยาลดไขมันในเลือดอื่น เช่นยา Simvastatin อาจลดประสิทธิ ภาพการรักษาของ Simvastatin เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าวควรรับประทาน Simvastatin หลังรับประทานยาคอเลสทิพอลไปแล้วประมาณ 4 ชั่วโมง
- การรับประทานยาคอเลสทิพอลร่วมกับยา Levothyroxine อาจเกิดการลดการดูดซึมและลดประสิทธิภาพของ Levothyroxine เพื่อป้องกันปฏิกิริยาเหล่านี้ควรรับประทานยา Levothyroxine ห่างจากคอเลสทิพอลเป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
ควรเก็บรักษาคอเลสทิพอลอย่างไร
ควรเก็บยาคอเลสทิพอล: เช่น
- เก็บยาในช่วงอุณหภูมิ 20 - 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
คอเลสทิพอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาคอเลสทิพอล มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Colestid (คอเลสติด) | Pfizer |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Colestipol[2021,Sept25]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Bile[2021,Sept25]
- https://www.mims.com/india/drug/info/colestipol/?type=full&mtype=generic#Dosage[2021,Sept25]
- https://www.medicines.org.uk/emc/files/pil.128.pdf[2021,Sept25]
- https://www.drugs.com/mtm/colestipol.html[2021,Sept25]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK548432/ [2021,Sept25]
- https://www.mims.com/india/drug/info/colestipol/?type=full&mtype=generic#LabInterference[2021,Sept25]