ไซโปรเตอโรน (Cyproterone)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 20 มีนาคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- ไซโปรเตอโรนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- ไซโปรเตอโรนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ไซโปรเตอโรนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ไซโปรเตอโรนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ไซโปรเตอโรนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ไซโปรเตอโรนอย่างไร?
- ไซโปรเตอโรนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาไซโปรเตอโรนอย่างไร?
- ไซโปรเตอโรนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- มะเร็ง (Cancer)
- มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer)
- ยาสแตติน (Statin)
- อาการน้ำนมไหล (Galactorrhea)
- ผู้ชายมีนม ผู้ชายมีเต้านม เต้านมโตในผู้ชาย หรือ ไกเนโคมาสเตีย (Gynecomastia)
- เม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickel cell anemia)
- เนื้องอกเยื่อหุ้มสมอง (Meningioma)
- กล้ามเนื้อลายสลาย (Rhabdomyolysis)
บทนำ: คือยาอะไร?
ไซโปรเตอโรน (Cyproterone) คือ สารสังเคราะห์ที่มีโครงสร้างคล้ายยากลุ่มสเตียรอยด์ มีฤทธิ์ต่อต้านฮอร์โมนชื่อแอนโดรเจน(Androgen) ที่พบมากในเพศชายซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นการเจริญ เติบโตให้ร่างกายมีลักษณะของบุรุษเพศ ทางคลินิกพบว่าในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากที่มีแอนโดรเจนปริมาณมากเกินไปอาจเป็นเหตุให้มะเร็งต่อมลูกหมากเจริญขยายตัวมากขึ้น นอกจากนี้แอนโดรเจนยังกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศสูงขึ้นอีกด้วย
ยาไซโปรเตอโรนจะทำให้การออกฤทธิ์ของแอนโดรเจนลดน้อยลงไป ทั้งนี้เซลล์ของมะเร็งต่อมลูกหมากจำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนแอนโดรเจนตัวที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า เทสทอสเทอโรน (Testosterone) เพื่อขยาย และเพิ่มปริมาณของเซลล์มะเร็ง ดังนั้นจึงมีการวิจัยใช้ยาไซโปรเตอโรนช่วยชะลอการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากดังกล่าว ปัจจุบันอาจพบเห็นการใช้ยาไซโปรเตอโรนในรูปแบบของ Cyproterone acetate (ย่อว่า CPA) ภายใต้ชื่อการค้าว่า Cyprostat, Siterone และ Androcur และ มีรูปแบบยาแผนปัจจุบันเป็นยารับประทานและยาฉีด
การดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจากระบบทางเดินอาหารของยานี้เป็นไปได้ถึง 100% เมื่อตัวยาเข้าสู่กระแสเลือดจะเข้าจับกับพลาสมาโปรตีนประมาณ 96% จากนั้นจะถูกส่งไปที่ตับเพื่อเผาผลาญและ ถูกเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมี คนเราต้องใช้เวลาประมาณ 40 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้ออกจากกระแสเลือดครึ่งหนึ่งของปริมาณยาที่ได้รับโดยผ่านไปกับอุจจาระและปัสสาวะ
ปกติก่อนการใช้ยาไซโปรเตอโรนแพทย์มักทำการตรวจคัดกรองและสอบถามข้อมูลส่วนตัว/ประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วยมาประกอบกัน เช่น
- อายุต่ำกว่า 18 ปีหรือไม่ ด้วยถือเป็นข้อห้ามใช้ของผู้ป่วยที่ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
- ป่วยเป็นโรคตับ หรือติดสุรา หรือป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือไม่
- เคยมีปัญหาหลอดเลือดอุดตันจากลิ่มเลือดที่ขาหรือในปอดหรือไม่
- ป่วยเป็นโรคเลือดประเภท เม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle cell anemia)
- ป่วยเป็นเนื้องอกเยื่อหุ้มสมอง ที่เรียกว่า Meningioma หรือเป็นมะเร็งชนิดอื่นอยู่หรือไม่
กรณีที่แพทย์ตรวจคัดกรองและสั่งจ่ายไซโปรเตอโรนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ผู้ป่วยพึงปฏิบัติ ควรมีดังนี้ เช่น
- มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้งเพราะแพทย์ต้องมีการติดตามอาการหลังใช้ยานี้โดยใช้ผลการตรวจเลือดมาประกอบ อีกทั้งต้องตรวจสอบการทำงานของต่อมอะดรีนัล/ต่อมหมวกไต (Adrenal glands) ว่าได้รับผลกระทบจากการรักษาโดยยาไซโปรเตอโรนหรือไม่
- ยาไซโปรเตอโรนอาจทำให้ผู้ใช้ยารู้สึก เหนื่อย อ่อนเพลีย หากเกิดอาการเหล่านี้ควรเลี่ยงการขับขี่ยวดยานพาหนะหรือการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- แพทย์จะแนะนำมิให้ผู้ป่วยดื่มสุราระหว่างการใช้ยานี้ด้วยจะรบกวนฤทธิ์การรักษาของยาไซโปรเตอโรน
- ช่วง 2 - 3 สัปดาห์หลังใช้ยาไซโปรเตอโรนจำนวนอสุจิของบุรุษจะลดน้อยลงไป แต่ไม่ได้หมายความว่ายาไซโปรเตอโรนเป็นยาคุมกำเนิดของผู้ชาย เมื่อหยุดใช้ยาจำนวนอสุจิก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
อนึ่ง อาการข้างเคียง (ผลข้างเคียง) ของการใช้ยาไซโปรเตอโรนในผู้ป่วยชายแต่ละคนจะไม่เหมือนกันทีเดียวนัก บางคนพบอาการข้างเคียงน้อย บางคนพบมาก แล้วแต่กรณีไป แพทย์มักจะแนะ นำวิธีการลดอาการข้างเคียงดังกล่าวเช่น หากมีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกมาก ก็ให้ไปอยู่ในที่ที่อากาศระบายดี ใส่เสื้อผ้าบางๆ แต่สำหรับบางอาการที่รุนแรงโดยเกิดขึ้นหลังการใช้ยานี้ แพทย์อาจต้องปรับแผนการรักษาเช่น มีอาการปวดท้องร่วมกับตัวเหลืองตาเหลืองซึ่งส่ออาการของความผิดปกติที่ตับ หรือมีอาการเบื่ออาหารมาก น้ำหนักลดผิดปกติ ท้องเสีย ซึมเศร้า ที่ทั้งหมดเป็นอาการอาจส่อถึงความผิดปกติของต่อมอะดรีนัล/ต่อมหมวกไต ประการสุดท้ายที่แพทย์อาจจะแนะนำผู้ป่วยคือ ห้ามปรับ เปลี่ยนการรับประทานยานี้ด้วยตนเองเป็นอันขาด หรือถ้าผู้ป่วยได้รับยาเกินขนาดต้องรีบมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลทันที
ทั้งนี้ ยังมีข้อจำกัดการใช้ยานี้อีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องขนาดรับประทาน ระยะเวลาของการใช้ยา การเฝ้าติดตามอาการป่วยของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากที่ต้องสัมพันธ์กับการรักษา ฯลฯ ดังนั้นผู้ป่วย/ผู้ บริโภคควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์โดยเคร่งครัด พร้อมกับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
ไซโปรเตอโรนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยาไซโปรเตอโรนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- บำบัดอาการป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มแรก
- ใช้เป็นยาควบคุมอาการป่วยของมะเร็งต่อมลูกหมากหลังจากการผ่าตัดหรือใช้ยาอื่นรักษาแล้วไม่ได้ผล
ไซโปรเตอโรนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาไซโปรเตอโรนจะออกฤทธิ์ต่อต้านการทำงานและชะลอปริมาณของฮอร์โมนแอนโดรเจนจากการสร้างจากอัณฑะ ส่งผลให้การเจริญเติบโตของมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มต้นลดน้อยลง จากกลไกเหล่านี้จึงทำให้มีฤทธิ์รักษาตามสรรพคุณ
ไซโปรเตอโรนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาไซโปรเตอโรนที่จำหน่ายในประเทศไทยมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นยาเม็ดชนิดรับประทานขนาด 50 และ 100 มิลลิกรัม/เม็ด
ไซโปรเตอโรนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาไซโปรเตอโรนมีขนาดรับประทาน เช่น
- ผู้ใหญ่: เช่น รับประทานครั้งละ 100 มิลลิกรัมวันละ 1 - 3 ครั้ง หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา และควรรับประทานยานี้พร้อมหรือหลังอาหาร
อนึ่ง ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดในการศึกษาการใช้ยานี้ในเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก) เนื่องจากมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งของชายสูงอายุ
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาไซโปรเตอโรน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาไซโปรเตอโรนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาไซโปรเตอโรน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับ การรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ไซโปรเตอโรนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาไซโปรเตอโรนอาจก่อให้เกิดผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- ภาวะตัวอสุจิของผู้ใช้ยาลดลงจนถึงขั้นเทียบเท่าเป็นหมัน
- มีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลีย
- รู้สึกร้อนวูบวาบและเหงื่อออกมาก
- รู้สึกซึมเศร้า
- กระวนกระวาย
- หายใจได้ไม่สะดวก/หายใจลำบาก
- น้ำหนักตัวลดหรือไม่ก็เพิ่ม
- บางคนอาจพบอาการตัวเหลือง
- ปวดท้อง
- เกิดหลอดเลือดขอด
- ระบบการเผาผลาญอาหารประเภทแป้งในร่างกายลดประสิทธิภาพลงไป (อ้วนง่าย)
- อาจมีภาวะเกลือโซเดียมในเลือดต่ำ แต่กลับมีภาวะเกลือโพแทสเซียมในเลือดสูง
- กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
- ความดันโลหิตสูง
- มีภาวะเต้านมโต/ ผู้ชายมีนม
- อารมณ์ทางเพศลดลง
- อาจมีอาการน้ำนมไหล
*อนึ่ง: สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ยานี้อาจพบ อาการผื่นคัน รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก/หายใจลำบาก และอาจมีอาการบวมน้ำทั่วตัว การกลืนลำบาก หากพบอาการเหล่านี้ให้รีบนำตัวผู้ป่วยพบแพทย์/ ไปโรงพยาบาลโดยทันที/ฉุกเฉิน
มีข้อควรระวังการใช้ไซโปรเตอโรนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาไซโปรเตอโรน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับ หรือมีเนื้องอกที่ตับ
- ห้ามนำยานี้ไปใช้รักษามะเร็งชนิดอื่นที่นอกเหนือจากมะเร็งต่อมลูกหมาก
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะเลือดจับตัวเป็นลิ่มเลือดได้ง่าย
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาไซโปรเตอโรนกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ด้วยยานี้จะทำให้อาการของโรคเหล่านั้นกำเริบมากขึ้น
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง:ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมไซโปรเตอโรนด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่ม เติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ไซโปรเตอโรนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาไซโปรเตอโรนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- ห้ามรับประทานยาไซโปรเตอโรน ร่วมกับ สุราด้วยจะทำให้ประสิทธิภาพและฤทธิ์ของการรักษาด้อยประสิทธิภาพลง
- การใช้ยาไซโปรเตอโรน ร่วมกับยาเบาหวาน อาจเกิดการรบกวนและทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติไป (อาจสูงหรือต่ำกว่าความเป็นจริง) เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าว แพทย์จะปรับขนาดการรับประทานยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- ยาบางรายการจะรบกวนการออกฤทธิ์ของยาไซโปรเตอโรน ควรต้องแจ้งข้อมูลการใช้ยาต่างๆกับแพทย์เสมอ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปรับขนาดหรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน ยาบางรายการที่กล่าวถึง เช่นยา Rifampicin, Phenytoin, Ketoconazole, Itraconazole, Clotrimazole, และ Ritonavir
- การใช้ยาไซโปรเตอโรน ร่วมกับยากลุ่ม Statins อาจเกิดการกระตุ้นให้มีภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย (การอักเสบรุนแรงของกล้ามเนื้อลาย) เพื่อป้องมิให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวควรหลีก เลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
ควรเก็บรักษาไซโปรเตอโรนอย่างไร?
ควรเก็บยาไซโปรเตอโรน:
- เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- ไม่เก็บยาในรถยนต์หรือในห้องน้ำ
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไซโปรเตอโรนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาไซโปรเตอโรน มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Cyprostat (ไซโปรสแตท) | Bayer |
Androcur (แอนโดรเคอ) | Bayer |
บรรณานุกรม
- https://patient.info/medicine/cyproterone-an-anti-androgen-for-men-cyprostat-androcur [2022,March19]
- https://www.macmillan.org.uk/cancer-information-and-support/treatments-and-drugs/cyproterone-acetate
- https://en.wikipedia.org/wiki/Cyproterone [2022,March19]
- https://www.drugs.com/international/cyproterone.html [2022,March19]
- https://media.healthdirect.org.au/medicines/GuildLink_Information/101535/CMI/txccyp1010320.pdf [2022,March19]
- https://www.medicines.org.uk/emc/medicine/3683/PIL/Cyprostat+50mg [2022,March19]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Cyproterone_acetate#Dosage_and_administration [2022,March19]