แลนโซพราโซล (Lansoprazole)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

บทนำ: คือยาอะไร?

แลนโซพราโซล (Lansoprazole)  คือ ยากดการสร้างกรดของกระเพาะอาหาร, มีข้อบ่งใช้ หลายประการ เช่น ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ รวมถึงแผลในทางเดินอาหารที่เกิดจากการใช้ยากลุ่มเอ็นเสด, นอกจากนี้ยังใช้ร่วมรักษาแผลในกระเพาะอาหารจากโรคติดเชื้อเอชไพโลไร โดยต้องใช้ควบคู่ไปกับยาปฏิชีวนะบางตัว เช่นยา Amoxicillin 1,000 มิลลิกรัม และ Clarithromycin 500 มิลลิกรัม มีระยะเวลาของการใช้ยาปฏิชีวนะอยู่ประมาณ 10 - 14 วัน, ยาแลนโซพราโซลมีวางจำหน่ายในรูปแบบยารับประทาน และชนิดฉีด

ยาแลนโซพราโซล เป็นยาในกลุ่มโปรตอน-ปั๊ม อินฮิบิเตอร์ (Proton-pump inhibitor) มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งกรดของกระเพาะอาหาร บริษัทยาหลายแห่งได้ผลิตยานี้ออกจำหน่ายภายใต้ชื่อการค้าที่หลากหลาย เช่น Prevacid ซึ่งลิขสิทธิ์ได้สิ้นสุดในปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ. 2538) และมีวางจำหน่ายในร้านขายยาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

หลังการรับประทาน ตัวยาแลนโซพราโซลจะถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารได้มากกว่า 80%, ตัวยาในกระแสเลือดจะเข้าจับกับพลาสมาโปรตีนประมาณ 97%, ตับจะเป็นอวัยวะที่คอยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของยานี้, ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 1 - 1.5 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้ออกจากกระแสเลือด โดยผ่านทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ

ยาแลนโซพราโซลไม่สามารถบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกเนื่องจากมีกรดมากได้ทันที ผู้ป่วยต้องรับประทานยานี้ไปสักระยะหนึ่งจึงจะพบว่าอาการป่วยดีขึ้นเป็นลำดับ

มีข้อห้ามและเงื่อนไขบางประการที่ผู้บริโภคควรทราบก่อนการใช้ยาแลนโซพราโซล เช่น  

  • ห้ามผู้ป่วยไปซื้อยานี้มารับประทานเองโดยไม่มีคำสั่งแพทย์
  • อาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย ที่ควรต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการใช้ยานี้ เช่น อาการแสบร้อนกลางอกมาเป็นเวลามากกว่า 3 เดือนแล้ว น้ำหนักตัวลด คลื่นไส้อาเจียน และปวดท้องมาตลอดก่อนมาพบแพทย์
  • การรับประทานยานี้เป็นเวลานานเกินไป หรือรับประทานในปริมาณมากเกินไป อาจเป็นเหตุให้กระดูกหักได้ง่ายโดยเฉพาะกับผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
  • ถึงแม้ยานี้มีข้อสรุปจากห้องทดลองว่า ไม่ทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ก็จริง แต่ผู้ป่วยควรต้องแจ้งแพทย์ทุกครั้งว่า ตนเองอยู่ในสถานะตั้งครรภ์หรือไม่ รวมถึงต้องไม่ใช้ยากับสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  • ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา
  • กรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาแลนโซพราโซลชนิดออกฤทธิ์นาน ห้ามเคี้ยว หักยา หรือบดยา ให้ รับประทานยานี้โดยกลืนพร้อมน้ำดื่มอย่างปกติ
  • หากผู้ป่วยไม่สามารถกลืนยาแคปซูลชนิดออกฤทธิ์นานได้ ให้แกะแคปซูล และละลายผงยาลงในโยเกิร์ตแล้วกลืนทันที, หรืออาจละลายยาผสมใน น้ำแอปเปิ้ล หรือน้ำส้ม หรือ น้ำมะเขือเทศ, จากนั้นดื่มจนหมด, แล้วเติมน้ำผลไม้ในแก้วเดิม คนเบาๆแล้วดื่มจนหมดอีกครั้ง
  • กรณีที่ผู้ป่วยได้รับยานี้มาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีขึ้นไป อาจทำให้ร่างกายขาดวิตามินบี12 ได้

สำหรับระยะเวลาของการใช้ยาแลนโซพราโซลในการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร-ลำไส้ (แผลเปบติค) จะมีความแตกต่างกันออกไป เช่น การรักษาแผลในลำไส้เล็กโดยใช้ยาแลนโซพราโซลชนิดออกฤทธิ์นาน ผู้ป่วยอาจรับประทานยาในระยะสั้นเพียง 4 สัปดาห์ก็จะเพียงพอทำให้อาการปวดของแผลในลำไส้หายเป็นปกติ,  ในขณะที่ต้องใช้เวลาถึง 8 สัปดาห์เพื่อรักษาอาการของแผลในกระเพาะอาหาร, หรือใช้ยาแบบออกฤทธิ์นานบำบัดอาการกรดไหลย้อนต้องใช้เวลาในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ขึ้นไป

ทั่วไป การใช้ยาแลนโซพราโซลแบบออกฤทธิ์นาน โดยมีการควบคุมดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่องจะใช้ยานี้ไม่เกิน 12 เดือน

ยาแลนโซพราโซล สามารถก่อให้เกิดอาการข้างเคียง (ผลข้างเคียง) เหมือนกับยาอื่นทั่วไป เช่น ท้องเสีย   ปวดท้อง   คลื่นไส้ รวมถึงอาการข้างเคียงที่อาจเกิดต่อระบบทำงานของอวัยวะต่างๆของร่างกายอีกหลายประการ, ดังนั้นการใช้ยานี้ได้อย่างปลอดภัยและเหมาะสม ควรต้องใช้ยาตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น

แลนโซพราโซลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?

 

ยาแลนโซพราโซลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้:  เช่น

  • รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
  • รักษาภาวะกรดไหลย้อน 
  • ใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารกรณีของโรคติดเชื้อเอชไพโลไร
  • รักษากลุ่มอาการโซลลิงเจอร์เอลลิสัน (Zollinger-Ellison syndrome)
  • รักษาแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากการใช้ยากลุ่ม NSAIDs
  • ป้องกันการเกิดแผลในลำไส้เล็ก
  • ป้องกันการเกิดแผลในอวัยวะระบบทางเดินอาหารอันมีสาเหตุจากยา NSAID

แลนโซพราโซลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาแลนโซพราโซล คือ ตัวยาจะเข้ายับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ชื่อว่า ‘Hydrogen/potassium adenosine triphosphatase’ ซึ่งอยู่ภายในเซลล์ผนังกระเพาะอาหารโดยมีชื่อว่า ‘Gastric parietal cells’ ทำให้การแลกเปลี่ยนไฮโดรเจนไอออน (Hydrogen ion) กับโพแทสเซียมไอออน (Potassium ion) ของ Gastric parietal cell เปลี่ยนแปลงจากเดิม, จึงส่งผลให้การหลั่งกรดของกระเพาะอาหารลดน้อยลงในที่สุด

แลนโซพราโซลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาแลนโซพราโซลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย: เช่น   

  • ยาแคปซูลชนิดรับประทานแบบออกฤทธิ์นาน ขนาด 15 และ 30 มิลลิกรัม/แคปซูล
  • ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 15 และ 30 มิลลิกรัม/เม็ด
  • ยาฉีด ขนาด 30 มิลลิกรัม

แลนโซพราโซลมีขนาดรับประทานอย่างไร?

ยาแลนโซพราโซลมีขนาดรับประทานขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของอาการ/ของโรค, ขนาดรับประทานจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป ตัวอย่าง เช่น

ก. รักษาแผลในกระเพาะอาหาร:  

  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป: เช่น รับประทาน 30 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าประมาณ 30 นาที เป็นเวลา 4 - 8 สัปดาห์

ข. รักษาแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้น:  

  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป: เช่น รับประทาน 15 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้งก่อนอาหารเช้าประมาณ 30 นาที เป็นเวลา 4 สัปดาห์

ค. รักษากรดไหลย้อน: เช่น     

  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป: เช่น รับประทาน 15 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าประมาณ 30 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์

ง. รักษาแผลที่หลอดอาหาร:

  • ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป: เช่น รับประทาน 30 มิลลิกรัม วันละ 1ครั้ง ก่อนอาหารเช้าประมาณ 30 นาที, กรณีรับประทานยานี้ไม่ได้ให้หยดยานี้เข้าหลอดเลือดดำ 30 มิลลิกรัมโดยใช้เวลาในการให้ยานาน 30 นาทีขึ้นไป เป็นเวลา 8 สัปดาห์

 *อนึ่ง: ในเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)และผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี: การจะใช้ยานี้กับผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้เป็นไปตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาแลนโซพราโซล ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร  เช่น      

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาแลนโซพราโซลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ ที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประ เภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาแลนโซพราโซลสามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับ การรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม เพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรรับประทานยาแลนโซพราโซลตรงเวลา

แลนโซพราโซลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาแลนโซพราโซนสามารถก่อให้เกิดผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย: เช่น

  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น มีอาการท้องเสียหรือท้องผูก ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน  ตับอ่อนอักเสบ
  • ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดหัว   วิงเวียน การพูดจาไม่ชัดเจน
  • ผลต่อผิวหนัง: เช่น เกิดผื่นคัน
  • ผลต่ออวัยวะตับ: เช่น ตับอักเสบ
  • ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น เยื่อจมูกอักเสบ ไอ  เกิดกลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่
  • ผลต่อภาวะทางจิต: เช่น มีอาการซึมเศร้า หรือไม่ก็วิตกกังวล
  • ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น เกิดภาวะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ มีภาวะหัวใจล้มเหลว  มีความดันโลหิตสูงหรือไม่ก็ต่ำ

มีข้อควรระวังการใช้แลนโซพราโซลอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาแลนโซพราโซล: เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วยโรคตับระยะรุนแรง ผู้ที่มีเกลือแมกนีเซียมในเลือดอยู่ในระดับต่ำ ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน
  • ห้ามใช้ยานี้กับ สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ โดยไม่มีคำสั่งแพทย์
  • ห้ามรับประทานยานี้เกินขนาดที่แพทย์สั่ง หรือปรับขนาดรับประทานยานี้ด้วยตนเอง
  • ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
  • *หลังการรับประทานยานี้แล้ว พบมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ถ่ายเหลวเป็นน้ำมีเลือดปน เกิดภาวะชัก ปัสสาวะบ่อย  ปัสสาวะเป็นเลือด  และ/หรือตัวบวม *ต้องรีบพาผู้ป่วยมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
  • *กรณีที่เกิดภาวะเกลือแมกนีเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติหลังจากใช้ยานี้ ซึ่งจะสังเกตได้จาก อาการชี้นำ เช่น รู้สึกวิงเวียน สับสน  หัวใจเต้นเร็ว มีภาวะตัวสั่น ไอ เป็นตะคริวที่มือและเท้า *ให้หยุดการใช้ยานี้ทันที แล้วรีบพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วทันที/ฉุกเฉิน
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคไต
  • มาตรวจร่างกาย/มาโรงพยาบาลตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ "ยา" ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาแลนโซพราโซลด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด  อาหารเสริม  ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

แลนโซพราโซลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาแลนโซพราโซลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น: เช่น

  • ห้ามใช้ยาแลนโซพราโซล ร่วมกับยาต้านไวรัส เช่นยา Atazanavir, Nelfinavir, ด้วยฤทธิ์ลดการหลั่งกรดของยาแลนโซพราโซลจะทำให้การดูดซึมของยาต้านไวรัสดังกล่าวลดต่ำลงจนส่งผลต่อการรักษาของผู้ป่วยโรคเอชไอวี  
  • การใช้ยาแลนโซพราโซล ร่วมกับยา Citalopram อาจทำให้ระดับยา Citalopram ใน กระแสเลือดเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ผู้ป่วยได้รับอาการข้างเคียงต่างๆจากยา Citalopram ตามมา  กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแลนโซพราโซล ร่วมกับยาที่มีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ ด้วยจะทำให้การดูดซึมของธาตุเหล็กลดต่ำลง กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน อาจเว้นระยะเวลาการรับประทานยาทั้ง 2 ชนิดให้ห่างกันอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์/พยาบาล/เภสัชกร

ควรเก็บรักษาแลนโซพราโซลอย่างไร?

ควรเก็บยาแลนโซพราโซล: เช่น

  • เก็บยาในช่วงอุณหภูมิ 15 - 30 องศาเซลเซียส (Celsius)
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อน และความชื้น
  • ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

แลนโซพราโซลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาแลนโซพราโซล  มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต:  เช่น

ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
Prevacid FDT/IV (พรีวาซิด เอฟดีที/ไอวี) Takeda

 

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Proton-pump_inhibitor [2022,Dec3]
  2. https://www.drugs.com/lansoprazole.html [2022,Dec3]
  3. https://en.wikipedia.org/wiki/Lansoprazole [2022,Dec3]
  4. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/11825309/ [2022,Dec3]
  5. https://www.drugs.com/drug-interactions/lansoprazole-index.html?filter=3&generic_only=  [2022,Dec3]