หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis media) หรือ หูชั้นกลางติดเชื้อ (Middle ear infection)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

หูชั้นกลางอักเสบ(Otitis media ย่อว่า โอเอม/OM) คือ โรคที่เซลล์หูชั้นกลางอักเสบ บวม ติดเชื้ออาจจากแบคทีเรียและ/หรือโรคติดเชื้อไวรัส, และมักร่วมกับมีสารน้ำ/ของเหลวขังสะสมในหูชั้นกลาง, อาจเกิดกับหูข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้างโดยขึ้นกับสาเหตุ, อาการหลัก คือ อาการของหูด้านอักเสบ เช่น ปวดหู  การได้ยินลดลง หูอื้อ  อาจมีไข้ และอาจมีของเหลวไหลออกจากหูด้านนั้น

หูชั้นกลางอักเสบ พบบ่อยทั่วโลก ทุกเพศ ทุกวัย ที่พบบ่อยคือหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ที่มักพบในเด็กเล็กมากกว่าในเด็กโตและในผู้ใหญ่, รายงานจากสหรัฐอเมริกาในแต่ละปี พบโรคนี้ประมาณ 10%ของประชากร โดยประมาณ 50% เป็นเด็กวัยต่ำกว่า 5 ปี, ส่วนหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังพบได้ประมาณ 5% ต่อปีและประมาณ 20% พบในเด็กวัยต่ำกว่า 5 ปีเช่นกัน

อนึ่ง:

  • ชื่ออื่นของหูชั้นกลางอักเสบ คือ หูชั้นกลางติดเชื้อ(Middle ear infection)  
  • *ทั่วไปเมื่อพูดลอยๆว่า ‘หูติดเชื้อ (Ear infection)’ มักหมายถึง หูชั้นกลางอักเสบติดเชื้อ
  • หูชั้นกลาง: คือส่วนของหูที่อยู่หลังแก้วหู และเป็นหูส่วนรับเสียงจากหูชั้นนอก แล้วส่งต่อไปยังประสาทหูในหูชั้นใน

หูชั้นกลางอักเสบมีกี่ชนิด?

ทางคลินิก  ทั่วไปมักแบ่งหูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อเป็น 3 ชนิดย่อย ได้แก่

ก. หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน/หูชั้นกลางติดเชื้อเฉียบพลัน(Acute otitis media ย่อว่า เอโอเอม/AOM): คือ อาการอักเสบของหูจะเกิดเฉียบพลัน เช่น มีไข้ทันที อาจเป็นไข้สูงหรือไข้ต่ำ ปวดหู แน่นในหู หูได้ยินลดลง เบื่ออาหาร อาจมีสารน้ำ/ของเหลวหรือหนองไหลออกจากรูหูในกรณีมีอาการรุนแรงที่มักเกิดจากการตีบตันของท่อชื่อ’ท่อยูสเตเชียน’ที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลางกับช่องลำคอ โดยท่อนี้มีหน้าที่ระบายอากาศ/ของเหลว/ซากเซลล์ที่ตายให้ไหลออกจากหูชั้นกลาง

ทั่วไปอาการจะดีขึ้นภายใน 3-7 วันด้วยการรักษาตามอาการกรณีอาการไม่รุนแรง เช่น ติดเชื้อจากไวรัส, หรือหลังได้รับยาปฏิชีวนะเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าอาการรุนแรงและ/หรือติดเชื้อแบคทีเรีย, ซึ่งหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันเป็นโรคพบบ่อย และเกิดซ้ำได้เสมอถ้ายังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่

ข. หูชั้นกลางอักเสบร่วมกับมีน้ำในหู(Otitis media with effusion ย่อว่า โอเอมอี/OME): โรคชนิดนี้มักเกิดต่อเนื่องมาจากชนิดอักเสบเฉียบพลัน โดยอาการต่างๆที่เกิดในช่วงการอักเสบเฉียบพลันจะหายแล้ว ยกเว้นสารน้ำ/ของเหลวยังคงอยู่ซึ่งเป็นสาเหตุให้รู้สึกแน่นหู, การได้ยินยังไม่กลับมาปกติ, และอาจเป็นเหตุให้เกิดหูอักเสบเฉียบพลันกลับมาเป็นซ้ำได้อีก, ทั้งนี้สาเหตุหลักของหูชั้นกลางอักเสบชนิดนี้คือ ยังคงมีการตีบตันของท่อยูสเตเชียน ไม่ใช่จากติดเชื้อโดยตรง 

ทั่วไป การอักเสบชนิดนี้จะค่อยๆหายได้เองในระยะเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ (อาจนานกว่านี้ได้)จากการยุบบวมของท่อยูสเตเชียน และร่างกายค่อยๆดูดซึมสารน้ำ/ของเหลวให้หมดไป

ค. หูชั้นกลางอักเสบเป็นหนองเรื้อรัง(Chronic suppurative otitis media ย่อว่า ซีเอสโอเอม/CSOM): คือ ชนิดที่หลังเกิดการอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันยังคงมีการติดเชื้อในหูชั้นกลางต่อเนื่องจนเกิดหนองสะสม ส่งผลทำให้เกิด’แก้วหูทะลุ,’ หนองจากหูชั้นกลางจึงไหลผ่านออกทางรูหู ซึ่งอาการนี้พบได้นานอย่างน้อย6สัปดาห์ขึ้นไป ที่สำคัญคือเป็นเหตุให้การได้ยินลดลงเรื่อยๆ  และถ้าไม่ได้รับการรักษา  หรือรักษาไม่ถูกต้อง อาจเป็นเหตุเกิดหูหนวกถาวรได้ รวมถึงยังมีโอกาสเกิดหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลันกลับซ้ำร่วมด้วยได้อีกเป็นระยะๆ

นอกจากการเกิดหูหนวกถาวร โรคชนิดนี้ยังเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดโรคที่เป็นอันตรายที่เกิดจากการสะสมเซลล์ที่ตายแล้วในหูชั้นกลางที่เรียกว่า โรค’คอเลสทีอะโทมา (Cholesteatoma/ แนะนำอ่านรายละเอียดโรคนี้ได้จากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง คอเลสทีอะโทมา)

นอกจากนี้ หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรังยังแบ่งเป็นชนิดย่อยได้อีก เรียกว่า ‘หูชั้นกลางอักเสบแบบยึดติด (Adhesive otitis media หรือ Gleu)’ คือ เกิดการยึดติดของแก้วหูกับกระดูกหูต่างๆในหูชั้นกลางที่ทำหน้าที่นำเสียง,  อาการสำคัญคือ การได้ยินจะลดลงจนถึงหูดับ/หูหนวก ร่วมกับอาการหูบวมจากการคั่งของสารน้ำในหูชั้นกลางที่ไหลออกไม่ได้

หูชั้นกลางอักเสบเกิดได้อย่างไร?

หูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ เกิดจากท่อยูสเตเชียนดังกล่าว เกิดอักเสบบวมจากคออักเสบจากสาเหตุต่างๆ(พบบ่อยคือจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งอาจจากเชื้อแบคทีเรีย หรือ โรคติดเชื้อไวรัสก็ได้) ท่อฯจึงตีบแคบหรืออุดตัน,  หรือจากปากท่อฯนี้อุดตันจากต่อมอะดีนอยด์(เนื้อเยื่อน้ำเหลือง)ในช่องคอโตจนกดเบียดทับปลายเปิดของท่อฯ 

ซึ่งการที่ท่อฯนี้ตีบแคบ/อุดตัน จะส่งผลให้สารน้ำฯและเซลล์หูชั้นกลางที่ตาย  ไหลออกจากหูชั้นกลางไม่ได้ตามปกติ จึงสะสมต่อเนื่องในหูชั้นกลางจนกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอย่างดีโดยเฉพาะแบคทีเรีย จึงเกิดเป็นโรค’หูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ’

หูชั้นกลางอักเสบมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?

ชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ มีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงหลัก คือ คออักเสบจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ทั้งจากไวรัส และ/หรือ แบคทีเรีย ซึ่งจะส่งผลให้ท่อยูสเตเชียน และ/หรือต่อมอะดีนอยด์อักเสบบวมจนส่งผลให้ท่อฯอุดตันดังกล่าวใน ’หัวข้อ หูชั้นกลางอักเสบเกิดได้อย่างไร’ ซึ่งโรคที่พบเป็นสาเหตุบ่อย ได้แก่ โรคหวัด

โรคอื่นๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงให้คออักเสบ/ท่อยูสเตเชียนบวมจนอุดตัน ได้แก่

  • โรคภูมิแพ้
  • โรคหืด
  • คนที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ

ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดหูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ?

ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดหูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ เช่น  

  • เด็กเล็ก (นิยามคำว่าเด็ก): โดยเฉพาะช่วงอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี เพราะ
  • มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ จึงติดเชื้อต่างๆได้ง่ายโดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น โรคหวัด ที่จะส่งผลให้ท่อยูสเตเชียนบวม ตีบตัน อุดตัน
  • เป็นวัยที่ต่อมอะดีนอยด์ยังคงอยู่ และมักมีขนาดใหญ่กว่าวัยอื่น ยังไม่ยุบหายไปตามธรรมชาติ
  • ท่อยูสเตเชียนในเด็กมีขนาดเล็กกว่าในวัยอื่น และตัวท่อจะอยู่ในแนวค่อนข้างตรงไม่เทลง จึงส่งผลระบายสารน้ำฯจากหูชั้นกลางได้ไม่ดี
  • การให้นมขวดบุตรในท่านอนราบ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่การกลืนยังพัฒนาไม่ดีพอ เพราะจะทำให้น้ำนมไหลผ่านลำคอเข้าหลอดอาหารได้ไม่ดี ส่งผลให้เกิดท้นอุดตันท่อยูสเตเชียนได้ง่าย
  • เป็นโรคหวัดบ่อย เพราะท่อยูสเตเชี่ยนอุดตันบ่อย
  • มีโรคภูมิแพ้ ซึ่งมักมีผลให้เกิดคออักเสบจากภูมิแพ้เรื้อรัง รวมถึงเป็นสาเหตุ ต่อมอะดีนอยด์โตกว่าปกติ
  • มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ จึงติดเชื้อต่างๆได้ง่ายที่รวมถึงโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
  • มีโรคเรื้อรังโดยเฉพาะโรคเรื้อรังของระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหืด โรคซิสติกไฟโบรซิส
  • มีรายงานว่า
    • คนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ จะพบโรคนี้ได้บ่อยกว่าคนทั่วไป
    • อาจสัมพันธ์กับเชื้อชาติ เพราะพบโรคนี้ได้สูงกว่าในคนพื้นเมืองอเมริกัน
  • สูบบุหรี่ รวมถึงสูบบุหรี่มือสอง เพราะสารพิษในควันบุหรี่ ส่งผลให้เกิดคออักเสบได้ง่าย และสารพิษในควันบุหรี่ยังมีผลกดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย

หูชั้นกลางอักเสบมีอาการอย่างไร?

อาการของหูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ ได้แก่

ก. อาการในเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถบอกเล่าอาการได้: กรณีหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ผู้ดูแลจะสังเกตพบอาการที่เด็กแสดงออกแทนคำพูด

  • อาการที่พบบ่อย: เช่น
    • มีไข้ ซึ่งมีได้ทั้งไข้ต่ำๆและไข้สูง: อาการแสดง เช่น ตัวร้อน เหงื่อออก ร้องโยเย เบื่ออาหาร กระหายน้ำ กระสับกระส่าย
    • เด็กจะบอกอาการปวดไม่ได้ แต่จะแสดงออกด้วยการ ดึงใบหู ทุบ และ/หรือ ขยี้หูด้านปวด
    • ไม่ยอมกิน ไม่ดูดนม กระสับกระส่าย ไม่ยอมนอน โดยเฉพาะช่วงกลางคืน
    • ไอ มีน้ำมูก
    • ตอบสนองต่อการได้ยินลดลง, ทนเสียงดังได้ดีขึ้น, ไม่มีปฏิกิริยาต่อเสียงดัง
    • การทรงตัวไม่ดี เดินเซ

ข. อาการในเด็กโตและในผู้ใหญ่: กรณีหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งจะมีอาการอยู่ประมาณ 3-7 วัน อาการอาจหายได้จากการดูแลตามอาการ หรือจากการได้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งอาการพบบ่อย: เช่น

  • อาการทั่วไป: ที่พบบ่อย เช่น
    • ปวดหูด้านเกิดโรค ปวดได้2ข้างถ้าหูอักเสบทั้ง2 ข้าง
    • มีปัญหาในการนอนราบจากการปวดหู เพราะเมื่อนอน ความดันในหูจะเพิ่มขึ้นส่งผลให้อาการปวดฯมากขึ้น
    • แน่นในหู เหมือนน้ำเข้าหู
    • มีไข้ อ่อนเพลีย
    • มีสารน้ำ/ของเหลวไหลจากหู อาจเป็นหนอง หรือมีน้ำเลือดปน
    • หูอื้อ
    • การได้ยินลดลง
    • ไม่ค่อยพบการมีปัญหาด้านการทรงตัว
  • อาการจากสาเหตุ: ซึ่งจะต่างกันในแต่ละผู้ป่วยตามสาเหตุ เช่น
    • อาการโรคหวัด: เช่น ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ
    • อาการจากโรคไข้หวัดใหญ่: เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว ไอ อ่อนเพลีย
    • อาการโรคภูมิแพ้: เช่น ไอ จาม คัดจมูก มีน้ำมูก เจ็บคอ คัน ขึ้นผื่น ตาแดง คันตา

ค. อาการหูชั้นการอักเสบเรื้อรังทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่: เช่น

  • ไม่มีไข้
  • มีสารน้ำ/ของเหลว หรือหนองไหลจากหูต่อเนื่องนานเป็นเดือน มักตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
  • การได้ยินค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดหูหนวก
  • มีอาการหูชั้นกลางอักเสบติดเชื้อเฉียบพลันเกิดซ้ำซ้อนได้เป็นระยะๆ

หูชั้นกลางอักเสบก่อผลข้างเคียงอย่างไร?

ผลข้างเคียงที่เกิดจากหูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ คือ การอักเสบติดเชื้อของอวัยวะที่อยู่ติด/รอบๆหูชั้นกลาง, แต่พบได้น้อยโดยเฉพาะเมื่อได้รับการรักษาตั้งแต่แรกมีอาการ, แต่ถ้าเกิดผลข้างเคียงขึ้น โรคมักรุนแรงจนเป็นเหตุถึงหูหนวกถาวร

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น

  • แก้วหูทะลุถาวร
  • กระดูกกกหูอักเสบติดเชื้อ
  • หูชั้นกลางอักเสบติดเชื้อเรื้อรังชนิดรุนแรง ที่เรียกว่า โรคคอเลสทีอะโทมา
  • หูชั้นในอักเสบติดเชื้อ
  • ใบหน้าเบี้ยวจากเส้นประสาทใบหน้าที่อยู่ติดกับหูอักเสบหรือถูกเบียดทับจากก้อนเนื้อคอเลสทีอะโทมา
  • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และ/หรือ สมองอักเสบ เพราะหูเป็นอวัยวะอยู่ติดกับสมองเชื้อโรคจากหูจึงลุกลามเข้าสมองได้ง่าย

(แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นผลข้างเคียงที่รวมถึง อาการ  การรักษา และการพยากรณ์โรคได้จากเว็บ haamor.com)

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

เมื่อมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’โดยเฉพาะอาการ ปวดหู หูอื้อ ร่วมกับมีไข้  ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ ไม่ควรรอจนมีสารน้ำฯไหลออกจากหู

แพทย์วินิจฉัยหูชั้นกลางอักเสบอย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยหูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อได้จาก

  • ประวัติอาการของผู้ป่วย ประวัติเคยเจ็บป่วยด้วยโรคนี้ โรคประจำตัว
  • การตรวจร่างกายทั่วไป
  • การตรวจทางหูคอจมูก โดยเฉพาะด้วยการส่องดูในรูหูและลักษณะของแก้วหูด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า Otoscope ซึ่งการตรวจวิธีนี้เป็นวิธีสำคัญที่ช่วยการวินิจฉัยโรค
  • อาจมีการตรวจอื่นๆ เพื่อการสืบค้นเพิ่มเติมตามดุลพินิจของแพทย์ซึ่งเป็นการตรวจจำเพาะทางหูที่ช่วยวินิจฉัยโรค รวมถึงวินิจฉัยความรุนแรงของอาการและผลข้างเคียงจากโรค เช่น
    • ตรวจการทำงานของหูชั้นกลาง/แก้วหูที่เรียกว่า Tympanometry
    • ตรวจการได้ยินด้วยวิธีที่เรียกว่า Audiometry
    • ตรวจภาพหูด้วย เอกซเรย์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์(ซีทีสแกน), และ/หรือเอมอาร์ไอ

รักษาหูชั้นกลางอักเสบอย่างไร?

แนวทางการรักษาหูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ ได้แก่

ก. การรักษาตามอาการ: แพทย์เลือกใช้ในกรณีมีอาการน้อย โดยอาจเฝ้าสังเกตอาการและนัดตรวจอีกครั้งประมาณ 1-2 วัน หรือให้เพียงยาแก้ปวด ทั่วไปคือยา พาราเซตามอล ไม่แนะนำยาแอสไพรินเพราะอาจแพ้ยานี้ได้โดยเฉพาะในเด็กที่ส่งผลให้เกิดอันตรายที่เรียกว่า’กลุ่มอาการราย’

ข. การให้ยาปฏิชีวนะ: ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการค่อนข้างมาก หรือโรคเกิดเป็นซ้ำ หรือมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง มีโรคประจำตัว มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคไม่ดี   ซึ่งมีทั้งยากิน และยาฉีด ตามความรุนแรงของโรคและดุลพินิจของแพทย์  เช่นยา  อะมอกซิซิลลิน,  โคอะมอกซิคลาฟ,  ยาเซฟาโลสปอริน, เซฟไตรอะโซน   

ค. การใส่ท่อระบายสารน้ำ/หนองจากหูชั้นกลาง: โดยใส่ท่อเล็กๆคาผ่านทางแก้วหู ที่เรียกว่า Tympanostomy (ชื่ออื่น คือ Grommet, Ventilation tube, Tympanostomy tube) ซึ่งทั่วไปมักใช้ในกรณี มีสารน้ำเรื้อรังในหูชั้นกลางจนก่ออาการรุนแรง หรือโรคเกิดเป็นซ้ำๆบ่อย ซึ่งมักใส่คาท่อนี้นานเป็นเดือนจนกว่าแพทย์จะควบคุมโรคได้ดี และจนไม่มีการสะสมสารน้ำในหูชั้นกลางอีก

ง. การรักษาสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง: ซึ่งจะต่างกันในแต่ละผู้ป่วยตามแต่สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง เช่น การควบคุมรักษา โรคภูมิแพ้, โรคหืด,  โรคหวัด

จ. การรักษาโรคที่เป็นผลข้างเคียง: ดังกล่าวใน’หัวข้อ ผลข้างเคียงฯ’ (แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นผลข้างเคียงที่รวมถึง อาการ  การรักษา และการพยากรณ์โรคได้จากเว็บ haamor.com)

หูชั้นกลางอักเสบรุนแรงไหม?

ชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ ’ไม่ใช่โรคติดต่อ’  ทั่วไปเป็นโรคไม่รุ่นแรง, มีการพยากรณ์โรคที่ดี,   โดยในผู้ป่วยที่อาการน้อย และมีสุขภาพแข็งแรง, โรคมักหายได้เองจากการดูแลตนเองตามอาการภายใน 3-7วัน  

* แต่ถ้ามีอาการรุนแรงหรืออาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพราะอาจก่ออาการเรื้อรัง หรือมีการติดเชื้อที่รุนแรงที่เป็นสาเหตุกระทบต่อการได้ยิน ซึ่งถ้าได้รับการรักษาล่าช้า อาจมีปัญหาการได้ยินตลอดไป หรือจนถึงขั้นหูหนวก

*ในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงดังกล่าวใน’ หัวข้อ ผลข้างเคียงฯ’โรคมักรุนแรง ที่ต้องรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว หรือ ฉุกเฉิน/ทันทีขึ้นกับความรุนแรงของอาการ (แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นผลข้างเคียงที่รวมถึงอาการ การรักษา และการพยากรณ์โรค ได้จากเว็บ haamor.com)

ดูแลตนเอง/ดูแลเด็กหูชั้นกลางอักเสบอย่างไร? เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?

การดูแลตนเองหรือการดูแลเด็กที่มีหูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ ทั่วไป เช่น  

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • กินยา/ใช้ยาที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่หยุดยาเองถึงแม้อาการจะกลับเป็นปกติ
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงลดโอกาสติดเชื้อรุนแรง
  • ป้องกัน ดูแล ควบคุมโรค ที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง(ดังกล่าวในหัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ)ให้ได้ดี
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง/ตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ เช่น สูบบุหรี่ ควันบุหรี่
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ
  • อาการต่างๆแย่ลง เช่น ไข้ไม่ลงใน 1-2 วัน, ไข้สูงขึ้น, สารน้ำจากหูกลายเป็นหนอง หรือมีเลือดปน
  • มีอาการใหม่เกิดขึ้น เช่น หูไม่ได้ยิน เดินเซ  คอแข็ง  ปวดหัวรุนแรง ใบหน้าเบี้ยว
  • มีผลข้างเคียงต่อเนื่องจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ท้องเสีย วิงเวียน
  • กังวลในอาการ

ป้องกันหูชั้นกลางอักเสบอย่างไร?

ทั่วไป การป้องกันหูชั้นกลางอักเสบ/หูชั้นกลางติดเชื้อ: เช่น

ก. ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก:  เช่น

  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคเป็นปกติ ลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ
  • ป้องกัน รักษาควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงฯให้ได้ดี โดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น โรคหวัด โรคหืด  โรคภูมิแพ้
  • ไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่(สูบบุหรี่มือสอง)

ข. ในเด็ก: เช่น

  • เลี้ยงทารกด้วยนมมารดาอย่างน้อยจนอายุ6เดือนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านทานโรค
  • ฉีดวัคซีนต่างๆให้เด็กตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข/แพทย์
  • มารดาควรอยู่ในท่านั่งเมื่อให้นมทารก
  • ไม่ควรให้ทารกนอนราบขณะดูดนมขวด เพราะนมจะท้นเข้าท่อยูสเตเชียนเข้าหูชั้นกลางก่อการติดเชื้อในหูชั้นกลางได้ง่าย
  • ไม่ควรให้เด็กดูดจุกนมหลอกหลังอายุ1ปี(แพทย์บางท่านแนะนำหลัง6เดือน)เพราะการดูดตลอดเวลาจะส่งผลให้ท่อยูสเตเชี่ยนทำงานผิดปกติ คือมักจะปิดจึงส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการกักคั่งของสารน้ำฯและเซลล์ที่ตายในหูชั้นกลางส่งผลต่อเนื่องให้หูชั้นกลางอักเสบได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่ต่อเนื่องในเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็ก

บรรณานุกรม

  1. https://emedicine.medscape.com/article/994656-overview#showall [2022,Oct1]
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Otitis_media [2022,Oct1]
  3. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/8613-ear-infection-otitis-media [2022,Oct1]
  4. https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/ears-nose-and-throat/middle-ear-infection-otitis-media [2022,Oct1]
  5. https://medlineplus.gov/ency/article/000638.htm [2022,Oct1]
  6. https://www.entcolumbia.org/health-library/otitis-media-middle-ear-infection-adults  [2022,Oct1]