สารเพิ่มสมรรถภาพ (Performance-Enhancing Substances)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 23 มกราคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ
- สารเพิ่มสมรรถภาพมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?
- มีหลักการอะไรในการเลือกใช้สารเพิ่มสมรรถภาพ?
- สารเพิ่มสมรรถภาพมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
- มีข้อควรระวังการใช้สารเพิ่มสมรรถภาพอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาสารเพิ่มสมรรถภาพอย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- เบต้า 2 แอดริเนอร์จิก อโกนิสท์ (Beta2 - adrenergic agonists)
- ยาขยายหลอดลม (Bronchodilator)
- ยาต้านเศร้า(Antidepressants)
- ยานูโทรปิก (Nootropic drug)
- ซีโรโทนิน-นอร์อิพิเนฟริน-โดพามีน รีอัพเทค อินฮิบิเตอร์ หรือ เอสเอนดีอาร์ไอ (Serotonin-norepinephrine-dopamine reuptake inhibitor or SNDRI)
- อนาบอลิก-แอนโดรจีนิกสเตียรอยด์ (Anabolic-androgenic steroids)
- โกรทฮอร์โมน (Human Growth Hormone Drugs)
- รีคอมบิแนน ฮิวแมน อิริโพยอิติน (Recombinant Human Erythropoietin)
บทนำ
สารเพิ่มสมรรถภาพ (Performance-enhancing substances หรือ Performance-enhancing agents) หรือบางทีเราจะเรียกกันว่า ยาเพิ่มสมรรถภาพ(Performance-enhancing drugs) เป็นกลุ่มสารประกอบในแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฮอร์โมน ยา วิตามิน หรือสารอาหารชนิดต่างๆ เช่น โปรตีนชนิดต่างๆ(เช่น ไกลโคโปรตีน/Glycoprotein) กลุ่มนักกีฬามักจะใช้คำว่า “ยากระตุ้น หรือยาโด๊ป(Doping in sport)” ซึ่งยังจัดอยู่ในวงแคบของการใช้ อาจกล่าวได้ว่าสารเพิ่มสมรรถภาพของร่างกายมนุษย์ไม่ได้มีการใช้เฉพาะแต่ในวงการกีฬาเท่านั้น แต่พบเห็นการใช้ในงานทั้ง ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง งานบริหารที่ต้องใช้กำลังความคิดสร้างสรรค์ งานด้านสุขภาพ ตลอดจนกระทั่งงานของกองทัพที่ต้องดูแลป้องกันประเทศ
สารเพิ่มสมรรถภาพมีกี่ประเภท อะไรบ้าง?
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์จัดแบ่งสารเพิ่มสมรรถภาพของร่างกายออกเป็นประเภทต่างๆตามกลุ่มการออกฤทธิ์ของสารนั้นๆ ดังนี้
- Anabolic drugs: เป็นกลุ่มยาที่ช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ แบ่งย่อยตามประเภทสาร/ยา เป็น
1.1 ฮอร์โมนที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโต(Human growth hormone) เป็น สิ่งที่หลายคนนึกถึงอันดับแรก ทางการแพทย์จะใช้ฮอร์โมนนี้กับผู้ป่วยเด็กที่มีพัฒนา การเติบโตช้า สาร/ยาฮอร์โมนนี้อาจทำให้มีอาการข้อบวม และเกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ในปัจจุบันถูกห้ามใช้กับนักกีฬาโดยเด็ดขาด
1.2 Anabolic steroids หรือ Anabolic-androgenic steroids ซึ่งจะมุ่งประเด็นไปที่ฮอร์โมนเพศชาย อย่างเช่น Testosterone ที่ช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อของผู้ใหญ่ให้กลับมาแข็งแรง ทางการแพทย์ได้ใช้ Anabolic steroid เพื่อเพิ่มสมรรถนะทางร่างกายของผู้ป่วยเอชไอวี และผู้ป่วยโรคมะเร็งให้กลับมาแข็งแรงมากยิ่งขึ้น Anabolic steroids มีผลข้างเคียงทำให้ผิวมัน เกิดสิวได้ง่าย มีขนอ่อนขึ้นตามใบหน้า และทำให้ผมร่วง ตลอดจนกระทั่งส่งผลถึงอารมณ์และสภาพจิตใจให้เปลี่ยนแปลงได้ง่าย
1.3 ยาประเภท Beta2-adrenergic agonist อย่างเช่น Clenbuterol
นักกีฬากลุ่มผู้หญิงได้นำมาใช้ร่วมกับ Anabolic drugs 2 ตัวแรก
เพื่อใช้เป็นยาลดน้ำหนัก ทางคลินิกพบว่า Clenbuterol ไม่เพียงจะใช้เป็นยาขยายหลอดลมเท่านั้น แต่ยังมีกลไกลดการสะสมไขมันของร่างกาย และ ช่วยเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อ ทางการแพทย์ไม่อนุญาตให้ใช้ Clenbuterol ในวัตถุประสงค์เป็นยาลดน้ำหนัก ด้วยตัวยาสามารถสร้างผลข้างเคียงที่ รุนแรงตามมา เช่น เกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อสั่น กล้ามเนื้อกระตุก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และทำให้มีไข้
- ยากระตุ้น(Stimulants หรือStimulant drugs) ในที่นี้จะหมายถึงกลุ่มยาที่ช่วยบำบัดการรับรู้ของสมอง รักษาอาการป่วยของโรคพาร์กินสัน ในบางกรณีก็นำมาใช้รักษาอาการโรคสมาธิสั้น ตัวอย่างที่โดดเด่นของยากระตุ้นที่ยังคงมีใช้อยู่ ได้แก่ Caffeine, Ephedrine, Methylphenidate และ Amphetamine
- ยาประเภทนูโทรปิก(Nootropic drugs) บางทีเราจะเรียกว่าเป็นยาบำรุงสมอง
ซึ่งรวมถึงสารประกอบหรืออาหารเสริมที่บำรุงสมองก็ถูกจัดอยู่ในนูโทรปิกเช่นเดียวกัน การออกฤทธิ์จะเป็นลักษณะทำให้สมดุลของสารสื่อประสาทในสมองดีขึ้น การใช้ยานี้จะเริ่มที่ขนาดความแรงต่ำๆเพื่อมิให้เกิดการกระตุ้นหรือส่งผลกระทบต่อสมองเร็วเกินไป ตัวอย่างยาของหมวดนี้ เช่น Xanthines, และ Nicotine สำหรับนูโทรปิกที่ถูกระบุว่าเป็นยา จะต้องถูกสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้ที่ตรวจรักษาอาการเท่านั้น และห้ามประชาชนทั่วไปซื้อหายานูโทรปิกมาใช้ด้วยตนเอง
- เออร์โกเจนิก เอดส์ (Ergogenic aids) เป็นสารที่ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย ส่งผลให้เกิดความอดทนต่อการออกกำลัง เช่น การเล่นกีฬา ในด้านการตลาดมักจะผลิตออกมาในรูปแบบอาหารเสริม เช่น
- Creatine เป็นกรดอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายของสัตว์มีกระดูกสันหลัง ช่วยทำให้ร่างกายนำสารต้นกำเนิดพลังงานอย่าง ATP (Adenosine triphosphate) มาใช้ได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเซลล์ในร่างกายได้รับพลังงานจาก ATP จะทำให้สมรรถนะการทำงานดีขึ้น มีกำลัง และทำให้อาการอ่อนเพลียลดน้อยลง
- Bupropion ใช้เป็นยาต้านเศร้า แต่ก็มีกลไกเพิ่มกำลังให้ร่างกายในช่วงระยะสั้นๆ ด้วยตัวยามีฤทธิ์ยับยั้งการดูดเก็บกลับของสารสื่อประสาทอย่าง Norepinephrine และ Dopamine หรือที่เรียกว่า Norepinephrine-dopamine reuptake inhibitor ซึ่งช่วยปกป้องผู้ป่วยจากความรู้สึกซึมเศร้า ยานี้ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และมีความสอดคล้องต่อการเผาผลาญอาหารของร่างกาย จึงช่วยลดน้ำหนักได้ในระดับหนึ่ง
- สารชีวะโมเลกุล(Human biomolecules) มักจะพบเห็นสารประกอบเหล่านี้ในร่างกายมนุษย์ การสังเคราะห์ขึ้นและใช้เป็นสารเสริมสมรรถภาพ จะถูกผลิตออกมาในลักษณะอาหารเสริม ตัวอย่างสารชีวะโมเลกุลในกลุ่มนี้ ได้แก่ Beta-hydroxy beta-methylbutyrate(HMB) ซึ่งพบได้ในร่างกายมนุษย์ HMB จะช่วยปกป้องการทำลายของมวลกล้ามเนื้อ ทำให้มวลกล้ามเนื้อแข็งแรง HMB ได้รับการยอมรับว่าเป็นสารเพิ่มสมรรถภาพของร่างกายที่นักกีฬาสามารถใช้ได้ เนื่องจากเป็นสารที่เกิดในธรรมชาติร่างกายของมนุษย์อยู่แล้ว
- อะแด็บโตเจน(Adaptogens) เป็นสารประกอบที่ได้จากพืช มีหน้าที่ช่วย ปรับสมดุลเคมีในร่างกายให้เกิดความเหมาะสม และส่งผลออกมากทำให้ร่างกาย ดูแข็งแรงและมีสมรรถนะ ตัวอย่างของสารประเภทนี้พบในพืชจำพวกโสม
- กลุ่มยาแก้ปวด(Painkillers) จำพวก NSAIDs ที่ช่วยลดอาการเจ็บปวดจากการบาดเจ็บทางกล้ามเนื้อก็ถือเป็นยาเพิ่มสมรรถนะของร่างกายได้อีกหนึ่งกลุ่ม
- ยาสงบประสาทและยาคลายความวิตกกังวล/ยาคลายเครียด(Sedatives & Anxiolytics) เป็นกลุ่มยาที่ใช้กับวงการกีฬายิงธนู โดยระบุว่าทำให้นักกีฬามีสมาธิที่ส่งผลต่อการขึ้นคันธนูทำได้นิ่งและก่อให้เกิดความแม่นยำ บางพื้นที่ใช้สุราหรือกัญชามาช่วยสงบประสาทก่อนเล่นกีฬาประเภทนี้ก็มี
- ยากระตุ้นเม็ดเลือด(Blood boosters) เป็นกลุ่มยาที่เพิ่มความสามารถทำให้ เม็ดเลือดแดงนำออกซิเจนส่งไปยังเซลล์ต่างๆของร่างกาย ก่อให้เกิดความสดชื่น และมีพลัง ตัวอย่างของสารประเภทนี้ที่รู้จักกันดีในทางการแพทย์ คือ Erythropoietin ที่นำมาใช้รักษาภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยโรคไต
- การโด๊ปด้วยยีน/จีน(Gene doping) เป็นการปลูกถ่ายยีนหรือสารพันธุกรรมที่ช่วยสร้างสารกระตุ้นในยีนของนักกีฬา ซึ่งปัจจุบันเทคนิคแบบนี้ไม่ได้เกินความสามารถ ของนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ อย่างไรก็ตามวิธีการการโด๊ปด้วยยีนไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากล มีการแอบใช้กับนักกีฬาบางประเทศเท่านั้น
นักวิชาการบางกลุ่มอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป ทำให้สารเพิ่มสมรรถภาพ 1 ตัว ถูกระบุและวางตำแหน่งไว้ได้มากกว่า 1 ประเภท เช่น
Methylphenidate สามารถจัดอยู่ในประเภทยากระตุ้น หรือ Creatine อาจจัดเป็นสาร เออร์โกเจนิก เอดส์ หรือไม่ก็เป็น สารชีวโมเลกุล ในแง่มุมของผู้บริโภค การจะเลือกสารเพิ่มสมรรถภาพตัวใดที่เหมาะกับตนเองนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการดำเนินชีวิต เช่น นักธุรกิจมักจะติดกาแฟ กรณีนี้ประชาชนสามารถเลือกใช้กาแฟยี่ห้อใดก็ได้ หากเป็นนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะได้รับยาแก้ปวดอาจต้องตรวจร่างกายส่วนที่บาดเจ็บก่อนและต้องอาศัยทีมแพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายยาจึงจะปลอดภัยและเหมาะสม
มีหลักการอะไรในการเลือกใช้สารเพิ่มสมรรถภาพ?
อาจจำแนกแบ่งกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการใช้สารเพิ่มสมรรถภาพพร้อมกับข้อควรปฏิบัติ ดังนี้
- กรณีเป็นเยาวชนที่มีการเจริญเติบโตช้า ควรพบกุมารแพทย์/หมอเด็กเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องการพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ ซึ่งมีทั้งข้อมูลด้านการบริโภค
การพักผ่อน การออกกำลังกาย โดยการพึ่งยาประเภท Growth hormone แพทย์จะใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย
- กลุ่มนักกีฬาที่ต้องการเสริมสร้างและพัฒนาร่างกายให้มีสมรรถนะเพิ่มขึ้น ควร
ปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬา
- กลุ่มผู้ที่มีปัญหาด้านความจำ มีสภาพจิตที่ซึมเศร้า ป่วยด้วยโรคพาร์กินสัน
ให้ขอคำปรึกษาจากอายุรแพทย์ทางระบบประสาท
- ควรต้องมีการสนทนาระหว่างผู้บริโภคและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการใช้สารเพิ่มสมรรถภาพเพื่อสร้างความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายหลังการใช้สารเพิ่ม สมรรถภาพ เรียนรู้ และเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวิธีการต่างๆโยเฉพาะจากการใช้ยา ร่วมกับเตรียมการป้องกันในเชิงวิทยาศาสตร์เพื่อรองรับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นหลังการบำบัดรักษา
- หลีกเลี่ยง/ไม่ใช้สารกระตุ้นสมรรถภาพที่ผิดกฎหมายอย่างเช่น Amphetamine
- สร้างวินัยของตนเอง และยืนยันการใช้สารเพิ่มสมรรถภาพตามคำแนะนำของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ โดยไม่ปรับแต่งขนาดรับประทาน ร่วมกับมารับการตรวจร่างกายจากแพทย์เป็นระยะๆตามแพทย์แนะนำ
สารเพิ่มสมรรถภาพมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
สารเพิ่มสมรรถภาพ สามารถสร้างผลข้างเคียงโดยแบ่งตามประเภทของสารฯได้ดังนี้
- กลุ่ม Anabolic steroid อาจทำให้มีภาวะหน้าอก/เต้านมโต ศีรษะล้าน ลูกอัณฑะมีการหดเกร็ง ต่อมลูกหมากโต มีภาวะขนดกตามร่างกาย เกิดสิวอย่างรุนแรง มีภาวะเอ็นแตก/เอ็นบาดเจ็บหรือเอ็นอักเสบ เกิดเนื้องอกตับชนิดไม่ใช่มะเร็ง ตับทำงานผิดปกติ/ตับอักเสบ ปริมาณไขมันดี(HDL)ในเลือดลดลง ไขมันตัวร้าย/ไขมันไม่ดี(LDL)ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น มีความดันโลหิตสูง ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานผิดปกติ อาจมีอาการซึมเศร้าและติดยาประเภท Anabolic steroid
- กลุ่ม Human growth hormone สามารถกระตุ้นให้มีอาการ ปวดข้อ กล้ามเนื้อ อ่อนแรง มีอาการบวมน้ำ เกิดปัญหาต่อการมองเห็น ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดผิดปกติ คอเลสเตอรอลในเลือดสูง มีภาวะ/โรคเบาหวานเล่นงาน และมีความดันโลหิตสูง
- Erythropoietin อาจก่อให้มี ภาวะหลอดเลือดดำอุดตันจากลิ่มเลือด/ลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หัวใจล้มเหลว อาจเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในหลอดเลือดปอด
- Creatine สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการเป็นตะคริวที่หน้าท้อง ตะคริวที่กล้ามเนื้อ น้ำหนักตัวเพิ่ม/น้ำหนักตัวเกิน การใช้ Creatine เกินขนาดจะส่งผลเสียต่อการทำงานของไต/ ไตวาย และของตับ/ ตับอักเสบ
- ยากระตุ้น(Stimulants) ก่อให้เกิดอาการ กระสับกระส่าย หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือเต้นผิดปกติ น้ำหนักตัวลดลง ตัวสั่น ความดันโลหิตสูง ประสาทหลอน หลอดเลือดสมองตีบ หัวใจวาย
- ยาแก้ปวด(Painkillers) สามารถกระตุ้นให้มีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียหรือไม่ก็ท้องผูก ทำให้เบื่ออาหาร วิงเวียน ปวดศีรษะ ง่วงนอน ไตวาย ตับวาย เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ทำให้การแข็งตัวของเลือดช้าลงกว่าปกติ/เลือดออกง่าย
มีข้อควรระวังการใช้สารเพิ่มสมรรถภาพอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้สารเพิ่มสมรรถภาพ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยา/แพ้สารเพิ่มสมรรถภาพ
- ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
- ห้ามรับประทานยาอื่นใดร่วมกับสารเพิ่มสมรรถภาพโดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
- กรณีพบอาการแพ้สารเพิ่มสมรรถภาพ เช่น มีผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง ผิวหนังลอก แน่นหน้าอก หายใจขัด/หายใจลำบาก ใบหน้า-ปาก-คอมีอาการบวม ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่าแพ้ยาต้องหยุดใช้สารเพิ่มสมรรถภาพทันที แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- ห้ามใช้สารเพิ่มสมรรถภาพกับสตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ สตรีในช่วงให้นมบุตร
- มาพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญตามที่นัดหมายทุกครั้ง เพื่อทำการประเมินสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไปว่า เหมาะสมและมีความปลอดภัยเพียงใด
- ห้ามแบ่งสารเพิ่มสมรรถภาพให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้สารเพิ่มสมรรถภาพที่หมดอายุ
- ห้ามเก็บสารเพิ่มสมรรถภาพที่หมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมสารเพิ่มสมรรถภาพด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
ควรเก็บรักษาสารเพิ่มสมรรถภาพอย่างไร?
ควรเก็บผลิตภัณฑ์สารเพิ่มสมรรถภาพแต่ละประเภทตามข้อกำหนดของแต่ละผลิตภัณฑ์/ตามเอกสารกำกับยา/กำกับผลิตภํณฑ์แต่ละชนิด ห้ามเก็บสารเพิ่มสมรรถภาพในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บสารฯให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง ตัวผลิตภัณฑ์ควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น ไม่เก็บตัวผลิตภัณฑ์ไว้ในห้องน้ำหรือในรถยนต์
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Performance-enhancing_substance [2017,Dec16]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Growth_hormone [2017,Dec16]
- https://www.deadiversion.usdoj.gov/drug_chem_info/clenbuterol.pdf [2017,Dec16]
- http://www.dc.mahidol.ac.th/th/index.php/2013-04-01-04-20-50/2013-04-02-04-10-50/52-30 [2017,Dec16]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4528343/ [2017,Dec16]
- https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/fitness/in-depth/performance-enhancing-drugs/art-20046134 [2017,Dec16]
- https://www.medicinenet.com/nonsteroidal_antiinflammatory_drugs/article.htm#what_are_the_side_effects_of_nsaids [2017,Dec16]