ยาคาเฟอีน (Caffeine)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 20 กุมภาพันธ์ 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ:คือยาอะไร?
- แคฟเฟอีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- แคฟเฟอีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- แคฟเฟอีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- แคฟเฟอีนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- แคฟเฟอีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้แคฟเฟอีนอย่างไร?
- แคฟเฟอีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาแคฟเฟอีนอย่างไร?
- แคฟเฟอีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- วิตกกังวล: การดูแลตนเอง (Coping with anxiety)
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจเสียจังหวะ (Arrhythmia)
- ท้องเสีย (Diarrhea)
- การตั้งครรภ์ (Pregnancy)
- นอนไม่หลับ (Sleeplessness)
- ปวดหัว ปวดศีรษะ (Headache)
- ยากระตุ้น (Stimulant drugs)
บทนำ:คือยาอะไร?
คาเฟอีน (Caffeine) เป็นสารเคมีที่สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของสมอง ซึ่งเมื่อใช้เป็นยา จัดเป็นกลุ่มยาที่ใช้บำบัดอาการทางจิตอีกชนิดหนึ่ง(ยากระตุ้น) สารคาเฟอีนมีโครงสร้างทางเคมีใกล้เคียงกับสาร Adenine และ Guanine ซึ่งเป็นส่วนประกอบของสารพันธุกรรมประเภท DNA และ RNA สารคาเฟอีนพบมากในเมล็ดและใบของต้นพืชหลายชนิดบนโลกโดยเฉพาะต้นกาแฟที่ถูกนำมาใช้ในวงการเครื่องดื่มที่ใช้บำบัดอาการง่วงนอน มีเครือข่ายและช่องทางจำหน่ายแทบทุกมุมโลก คาเฟอีนไม่ใช่สารเสพติดแต่อย่างใด เพียงแต่ประชากรโลกให้ความนิยมชมชอบกับฤทธิ์ที่ช่วยกระตุ้น สมองให้ตื่นตัวสดชื่นไม่ง่วงนอน สามารถปฏิบัติงานได้อย่างกระฉับกระเฉง แต่ต้องบริโภคในปริมาณ ที่เหมาะสม การได้รับสารคาเฟอีนที่มากเกินไปจะทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ สำหรับผู้ที่บริโภคหรือได้รับสารคาเฟอีนทุกวัน หากวันใดไม่ได้บริโภคอาจพบอาการที่เราเรียกกันว่าถอนยา/ลงแดงได้เช่น ง่วงนอน ปวดหัว หงุดหงิด เป็นต้น
โดยปกติการบริโภคคาเฟอีนของผู้ใหญ่ที่ 400 มิลลิกรัม/วันจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย และเป็นประโยชน์กับสุขภาพแต่ไม่เหมาะกับเด็กๆ สำหรับกลุ่มวัยรุ่นไม่ควรบริโภคคาเฟอีนเกิน 100 มิลลิกรัม/วัน
การแพทย์พบว่าการได้รับคาเฟอีนร่วมกับยาบางประเภท เช่นยา Ciprofloxacin และ Norfloxacin จะเพิ่มการทำลายสารคาเฟอีนที่บริโภคเข้าไป หรือการรับประทานยา Theophylline ร่วมกับคาเฟอีนจะทำให้ความเข้มข้นของยา Theophylline ในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งล้วนแล้วส่งผลต่อร่างกายทั้งสิ้น
ในทางคลินิก ยาคาเฟอีนถูกนำมารักษาอาการของโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้อย่าง เช่น
- การเจริญผิดปกติของหลอดลมและเนื้อปอดในทารกแรกคลอดที่มีน้ำหนักตัวต่ำ (Bronchopulmo nary dysplasia of prematurity)
- บำบัดอาการของทารกที่มีภาวะหยุดหายใจโดยเฉพาะกับทารกที่คลอดก่อนกำหนด
ในปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) องค์การอนามัยโลกได้ระบุให้ยาคาเฟอีน ซิเตรท (Caffeine citrate) เป็นยาจำเป็นขั้นพื้นฐานที่สถานพยาบาลต่างๆ ควรมีสำรองไว้ใช้ในคราวจำเป็น ประเทศไทยโดยคณะกรรมการอาหารและยาได้ระบุให้สูตรตำรับของยา Ergotamine tartrate ที่ผสมร่วมกับสาร/ยา Caffeine อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้บำบัดรักษาอาการปวดศีรษะประ เภทไมเกรนอีกด้วย
รูปแบบของยาแผนปัจจุบันของยาคาเฟอีนที่พอจะพบเห็นได้จะเป็นยาคาเฟอีนเม็ดชนิดรับประทานและชนิดยาฉีด (Caffeine citrate injection) ซึ่งแต่ละชนิดของรูปแบบยามีความเหมาะ สมต่อกลุ่มผู้ป่วยที่แตกต่างกันออกไป
คาเฟอีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยาคาเฟอีนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- บำบัดอาการง่วงนอน
- รักษาอาการหยุดหายใจของทารกแรกคลอด
คาเฟอีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาคาเฟอีนเป็นสารประเภท Methylxanthine ซึ่งจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มีชื่อว่า Phosphodiesterase (เอนไซม์มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสารเคมีต่างๆ ในสมอง) และออกฤทธิ์ที่บริเวณตัวรับ (Receptor) ในสมองที่มีชื่อว่า Central adrenosine receptors เป็นผลให้เกิดการกระตุ้นสมองและกระตุ้นการหายใจของร่างกายมนุษย์ และเป็นที่มาของสรรพคุณทางยา
คาเฟอีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาคาเฟอีนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 200 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาเม็ดที่ผสมร่วมกับตัวยาอื่น เช่นยา Ergotamine tartrate 1 มิลลิกรัม + แคฟเฟอีน 100 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาฉีดคาเฟอีนซิเตรท ขนาด 10 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร และ 20 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
คาเฟอีนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
การใช้ยาและขนาดยาคาเฟอีนต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา ในที่นี้ขอยกเป็นเพียงตัวอย่างดังนี้ เช่น
- สำหรับบำบัดอาการง่วงนอน: เช่น
- ผู้ใหญ่และเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป: รับประทานครั้งละ 100 - 200 มิลลิกรัมทุกๆ 3 - 4 ชั่วโมง โดยใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
- เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี: ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดในการใช้ยานี้ในเด็กวัยนี้ การใช้ยานี้ในเด็กวัยนี้จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆ ไป
- สำหรับบำบัดรักษาอาการหยุดหายใจในเด็กทารก (นิยามคำว่าเด็ก): เช่น
- ทารกที่คลอดก่อนกำหนดอายุครรภ์ 28 - 33 สัปดาห์: เริ่มต้นให้หยุดยาขนาด 20 มิลลิ กรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม 1 ครั้งเข้าทางหลอดเลือดดำโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีขึ้นไป ขนาดที่ใช้คงระดับการรักษาอยู่ที่หยดยา 5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมเข้าทางหลอดเลือดดำโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีขึ้นไปภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งในการทำหัตถการนี้ต้องคอยควบคุมปริมาณคาเฟอีนในกระแสเลือดของทารกเพื่อป้องกันมิให้ร่างกายทารกได้รับพิษจากคาเฟอีน ทั้งนี้ระดับคาเฟอีนในกระแสเลือดของทารกที่ก่อให้เกิดอันตรายจะมีค่าตั้งแต่ 50 มิลลิกรัม/ลิตรขึ้นไป
*อนึ่ง:
- ยาคาเฟอีนชนิดรับประทานสามารถรับประทานก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้
- ยาคาเฟอีนซิเตรทที่ใช้รักษาการหยุดหายใจของทารกจะต้องใช้อย่างระมัดระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับทารกที่มีอาการชักหรือป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ระยะเวลาการใช้ยาคาเฟอีน ซิเตรทเพื่อบำบัดอาการหยุดหายใจของทารกนั้นอยู่ในช่วง 10 - 12 วัน ซึ่งทางคลินิกยังมิได้มีการศึกษาและประเมินความปลอดภัยต่อทารกหากมีการใช้ยานานกว่านี้
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาคาเฟอีน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาคาเฟอีนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ ที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/ มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาคาเฟอีน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการ รับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า
คาเฟอีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาคาเฟอีนสามารถก่อให้เกิดผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ในกลุ่มผู้ป่วยได้แตกต่างกัน อาทิ ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบในสูตรตำรับของยาคาเฟอีน, เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี, รวมถึงผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น โรควิตกกังวล ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคความดันโลหิตสูง โรคตับ โรคแผลในกระเพาะอาหาร, รวมถึงสตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร, ซึ่งมีการตอบสนองและสามารถได้รับผลข้างเคียงของยาคาเฟอีนที่แตกต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตามอาจกล่าวถึงอาการข้างเคียงของยาคาเฟอีนในภาพรวมได้ดังนี้ เช่น
- ทำให้นอนไม่หลับหรือหลับยาก
- กระสับกระส่าย
- วิตกกังวล
- มีอาการหงุดหงิด
- คลื่นไส้
- ปวดหัว
*บางกรณีอาจพบอาการข้างเคียงหลังใช้ยาคาเฟอีนที่มีระดับความรุนแรงมากขึ้น เช่น อึดอัด/ หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ริมฝีปาก-ใบหน้า-ลิ้นมีอาการบวม เกิดผื่นคัน ท้องเสีย อาเจียน หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น เจ็บหน้าอก
อนึ่ง อาการข้างเคียงเหล่านี้อาจจะเกิดมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับการตอบสนองของกลุ่มผู้ป่วยดังที่ได้กล่าวแล้ว หรืออาจไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงแต่อย่างใดเลยก็เป็นไปได้
*สำหรับอาการผู้ที่ได้รับยาคาเฟอีนเกินขนาด: อาจพบเห็นอาการสั่นของร่างกาย วิตกกังวล รู้สึกสับสน ปัสสาวะบ่อย หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือ หัวใจเต้นเร็วมาก มีเสียงในหู เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก ปวดท้อง นอนไม่หลับ จนถึงขั้นเกิดอาการลมชักได้
*ทั้งนี้ เมื่อเกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงหรือมีอาการจากการรับประทานยาคาเฟอีน เกินขนาด ควรต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
มีข้อควรระวังการใช้คาเฟอีนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาคาเฟอีน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้หรือแพ้ส่วนประกอบของสูตรตำรับยาคาเฟอีน
- ห้ามใช้ยาคาเฟอีนกระตุ้นให้ตื่นตัวทดแทนการนอนหลับโดยไม่จำเป็น
- ห้ามใช้ยาคาเฟอีนชนิดรับประทานกับสตรีตั้งครรภ์เพราะส่งผลต่อทารกในครรภ์มารดาได้ โดยยาคาเฟอีนสามารถผ่านรกและเข้าสู่ทารก และอาจทำให้เกิดภาวะ กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเกิดภาวะอัมพาตของทารกจากยาแคฟเฟอีนส่งผลให้เกิดเกลือโพแทสเซียมในร่างกายทารกต่ำ
- ห้ามรับประทานยาคาเฟอีนเกินขนาดด้วยจะกระตุ้นให้เกิดอาการข้างเคียงได้อย่างมากมายดังได้กล่าวในบทความนี้ ‘หัวข้อ ผลไม่พึงประสงค์ฯ’
- ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
- การใช้ยาคาเฟอีน ซิเตรทในทารกที่มีอาการป่วยอื่นๆร่วมด้วย เช่น มีโรคปอด โรคซีด ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด/ภาวะพิษเหตุติดเขื้อ, กรณีมีความผิดปกติด้านการทำงานของหัวใจของทารก ต้องให้กุมารแพทย์ประเมินความเสี่ยง ประโยชน์ และความปลอดภัยของทารกที่จะได้รับยานี้ก่อนการใช้ยานี้เสมอว่าเหมาะสมหรือไม่เพียงใด
- ไม่ควรใช้ยาคาเฟอีน ซิเตรทกับทารกนานเกิน 10 - 12 วัน และระหว่างการใช้ยาจะต้องควบคุมมิให้ระดับยาคาเฟอีนในกระแสเลือดของทารกเกินมาตรฐานที่ก่อให้เกิดพิษกับร่างกายทารก
- การใช้ยาคาเฟอีน ซิเตรทกับทารกที่มีอาการผิดปกติของอวัยวะตับ-ไต แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยานี้ให้เหมาะสมกับร่างกายของทารกเป็นกรณีๆไป
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาคาเฟอีนชนิดรับประทานกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาคาเฟอีนกับมารดาที่เลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมของตนเองด้วยยาคาเฟอีนสามารถซึมผ่านออกมากับน้ำนมมารดาได้
- การใช้ยาคาเฟอีนกับผู้ป่วยเบาหวาน ควรต้องคอยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดให้เป็นปกติอยู่เสมอ
- หากพบอาการแพ้ยาคาเฟอีน เช่น หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ใบหน้า-ริมฝีปาก-ลิ้น-คอบวม มีลมพิษ-ผื่นคันขึ้นเต็มตัว ต้องหยุดใช้ยานี้แล้วรีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยทันที/ฉุกเฉิน
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาคาเฟอีนด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
คาเฟอีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาคาเฟอีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาคาเฟอีน ร่วมกับยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิด เช่น ยา Tizanidine ด้วยจะ ทำให้ระดับยา Tizanidine ในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้นมีผลให้ความดันโลหิตของผู้ป่วยต่ำลง กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
- การใช้ยาคาเฟอีน ร่วมกับยา Adenosine อาจทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาของยา Adenosine ด้อยลงไป กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- การใช้ยาคาเฟอีน ร่วมกับยา Lithium อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับอาการข้างเคียงจากยาคาเฟอีนมากยิ่งขึ้น หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยาคาเฟอีน ร่วมกับยา Methotrexate ที่ใช้บำบัดรักษาอาการโรคข้อรูมาตอยด์อาจทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาของยา Methotrexate ด้อยลงไป หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
ควรเก็บรักษาคาเฟอีนอย่างไร?
ควรเก็บยาคาเฟอีน:
- เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส (Celsius)
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
คาเฟอีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาคาเฟอีน มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Cafcit (แคฟซิท) | WEST-WARD |
PEP (เปป) | Galpharm International Ltd |
Avamigran (แอวาไมเกรน) | A.Menarini |
Degran (ดีแกรน) | Daiichi Sankyo |
Hofergot (โฮเฟอร์กอต) | Pharmahof |
Polygot (โพลีกอต) | Central Poly Trading |
Vivarin (ไววาริน) | Glaxo |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Caffeine#Medical [2022,Feb19]
- https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/nutrition-and-healthy-eating/in-depth/caffeine/art-20045678?pg=2 [2022,Feb19]
- https://www.drugs.com/dosage/caffeine.html#Usual_Adult_Dose_for_Drowsiness [2022,Feb19]
- https://www.fda.moph.go.th/sites/Narcotics/SitePages/Caffeine.aspx [2022,Feb19]
- https://www.mims.com/Thailand/drug/search?q=caffeine [2022,Feb19]
- https://www.mims.com/thailand/drug/info/ergotamine%20+%20caffeine?mtype=generic [2022,Feb19]
- https://www.medicines.org.uk/emc/medicine/28346 [2022,Feb19]
- https://www.drugs.com/pro/caffeine-citrate.html [2022,Feb19]
- https://www.drugs.com/pregnancy/caffeine.html [2022,Feb19]
- https://www.drugs.com/drug-interactions/caffeine-index.html?filter=3&generic_only= [2022,Feb19]
- https://www.drugs.com/mtm/caffeine-citrate-injection-oral-liquid.html [2022,Feb19]
- https://www.drugs.com/imprints/v-v-18157.html [2022,Feb19]