ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ หรือ เดอร์มาโตมัยโอไซทิส (Dermatomyositis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 11 พฤศจิกายน 2564
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดจากอะไร?
- ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบแบ่งเป็นกี่กลุ่ม?
- ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ มีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบได้อย่างไร?
- รักษาผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ อย่างไร?
- ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร? พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันเกิดผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบได้ไหม?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- สุขอนามัยพื้นฐาน สุขบัญญัติแห่งชาติ (Ten National Healthy Articles)
- โรคภูมิต้านตนเอง โรคออโตอิมมูน (Autoimmune disease)
- ยาฆ่าเชื้อ (Antimicrobial drug) ยาแก้อักเสบ (Anti inflammatory drug)
- ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema)
- อิมมิวโนโกลบูลิน (Immunoglobulin Therapy)
- กล้ามเนื้ออักเสบ (Myositis)
- ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants or Immunosuppressive agents)
- ยาต้านมาลาเรีย (Antimalarial medications)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ(เดอร์มาโตมัยโอไซทิส/Dermatomyositis) คือ โรคซึ่งเกิดร่วมกันระหว่างกล้ามเนื้ออักเสบที่ตามมาด้วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมกับมีผิวหนังอักเสบที่มองเห็นชัดเจนโดยเกิดได้ทั่วตัวรวมถึงบนใบหน้าและรอบๆข้อกระดูกต่างๆ เป็นโรคยังไม่ทราบสาเหตุ พบทุกอายุ แต่พบบ่อยในผู้ใหญ่ ปัจจุบันจัดอยู่ในกลุ่มโรคภูมิต้านตนเอง /โรคออโตอิมมูน
ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ/เดอร์มาโตมัยโอไซทิส เป็นโรคพบน้อย พบทั่วโลก ไม่ขึ้นกับเชื้อชาติ มีรายงานพบได้ 9.6 รายต่อประชากร 1 ล้านคน ไปจนถึง 1-22รายต่อประชากร 1 แสนคน พบสูงในช่วงอายุ 40-50 ปี, ในเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)พบน้อยกว่าในผู้ใหญ่มากโดยพบสูงในช่วงอายุ 5-10ปี เพศหญิงพบบ่อยกว่าเพศชายประมาณ 2 เท่า
ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบแบ่งเป็นกี่กลุ่ม?
ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ/เดอร์มาโตมัยโอไซทิส แบ่งย่อยเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบในผู้ใหญ่(Adult dermatomyositis) เป็นกลุ่มพบบ่อยกว่ากลุ่มอื่น
- กลุ่มผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบในเด็ก(Juvenile หรือ Childhood dermatomyositis):กลุ่มนี้ พบน้อย และมีการพยากรณ์โรคดีกว่ากลุ่มผู้ใหญ่
- กลุ่มผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบแต่ไม่มีอาการทางกล้ามเนื้อ(Dermatomyositis sine myositis หรือ Amyopathic Dermatomyositis): กลุ่มนี้พบน้อย การพยากรณ์โรคในระยะยาวเช่นเดียวกับกลุ่มโรคในผู้ใหญ่ และส่วนใหญ่ในระยะยาวประมาณ 4-7 ปีหลังอาการทางผิวหนังก็จะมีอาการทางกล้ามเนื้อตามมา
ทั้งนี้ ในภาพรวม โรคทั้ง 3กลุ่มจะคล้ายกันที่รวมถึงวิธีรักษา ต่างกันบ้างเฉพาะอาการ ความรุนแรงของอาการ *ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงเฉพาะกลุ่ม’โรคนี้ในผู้ใหญ่’เท่านั้น*
ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดจากอะไร?
ปัจจุบัน แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ/เดอร์มาโตมัยโอไซทิส แต่จากการศึกษาเชื่อว่า อาจเกิดจากโรคภูมิต้านตนเอง(โรคออโตอิมมูน)ที่อาจมีสาเหตุสัมพันธ์กับ
- ความผิดปกติทางพันธุกรรม
- เกิดตามหลังร่างกายมีโรคติดเชื้อไวรัสบางชนิด ที่มีรายงาน เช่น ไวรัสในกลุ่มโรคมือ-เท้า-ปาก, โรคเฮอร์แปงไจนา, โรคเอชไอวี
- เกิดร่วมกับโรคมะเร็ง: การศึกษาพบว่าประมาณ 7-30% ของผู้ป่วยโรคนี้พบร่วมกับโรคมะเร็ง(ซึ่งอาจพบพร้อมกัน, หรือพบโรคมะเร็งหลังเกิดโรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบก็ได้ซึ่งส่วนใหญ่มักพบภายใน1ปี) ทั้งนี้ มะเร็งที่พบสัมพันธ์กับโรคนี้มีหลายชนิด เช่น มะเร็งโพรงหลังจมูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งในระบบโรคเลือด ซึ่งมักพบในผู้ป่วยอายุตั้งแต่60ปีขึ้นไป
- ผลข้างเคียงจากยารักษาโรคหลายชนิด: เช่นยา Hydroxyurea, Statin, เพนนิซิลลามีน, Cyclophosphamide, วัคซีนบีซีจี, Interferon, Quinidine
ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ มีอาการอย่างไร?
อาการจากโรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ/เดอร์มาโตมัยโอไซทิส ประกอบด้วย 4 กลุ่มอาการ ได้แก่ อาการด้านกล้ามเนื้อ, อาการทางผิวหนัง, อาการทั่วไป, และอาการที่เกิดกับอวัยวะภายใน
ก. อาการทางกล้ามเนื้อ: เกิดกล้ามเนื้ออักเสบโดยไม่ติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ ร่วมกับกล้ามเนื้อค่อยๆอ่อนแรงโดยมักเริ่มมีอาการที่กล้ามเนื้อลำตัวส่วนหลังและกล้ามเนื้อส่วนอยู่ติดลำตัว เช่น กล้ามเนื้อใบหน้า หัวไหล่ ต้นแขน ต้นขา สะโพก, อาจรู้สึกกล้ามเนื้อตึง เคลื่อนไหวลำบาก คลำจะเจ็บ และเมื่อมีอาการนานต่อเนื่องอาจพบ
- กล้ามเนื้ออาจลีบ
- ข้อติด เคลื่อนไหวติดขัด ลำบาก ยกแขนไม่ได้ ก้าวขา/ยกขาไม่ได้
- อาจเริ่มพูดลำบาก เสี่ยงเปลี่ยน จากกล้ามเนื้อกล่องเสียงอักเสบ
- อาจกลืนลำบากจากกล้ามเนื้อหลอดอาหารอักเสบ
- ลุกนั่ง เดิน ยืน ลำบากจากกล้ามเนื้ออ่อนแรงและกล้ามเนื้อลีบ
ข. อาการทางผิวหนัง: เช่น
- ผื่นผิวหนังอักเสบ สีออกม่วงแดง คัน
- อาจเกิดทั่วตัว
- หรือ ที่หนังตา และ/หรือรอบตา
- หรือ บริเวณข้อต่างๆ เช่น ข้อนิ้ว ข้อศอก ข้อเข่า
- หรือ บริเวณคอ
- หรือ บริเวณหน้าอกช่วงบน
- ผมบาง, ขนบาง
- ผิวแห้ง, ผิวหยาบ, ผิวเป็นสะเก็ด
- มีก้อนแข็งใต้ผิวหนังจากมีแคลเซียมมาเกาะใต้ผิวหนัง และ/หรือเกาะกล้ามเนื้อที่อักเสบ
ค. อาการทั่วไป: เช่น
- อ่อนเพลีย
- มีไข้
- น้ำหนักลดผิดปกติ
ง.อาการเกิดกับอวัยวะภายใน: ซึ่งจัดเป็นอาการรุนแรง เช่น
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
- ปอดเกิดพังผืด(พังผืดในปอด)
- โรคเรเนาด์
- โรคมะเร็ง
(แนะนำอ่านรายละเอียดโรคต่างๆดังกล่าวรวมถึงอาการได้จากเว็บ haamor.com)
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการผิดปกติดังกล่าวใน ‘หัวข้อ อาการฯ’ ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ ไม่ควรรอเวลาดูแลตนเอง
แพทย์วินิจฉัยผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ/เดอร์มาโตมัยโอไซทิส ได้จาก
- ซักถามประวัติอาการต่างๆของผู้ป่วย โดยเฉพาะอาการทางผิวหนังและอาการทางกล้ามเนื้อ รวมถึงประวัติโรคในครอบครัว, การเคยมีการติดเชื้อไวรัสต่างๆมาก่อน, และประวัติโรคมะเร็งต่างๆ
- การตรวจร่างกาย
- ตรวจเลือดตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น เพื่อดู
- ค่าการอักเสบ เช่น ของเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น อีเอสอาร์ (ESR), ของกล้ามเนื้อ เช่น ซีพีเค (CPK),
- สารภูมิต้านทาน,
- สารก่อภูมิต้านทาน
- การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ
- ตรวจผิวหนัง/กล้ามเนื้อส่วนที่คลำได้ก้อนแข็งร่วมกับเอกซเรย์เพื่อดูว่ามีแคลเซียมเกาะจับหรือไม่
- อาจตรวจภาพกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงด้วย เอมอาร์ไอ
- แต่การวินิจฉัยที่ให้ผลแน่นอน คือ การตัดชิ้นเนื้อจาก ผื่นผิวหนัง และ/หรือจากกล้ามเนื้อที่มีอาการเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
รักษาผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ อย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ/เดอร์มาโตมัยโอไซทิส ได้แก่ การรักษาผื่นผิวหนังอักเสบ, การให้ยาต่างๆรักษาทั้งผื่นผิวหนังอักเสบและกล้ามเนื้ออักเสบ, กายภาพบำบัด, การผ่าตัด
ก. รักษาผื่นผิวหนังอักเสบ: เช่น
- หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง เพราะผิวหนังจะไวต่อแสงแดด ส่งผลให้อาการทางผิวหนังแย่ลง
- ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ โดยเป็นยาทา และอาจร่วมกับยากินขึ้นกับอาการรุนแรง
- อาจร่วมกับกินยา/ทายาในกลุ่มยาแก้คัน(Antihistamine)
ข. ให้ยาอื่นๆมักเป็น ยากิน หรือ ยาฉีด:เพื่อรักษาอาการทางผิวหนังและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันต้านทานโรค โดยมียาหลายชนิดซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ตามอาการผู้ป่วย, การตอบสนองต่อยาที่เคยใช้แล้ว, และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- ยาต้านการอักเสบ/ยาแก้อักเสบ(ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ) กลุ่มสเตียรอยด์ เช่นกลุ่มยา Corticosteroid
- ยากดภูมิคุ้มกัน เช่นยา Azathioprine, Methotrexate, Cyclosporine , Cyclophosphamide, Tacrolimus, ยากลุ่มยาต้านมาลาเรียบางชนิด เช่น Hydroxychloroquine
- ยาอิมมิวโนโกลบูลิน โดยฉีดเข้าหลอดเลือดดำ กรณีโรคไม่ตอบสนองต่อยาต่างๆดังกล่าว
ค. กายภาพบำบัดและกายภาพฟื้นฟู กล้ามเนื้อและข้อที่มีอาการฝ่อลีบและ/หรือยึดติด
ง. การผ่าตัด: ผ่าตัดเอาก้อนแคลเซียม/หินปูนออก กรณีมีหินปูนจับในผิวหนังหรือกล้ามเนื้อจนก่ออาการ เช่น เจ็บมาก, กล้ามเนื้อมัดนั้นๆเสียการทำงานที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วย
จ. อื่นๆ: เช่น การฟอกพลาสมา(Plasmapheresis): เพื่อกรองภูมิคุ้มกันที่อาจเป็นสาเหตุก่อโรคออกจากร่างกายซึ่งจะใช้ในกรณีการรักษาวิธีอื่นไม่ได้ผล
ผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
โรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ/เดอร์มาโตมัยโอไซทิส มีความรุนแรง/การพยากรณ์โรคโดย
- เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่แพทย์สามารถรักษาควบคุมอาการโรคให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตได้ แต่การรักษาต้องใช้ระยะยาวนานต่อเนื่อง อาจตลอดชีวิตของผู้ป่วย
- การพยากรณ์โรคในแต่ละผู้ป่วยจะต่างกัน ขึ้นกับ อายุ , ความรุนแรงของอาการ, และการตอบสนองต่อการรักษา, ดังนั้นแพทย์ผู้รักษาผู้ป่วยเท่านั้นที่จะสามารถให้การพยากรณ์โรคแก่ผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
- อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ผู้ป่วยโรคนี้มีอายุสั้นกว่าคนทั่วไป
- ในบางผู้ป่วย โรคนี้อาจค่อยๆหายไปได้เองซึ่งพบได้ประมาณ 20%ของผู้ป่วย แต่แพทย์ไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่าเป็นผู้ป่วยรายใดที่อยู่ในกลุ่มนี้
- ประมาณ 5% โรครุนแรงมาก ไม่ตอบสนองต่อการรักษาจนเป็นเหตุให้ถึงตาย มักพบในกลุ่มผู้ป่วยดังนี้
- มีอาการทางหัวใจ และ/หรือทางปอด และ/หรือทางหลอดอาหาร
- อายุมากกว่า 60 ปี
- มีโรคมะเร็งร่วมด้วย
ดูแลตนเองอย่างไร? พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ/เดอร์มาโตมัยโอไซทิส ที่สำคัญคือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด แนะนำอย่างเคร่งครัด
- กินยา/ใช้ยาที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่หยุดยาเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะดังกล่าวแล้วว่า การรักษาต้องใช้เวลายาวนานและต่อเนื่อง
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพราะเป็นโรคผิดปกติของภูมิคุ้มกันต้านทานโรคซึ่งทำให้ติดเชื้อต่างๆได้ง่าย
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนอย่างน้อยในทุกๆวัน
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการโรคแย่ลง
- มีอาการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น คลำพบก้อนเนื้อ หรือต่อมน้ำเหลืองบวม
- มีผลข้างเคียงต่อเนื่องจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น คลื่นไส้ ช่องปากเป็นแผล เบื่ออาหาร ท้องผูก หรือ ท้องเสีย
- กังวลในอาการ
ป้องกันเกิดผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบได้ไหม?
ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีป้องกันโรคผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบ/เดอร์มาโตมัยโอไซทิส เพราะไม่ทราบทั้งสาเหตุและปัจจัยเสี่ยง ดังนั้นวิธีดูแลตนเองที่ดีที่สุดคือ รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเมื่อพบมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’