โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral aneurysm)
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 18 มีนาคม 2557
- Tweet
- บทนำ
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองคืออะไร?
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองเกิดจากอะไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง?
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่?
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองมีอาการอย่างไร?
- ผู้ป่วยควรพบแพทย์เมื่อใด?
- แพทย์วินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองอย่างไร?
- รักษาโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองอย่างไร?
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง?
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ควรดูแลตนเองอย่างไร?
- ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อใด?
- ป้องกันโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองได้หรือไม่?
- โรคสมองเสื่อม (Dementia)
- อาการปวดศีรษะร้ายแรง: สัญญาณอันตรายของอาการปวดศีรษะ (Red Flag in Headache)
- โรคหลอดเลือดสมองเอวีเอ็ม โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ (Cerebral AVM: Cerebral arteriovenous malformation)
- อ่อนแรง อาการอ่อนแรง (Motor Weakness)
- อัมพาต อัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- ปวดศีรษะเรื้อรัง (Chronic daily headache)
บทนำ
โรคหลอดเลือดสมองมี 2 ชนิด คือ โรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในสมอง (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com เรื่องโรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดและชนิดเลือดออก) สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในสมองมีสาเหตุหลากหลาย ได้แก่
- จากโรคความดันโลหิตสูง
- จากภาวะผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
- และจาก “โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral aneurysm)”
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองนี้คืออะไร มีอาการรุนแรงหรือไม่ ต้องติดตามบทความเรื่อง โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองในบทความนี้ครับ
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองคืออะไร?
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง คือ โรคที่มีความผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง ที่หลอดเลือดส่วนหนึ่งมีการโป่งพองโตขึ้น ที่เหมือนลูกผลไม้ที่ติดอยู่บนก้าน ซึ่งผนังหลอดเลือดที่โป่งพองนี้มีโอกาสแตกได้ง่าย เมื่อผนังหลอดเลือดมีการแตกออก ก็จะมีเลือดออกในสมองหรือในส่วนใต้เนื้อเยื่อชั้นอะแรชนอยด์ของเยื่อหุ้มสมอง ที่เรียกว่า Subarachnoid hemor rhage
ในสหรัฐอเมริกา พบโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองได้ประมาณ 1 รายต่อประชากร 10,000 คน ส่วนในประเทศไทยยังไม่มีการรายงานสถิติที่แน่นอน
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองเกิดจากอะไร?
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง เกิดจากมีการบางลงของผนังหลอดเลือดของสมอง มักเกิดที่บริเวณรอยต่อ หรือบริเวณทางแยกของหลอดเลือด โดยเฉพาะบริเวณหลอดเลือดที่ฐานสมอง (Base of skull) แต่ก็สามารถพบได้ทุกตำแหน่งของสมอง
ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง?
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง พบบ่อยในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก พบในผู้หญิงมากกว่าในผู้ชาย และกลุ่มคนที่มีโอกาส/ปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองมากกว่าคนกลุ่มอื่น ได้แก่
- ผู้สูงอายุ
- สูบบุหรี่
- โรคความดันโลหิตสูง
- ผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
- ใช้สารเสพติด เช่น โคเคน
- ผู้ที่มีประวัติเคยประสบอุบัติเหตุที่ศีรษะอย่างรุนแรง
- ดื่มแอลกอฮอล์มาก
- ติดเชื้อในกระแสเลือด (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ)
- หญิงวัยหมดประจำเดือน
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่?
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เช่น ที่พบได้ในโรคทางพันธุกรรมเหล่านี้ คือ
- โรคที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective tissue disease ) เช่น โรค Ehlers –Danlos syndrome
- โรคถุงน้ำไต (Polycystic kidney)
- โรคท่อเลือดแดงผิดปกติ (Coarctation of aorta)
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองทางพันธุกรรม (Family history of brain aneurysm)
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองมีอาการอย่างไร?
อาการของโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองคือ อาการผิดปกติทางระบบประสาท ซึ่งที่พบบ่อยที่สุด คือ อาการปวดหัวอย่างรุนแรงที่สุดในชีวิตแบบไม่เคยเป็นมาก่อน และเป็นขึ้นแบบทัน ทีทันใด ร่วมกับอาการต่างๆดังต่อไปนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- คอแข็ง (Stiffness of neck)
- ตามัว มองเห็นไม่ชัด
- ชัก
- หนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น
- สับสน
- หมดสติโคม่า
- อาจเสียชีวิตทันที
ซึ่งอาการทั้งหมดนั้นเกิดจากการแตกของหลอดเลือดสมองที่โป่งพอง แต่ก็ยังมีผู้ป่วยอีกส่วนหนึ่งที่ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจภาพสมองจากสา เหตุอื่นๆเช่น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองกรณีมีอุบัติเหตุที่สมอง เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายมีหลอดเลือดโป่งพองขนาดโต หลอดเลือดที่โป่งพองที่โตนั้นจึงไปกดเบียดอวัยวะข้างเคียง จึงอาจก่ออาการได้ เช่น ปวดหลังลูกตา, รูม่านตาขยายโตทำให้ตาพร่า, มองเห็นภาพซ้อนเนื่องจากการกลอกลูกตาเสียไป, ชาบริเวณใบหน้าครึ่งซีก และ/หรือ ลืมตาไม่ได้
ผู้ป่วยควรพบแพทย์เมื่อใด?
กรณีมีความผิดปกติอย่างหนึ่งอย่างใดที่กล่าวข้างต้นในหัวข้อ อาการ และเป็นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทันที ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที และถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น ปวดศีรษะรุนแรงที่สุดในชีวิต ชักหมดสติหรือหัวใจหยุดเต้น ควรรีบเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินนำ ส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที โดยโทรฯเรียกหมายเลข 1669 เบอร์เดียวทั่วประเทศไทย (สถาบันแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ/สพฉ. กระทรวงสาธารณสุข) และไม่เสียค่าใช้จ่าย
แพทย์วินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองอย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองจากประวัติที่ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติดังกล่าวข้างต้นในหัวข้อ อาการ ร่วมกับการตรวจร่างกายทั่วไป การตรวจร่างกายทางระบบประสาท การตรวจสืบค้นด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง และอาจมีการตรวจภาพหลอดเลือดสมอง เช่น เอมอาร์ไอภาพหลอดเลือดสมอง และ/หรือ การฉีดสีโดยการสวนหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นการตรวจหลอดเลือดสมองทางรังสีร่วมรักษา
อนึ่ง กรณีต้องการตรวจว่าสมองของเรามีหลอดเลือดโป่งพองหรือไม่ สามารถทำได้แต่ไม่คุ้มค่า เพราะพบโรคได้น้อย แต่แพทย์อาจพิจารณาตรวจในกรณีมีประวัติคนในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง มีอาการหลอดเลือดสมองโป่งพองแตก หรือมีโรคที่ผิดปกติและถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่กล่าวข้างต้น ในหัวข้อ โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
รักษาโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองอย่างไร?
การรักษาโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง คือ
- การผ่าตัดสมอง เพื่อปิดซ่อมผนังหลอดเลือดที่โป่งพอง หรือ ใช้คลิป (Surgical clipp ing) หนีบหลอดเลือดที่โป่งพอง หรือการใส่ขดลวดเข้าไปปิดหลอดเลือดที่โป่งพอง (Endovas cular coiling) รวมทั้งการผ่าตัดเอาก้อนเลือดในเนื้อสมองออก ถ้ามีก้อนเลือดออกในเนื้อสมอง
- ให้ยาแก้ปวดศีรษะ
- ให้ยาต้านแคลเซียม (Calcium channel blockers) เพื่อลดการหดเกร็งของหลอดเลือด (Vasospasm) ของสมองที่เป็นผลข้างเคียงจากหลอดเลือดโป่งพอง ที่จะส่งผลให้เกิดภาวะสมองขาดเลือดตามมา
- ให้ยากันชัก
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง?
ภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง และอันตราย คือ
- ภาวะแตกซ้ำของหลอดเลือดโป่งพอง ที่จะก่อให้เกิดอันตรายสูงมาก อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
- หลอดเลือดสมองบริเวณข้างเคียงหลอดเลือดที่โป่งพอง หดเกร็ง (Vasospasm) ก่อ ให้เกิดภาวะสมองขาดเลือด
- ภาวะโพรงน้ำที่อยู่ในสมองโต (Hydrocephalus)
- ร่างกายเกิดภาวะเกลือโซเดียมต่ำ (Hyponatremia) อาการ เช่น อ่อนเพลีย สับสนคลื่นไส้ อาเจียน เป็นตะคริว
- อาการชัก
- อาการอัมพาต
โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคของโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองขึ้นกับความรุนแรงของโรคที่เกิด คือการแตกของหลอดเลือดโป่งพอง ที่เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยหมดสติและ/หรือ โคม่า ผู้ป่วยก็จะมีโอ กาสเสียชีวิตสูงมาก และถ้ามีการแตกซ้ำของหลอดเลือดฯ โอกาสการเสียชีวิตยิ่งสูงมากขึ้นอีก แต่ถ้ามีอาการแต่แรกที่ไม่รุนแรง เพียงแค่ปวดศีรษะอย่างเดียว และได้รับการรักษาทัน โดยไม่มีการแตกซ้ำของหลอดเลือด ก็มีการพยากรณ์โรคที่ดีมาก มีโอกาสที่จะรักษาควบคุมโรคได้หาย
ควรดูแลตนเองอย่างไร?
กรณีมีหลอดเลือดสมองโป่งพองและเคยแตกแล้ว การดูแลตนเองที่ดี คือ
- การไม่ออกแรงเบ่ง เช่น ไม่ให้ท้องผูก ไม่ยกของหนัก และไม่ไอรุนแรง เพราะการไอแรง ๆ หรือออกแรงเบ่ง จะทำให้มีการแตกของหลอดเลือดได้ง่าย
- ต้องระมัดระวังเรื่องการทานยาต้านเกล็ดเลือดหรือยาละลายลิ่มเลือด เพราะจะทำให้เลือดออกง่าย เช่น ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ต้องรักษาควบคุม โรคความดันโลหิตสูงให้ดี
- ไม่ควรสูบบุหรี่
- ระมัดระวังอุบัติเหตุที่ศีรษะเช่น สวมหมวกนิรภัยเมื่อขับขี่จักรยานยนต์ เป็นต้น
ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อใด?
กรณีมีอาการปวดศีรษะรุนแรงมาก ชัก มีอาการหนังตาตก อาการต่างๆเลวลง และ/หรือ อาการอื่นๆที่เป็นเพิ่มขึ้นมาใหม่ และ/หรือเมื่อกังวลในอาการ ก็ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเสมอ
ป้องกันโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองได้หรือไม่?
เมื่อดูจากปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวแล้วข้างต้นในหัวข้อ ปัจจัยเสี่ยง และหัวข้อโรคทางพันธุ กรรม เราไม่สามารถป้องกันโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองได้เต็มร้อย แต่ถ้าเราสามารถลด/เลิกปัจจัยเสี่ยงบางปัจจัยได้ เช่น สูบบุหรี่ การใช้สารเสพติด การออกแรงเบ่งบ่อยๆ แรงๆ เราก็สา มารถลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองลงได้ระดับหนึ่ง