โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 2 สิงหาคม 2562
- Tweet
- บทนำ
- โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจเกิดได้อย่างไร?
- โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจมีสาเหตุ /ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจได้อย่างไร?
- รักษาโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจอย่างไร?
- โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจมีผลข้างเคียงอย่างไร? เป็นโรครุนแรงไหม?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
- ป้องกันโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- นอนกรน (Snoring)
- ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
- โรคอ้วน และ น้ำหนักตัวเกิน (Obesity and overweight)
- โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder หรือ MDD)
- ต่อมทอนซิลอักเสบ ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)
- เนื้องอกสมอง และมะเร็งสมอง (Brain tumor)
- โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
บทนำ
โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ หรือภาวะ/โรคหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea หรือ Sleep - disordered breathing) ได้แก่ โรคที่เมื่อนอนหลับแล้วร่างกายจะเกิดความผิดปกติทาง การหายใจ หายใจได้เพียงตื้นๆหรือเกิดการหยุดหายใจเป็นพักๆตลอดทั้งคืน ก่อให้ร่างกาย/ อวัยวะต่างๆขาดออกซิเจนและเกิดการนอนไม่พอ จึงเกิดเป็นโรคหรือมีอาการผิดปกติต่างๆเกิด ขึ้นตามมาได้หลายโรค/อาการ
นอนหลับแล้วหยุดหายใจเป็นโรคพบได้บ่อยทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย แต่พบได้ในผู้ชาย สูงกว่าในผู้หญิง โดยทั่วไปเป็นโรคพบในผู้ใหญ่ แต่สามารถพบในเด็กได้ ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ ซึ่ง ในสหรัฐอเมริกาในวัยกลางคนพบโรคนี้ในผู้ชายประมาณ 24% และในผู้หญิงประมาณ 9%
โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจเกิดได้อย่างไร?
แบ่งโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจตามสาเหตุได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่
1. ชนิดเกิดจากมีการอุดกั้นทางเดินหายใจ (Obstructive sleep apnea หรือเรียกย่อว่า โอเอสเอ /OSA)
2. ชนิดเกิดจากความผิดปกติของสมองส่วนกลาง (Central sleep apnea หรือเรียกย่อว่า ซีเอสเอ/CSA)
3. และชนิดผสมโดยเป็นชนิดเกิดร่วมกันทั้งจากมีการอุดกั้นทางเดินหายใจและจากความ ผิดปกติของสมองส่วนกลาง เรียกว่า Complex sleep apnea หรือ Mixed sleep apnea
ก. โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจชนิดเกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ (Obstructive sleep apnea): เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดคือประมาณ 85% ของโรคนี้ โดยเกิดจากเมื่อนอนหลับจะมีการอุดกั้นทางเดินหายใจตอนบน (จมูก ช่องปากและ/หรือลำคอ) จากสาเหตุต่างๆส่ง ผลให้ทางเดินลมหายใจตอนบนตีบแคบ จึงส่งผลให้ร่างกายขาดอากาศ สมองก็ขาดอากาศด้วย จึงทำงานลดลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหายใจลดหรือหยุดการทำงาน เกิดการหายใจได้เพียงตื้นๆ หรือเกิดการหยุดหายใจ แต่เมื่อหยุดหายใจแล้วจะเกิดภาวะคั่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใน ร่างกาย ซึ่งภาวะนี้จะย้อนกลับไปกระตุ้นสมองให้กลับมาสั่งงานอีก ผู้ป่วยจึงสะดุ้งตื่นและกลับ มาหายใจอีก วนเวียนซ้ำๆเป็นพักๆไปตลอดทั้งคืน ก่อให้เกิดการนอนหลับไม่สนิท มีการไอกระ โชกตื่นเป็นระยะๆ ทั้งนี้ช่วงระยะเวลาในการหยุดหายใจอาจนานเป็นเพียงวินาทีหรือเป็นนาที รวมทั้งจำนวนครั้งที่เกิดการสะดุ้งตื่นจะถี่หรือห่างขึ้นกับความรุนแรงของสาเหตุ โดยทั่วไปพบได้ตั้งแต่ 5 ครั้งไปจนถึง 30 ครั้งหรือมากกว่าต่อชั่วโมง
ข. โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจชนิดจากความผิดปกติของสมองส่วนกลาง (Central sleep apnea): เป็นชนิดพบได้น้อยมากประมาณ 0.4% โดยเกิดจากโรคของสมองส่วนกลาง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง, หรือโรคเนื้องอกสมอง, หรือโรคมะเร็งสมอง, หรือจากผลข้างเคียงจากยาบางชนิดที่กดสมองส่วนกลาง /ยากดประสาทส่วนกลาง เช่น ยานอนหลับ สมองจึงไม่สามารถสั่งงานได้ตามปกติโดยเฉพาะช่วงนอนหลับ รวมทั้งในการสั่งการทำงานของกล้ามเนื้อช่วยการหายใจ ดังนั้นจึงเกิดภาวะผิดปกติในการหายใจ หายใจได้ตื้นๆหรือหยุดหายใจเป็นพักๆในช่วงนอนหลับ และเนื่องจากพบโรคจากสาเหตุนี้ได้น้อยมาก บทความนี้จึงจะไม่กล่าวถึงโรคจากสาเหตุนี้
ค. โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจชนิดผสม (Complex sleep apnea): พบได้ประมาณ 15% ของโรค ซึ่งอาการและการรักษาจะเป็นไปตามสาเหตุของโรคเช่นเดียวกับทั้งในชนิดโรคเกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจและโรคเกิดจากสมองส่วนกลาง ซึ่งจะไม่กล่าวถึงในรายละเอียดในบท ความนี้เช่นกัน
โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจมีสาเหตุ/ ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
สาเหตุและ/หรือปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ ได้แก่
- อายุ: โรคนี้พบได้สูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่อายุ 65 ปีขึ้นไปทั้งเพศชาย และเพศหญิง จากการเสื่อมของเซลล์ต่างๆทั้งของสมองและของทางเดินหายใจ จึงส่งผลให้ทางเดินหายใจตีบแคบลงเมื่อนอนหลับ
- เพศ: พบโรคในผู้ชายได้สูงกว่าในผู้หญิง อาจเพราะลำคอของผู้ชายหนาและสั้นกว่า เมื่อเกิดการหย่อนยานของผนังลำคอ ช่องลำคอจึงตีบแคบกว่า จึงอุดกั้นทางเดินหายใจได้มากกว่า
- น้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วน: เพราะเกิดไขมันสะสมในผนังลำคอมากขึ้น ผนังลำคอจึงหนาและลำคอหดสั้นมากขึ้น ช่องลำคอจึงแคบลงเกิดการอุดกั้นช่องลำคอได้ง่ายขึ้น
- คนที่คอสั้นและมีผนังลำคอหนา
- มีความผิดปกติในรูปร่างของอวัยวะในช่องจมูกหรือในช่องปากที่ทำให้เกิดทางเดินหายใจตีบแคบผิดปกติเช่น ผนังจมูกคด มีลิ้นขนาดใหญ่ มีรูปร่างและลักษณะขา กรรไกรหรือเพดานปากผิดปกติ
- โรคเรื้อรังของโพรงจมูก: เช่น โรคภูมิแพ้ หรือโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง เพราะทำให้โพรงจมูกบวมจึงอุดกั้นทางเดินหายใจ
- มีต่อมทอนซิลโตจนอุดกั้นทางเดินหายใจจากโรคต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง
- นอนกรน
- การสูบบุหรี่ เพราะก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของลำคอ จึงมีเสมหะมากเหนียวข้น โดยเฉพาะช่วงนอนหลับ จึงอุดกั้นทางเดินหายใจ
- การดื่มสุรา หรือกินยาคลายเครียด/ยานอนหลับก่อนนอน เพราะเป็นสาเหตุให้กล้าม เนื้อลำคอหย่อนยาน ช่องลำคอจึงตีบแคบลง
- อาจจากการนั่งทั้งวันขาดการเคลื่อนไหว จึงเกิดภาวะน้ำคั่งในบริเวณขา เมื่อนอนหลับ น้ำที่คั่งเหล่านี้จะซึมกลับเข้าร่างกาย ก่ออาการบวมของทางเดินหายใจ ส่ง ผลให้ช่องลำคอตีบแคบได้
- อาจจากโรคความดันโลหิตสูง: ซึ่งกลไกที่ทำให้เกิดโรคนี้จากการมีความดันโลหิตสูง ยังไม่ทราบชัดเจน
- จากพันธุกรรม: เพราะพบโรคได้สูงในคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้
โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจมีอาการอย่างไร?
อาการสำคัญของโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ คือ
- นอนกรนเสมอและมักเป็นการกรนเสียงดัง (บางคนส่วนน้อยคนอาจไม่มีอาการนอน กรนได้)
- นอนสะดุ้งตื่นบ่อยๆ แต่ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว แต่รู้ได้จากคนที่นอนด้วย
- กลางวันง่วงนอนมากโดยหาสาเหตุไม่ได้ หลับโดยไม่รู้ตัวได้เสมอ
อนึ่ง อาการอื่นๆที่อาจพบได้ เช่น
- ปวดศีรษะในตอนเช้าจากตอนกลางคืนขาดอากาศหายใจ
- ปากแห้งมากเมื่อตื่นนอน จากการอ้าปากหายใจในขณะหลับเพื่อช่วยการหายใจ
- อาจมีปัสสาวะรดที่นอน
- อาจมีความจำสั้น ขาดสมาธิ สมาธิสั้น
- สับสนง่าย
- อารมณ์แปรปรวนง่าย หงุดหงิดง่าย และ
- อาจซึมเศร้าง่าย
แพทย์วินิจฉัยโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ การบอกเล่าอาการผู้ป่วยจากคนที่นอนด้วย
- การตรวจร่างกาย และ
- ที่แน่นอนคือ การตรวจด้วยเครื่องตรวจเฉพาะการวินิจฉัยโรคนี้ ซึ่งคือการตรวจการทำงานของอวัยวะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการหายใจในช่วงนอนหลับ เช่น
- การตรวจวัดลักษณะการหายใจ
- การทำงานของสมอง
- การเคลื่อนไหวของลูกตา
- การเต้นของหัวใจ
- ความดันโลหิต
- ปริมาณอากาศในการหายใจเข้าออก และ
- ปริมาณออกซิเจนในเลือด
- นอกจากนี้ อาจมีการตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติมขึ้นกับความผิดปกติที่แพทย์ตรวจพบ และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- การเอกซเรย์ดูโรคของไซนัส หรือของผนังกั้นโพรงจมูก
รักษาโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจขึ้นกับ สาเหตุและความรุนแรงของโรค
ก. ในโรคระดับที่ไม่รุนแรง: การรักษาอาจเพียง
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการนอน เช่น
- การลดน้ำหนักตัว
- การฝึกนอนตะแคงแทนการนอนหงาย และ
- การนอนในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง (เอนตัว)
- การผ่าตัดต่อมทอนซิล เมื่อโรคเกิดจากต่อมทอนซิลโต หรือผ่าตัดรักษาผนังกั้นจมูกคด เมื่อโรคเกิดจากผนังจมูกคด เป็นต้น
ข. เมื่ออาการมีระดับความรุนแรงปานกลาง: อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องเฉพาะเพื่อช่วยเพิ่มความดันอากาศช่วงนอนหลับ เพื่อช่วยให้หายใจเอาอากาศเข้าได้ในปริมาณสูงขึ้น ซึ่งลักษณะเครื่องคล้ายกับการสวมหน้ากากป้องกันควันพิษ ซึ่งอาจเป็นที่ครอบจมูกและปากหรือสวมเข้าในโพรงจมูกโดยตรง
ค. เมื่ออาการรุนแรงหรือใช้วิธีดังกล่าวแล้วไม่ได้ผล การรักษาอาจเป็นการผ่าตัดเพดานแข็งและเพดานอ่อน หรือผ่าตัดกระดูกกราม หรือการเจาะคอเพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจ
อนึ่ง การจะเลือกวิธีรักษาอย่างไรขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ ซึ่งแพทย์จะประเมินจากสาเหตุ ความรุนแรงของอาการ การล้มเหลวจากการใช้วิธีการรักษาต่างๆ และความร่วมมือของผู้ป่วยในการรักษาที่ผ่านมา
โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจมีผลข้างเคียงอย่างไร? เป็นโรครุนแรงไหม?
โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจจัดเป็นโรครุนแรง ถ้าช่วงระยะเวลาที่หยุดหายใจนานอาจทำ ให้เสียชีวิตได้ และการง่วงนอนมากจนนอนหลับไม่รู้ตัวในช่วงกลางวัน ยังเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ เมื่อกำลังขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรต่างๆ
นอกจากนั้น ยังอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง (ผลแทรกซ้อน) ที่เป็นโรคเรื้อรังได้หลายโรค เช่น
- โรคความดันโลหิตสูง (เป็นได้ทั้งปัจจัยเสี่ยงและผลข้างเคียง)
- โรคเบาหวาน
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์/อัมพาต)
โดยผลข้างเคียงเหล่านี้ เกิดจากเมื่อร่างกายขาดออกซิเจน ร่างกายจะเกิดภาวะเครียด (Stress) ซึ่งจะกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งฮอร์โมนกลุ่มที่เรียก ว่า ‘ฮอร์โมนสนองต่อความเครียด (Stress hormones)’ เช่น คอร์ติโซล (Cortisol) และนอร์เอปิเนฟรีน (Norepinephrine) ซึ่งจะส่งผลให้
- เกิดหลอดเลือดบีบตัวเกิดความดันโลหิตสูง
- หัวใจอาจเกิดการเต้นผิดปกติ
- อาจกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติในการใช้น้ำตาล (เกิดโรคเบาหวาน)
- อาจกระตุ้นการทำงานของสมองผิดปกติ (เกิดอาการซึมเศร้า) และ
- อาจส่งผลต่อรังไข่หรือ อัณฑะให้สร้างฮอร์โมนเพศลดลง (ความรู้สึกทางเพศลดลง รวมทั้งมีประจำเดือนผิดปกติในผู้หญิง)
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ คือ เมื่อมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’โดยเฉพาะเมื่อง่วงนอนมากตอนกลางวัน ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ โดยเฉพาะคนในครอบครัวที่สังเกตเห็นการนอนหลับผิดปกติของผู้ป่วย ควรรีบแจ้งผู้ป่วยและช่วยแนะนำผู้ป่วยรีบพบแพทย์
หลังจากพบแพทย์แล้ว ควรปฏิบัติตามแพทย์แนะนำอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ รวมทั้งในการพบแพทย์ตามนัดและในการดูแลตนเอง โดยการควบคุมน้ำหนักและการปรับเปลี่ยนท่านอนดังกล่าวแล้ว รวมทั้งเมื่อยังควบคุมโรคไม่ได้ ยังนอนหลับกลางวันโดยไม่รู้ตัว จึงไม่ควรขับรถ และถ้าทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรควรปรับเปลี่ยนงาน
ป้องกันโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจอย่างไร?
การป้องกันโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจคือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวใน ‘หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ที่หลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะในเรื่องการควบคุมน้ำหนักตัว เพื่อป้องกันน้ำหนักตัวเกินและโรคอ้วน
ที่สำคัญอีกประการ เมื่อทราบว่าเป็นโรคนี้แล้ว ควรต้องระมัดระวังป้องกันไม่ให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆที่เป็นผลข้างเคียงแทรกซ้อนโดย
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- การควบคุมน้ำหนักตัว
- การออกกำลังกาย
- การลดอาหารที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งคือ อาหารหวาน อาหารเค็ม และไขมัน
บรรณานุกรม
- Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, L., Hauser, S., Longo, D., and Jameson, J. (2001). Harrison’s principles of internal medicine (15th ed.). New York: McGraw-Hill.
- Victor, L. (2004). Treatment of obstructive sleep apnea in primary care. Am Fam Physician. 69, 561-569.
- https://en.wikipedia.org/wiki/Sleep_apnea [2019,July13]
- https://www.helpguide.org/articles/sleep/sleep-apnea.htm/ [2019,July13]