ยาแก้ท้องเฟ้อ (Drug for indigestion)
- โดย พรลภัส บุญสอน
- 21 มกราคม 2566
- Tweet
สารบัญ
- ยาแก้ท้องเฟ้อคือยาอะไร? มีคุณสมบัติรักษาอะไร?
- ยาแก้ท้องเฟ้อมีกี่ประเภท?
- ยาแก้ท้องเฟ้อมีรูปแบบการจำหน่ายอย่างไร?
- มีข้อบ่งใช้ยาแก้ท้องเฟ้ออย่างไร?
- มีข้อห้ามใช้ยาแก้ท้องเฟ้ออย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยาแก้ท้องเฟ้ออย่างไร?
- การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นอย่างไร?
- การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร?
- การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในเด็กควรเป็นอย่างไร?
- อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อเป็นอย่างไร?
- สรุป
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊ส (Abdominal bloating)
- แผลเปบติค (Peptic ulcer) / แผลในกระเพาะอาหาร (Gastric ulcer)
- กรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease)
- ยาขับลม ยาลดแก๊ส (Carminative)
- ยาลดกรด (Antacids)
- อาการแสบร้อนกลางอก (Heartburn)
- พริก: ปวดท้องจากพริก (Chili pepper and stomach pain)
ยาแก้ท้องเฟ้อคือยาอะไร? มีคุณสมบัติรักษาอะไร?
ยาแก้ท้องเฟ้อ (Drug for indigestion หรือ Medication for indigestion) คือ ยาช่วยบรรเทาอาการที่เกิดจากมีลมในท้องมากผิดปกติ เช่น แน่นท้อง ปวดท้อง เรอบ่อย ซึ่งอาจเกิดร่วมกับอาการ คลื่นไส้อาเจียน จุก/เสียดท้อง และ/หรืออาการแสบร้อนกลางอก
แนะนำอ่านความหมายของ 'อาการท้องเฟ้อ' ได้จากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง 'ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊ส'
ยาแก้ท้องเฟ้อมีกี่ประเภท?
ยาแก้ท้องเฟ้อ ทั่วไปแบ่งตามชนิด/ประเภทของยาได้ ดังนี้
ก. ยาลดกรด (Antacids): ทั่วไปได้แก่
- ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminium hydroxide)
- ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminium hydroxide) และ แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium hydroxide)
- ยาเม็ดโซดามินท์ (Soda mint) ที่มีส่วนประกอบของโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) และ น้ำมันสะระแหน่ (Peppermint oil)
ข. ยาไซเมทิโคน (Simethicone)
ค. ยาขับลม (Compound Cardamom Mixture): มีส่วนประกอบของสารสกัดจากพริก (Capsicum Tincture), สารสกัดจากกระวาน (Compound cardamom tincture), สารสกัดจากขิง (Strong Ginger Tincture)
ง. ยาธาตุน้ำแดง (Stomachic Mixture): มีส่วนกระกอบของโซเดียม ไบคาร์บอเนต และสารสกัดจากโกฐน้ำเต้า (Compound Rhubarb Tincture)
จ. ยาธาตุน้ำขาว (Salol et Menthol Mixture): มีส่วนกระกอบของ เฟนิลซาลิไซเลท หรือ ซาลอล (Phenyl salicylate or Salol, สารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องที่ไม่รุนแรงและมีฤทธิ์อ่อนๆในการต้านแบคทีเรีย), น้ำมันเทียนสัตตบุษย์หรือโป๊ยกั๊ก (Anise oil), เมนทอล (Menthol)
ฉ. ทิงเจอร์มหาหิงคุ์ (Asafoetida Tincture): สกัดจากยางต้นไม้ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ferula assafoetida
ยาแก้ท้องเฟ้อมีรูปแบบการจำหน่ายอย่างไร?
ยาแก้ท้องเฟ้อ ทั่วไปมีรูปแบบการจำหน่าย ดังนี้
- ยาเม็ด (Tablet)
- ยาเม็ดเคี้ยว (Chewable tablet)
- ยาแคปซูล (Capsule)
- ยาน้ำแขวนตะกอน (Suspension)
- ยาน้ำเชื่อม (Syrup)
- ยามิกซ์เจอร์ (Mixture)
- ยาทิงเจอร์ (Tincture)
- ยาเจล (Gel)
อนึ่ง: อ่านเรื่องรูปแบบของยาแผนปัจจุบันเพิ่มเติมได้จากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง “รูปแบบยาเตรียม”
มีข้อบ่งใช้ยาแก้ท้องเฟ้ออย่างไร?
มีข้อบ่งใช้ยาแก้ท้องเฟ้อ: เช่น
ก. ยาแก้ท้องเฟ้อ: ใช้บรรเทาอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุก/เสียดท้อง/ แน่นท้องเนื่องจากมีลมมากในระบบทางเดินอาหาร และช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร
ข. ข้อบ่งใช้อื่นๆของบางตัวยาแก้ท้องเฟ้อ เช่น
- ยาลดกรด: ใช้บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย และอาการปวดท้องเนื่องจากมีกรดเกินในกระเพาะอาหาร หรือมีแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ (แผลเปบติค)
- ยาธาตุน้ำแดง: ใช้บรรเทาอาการปวดท้อง จุก/เสียดท้อง แน่นท้องจากอาหารไม่ย่อย
- ยาธาตุน้ำขาว: นอกจากบรรเทาอาการท้องเฟ้อ ยังใช้บรรเทาอาการท้องเสียจากทางเดินอาหารติดเชื้อชนิดไม่รุนแรง
มีข้อห้ามใช้ยาแก้ท้องเฟ้ออย่างไร?
มีข้อห้ามการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อ: เช่น
- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยานั้นๆ
- ห้ามใช้ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของAluminium hydroxide ในทารกแรกเกิด, ในผู้ที่มีภาวะฟอสเฟต/ฟอสฟอรัส(Phosphate/phosphorus)ในเลือดต่ำ, ในผู้ป่วยโรคตับ และในผู้ป่วยโรคไต
- ห้ามใช้ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของ Magnesium hydroxide ในผู้ป่วยโรคไต
- ห้ามใช้ยาแก้ท้องเฟ้อที่มีส่วนประกอบของ Sodium bicarbonate เช่น ยาเม็ดโซดามินท์ และยาธาตุน้ำแดง ในผู้ที่มีภาวะด่างเกินในกระแสเลือด (ภาวะเลือดเป็นด่าง/Alkalosis), ภาวะโซเดียมในเลือดสูง, แคลเซียมในเลือดสูง, ภาวะปอดบวมน้ำอย่างรุนแรง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไต, และผู้ที่ต้องจำกัดปริมาณเกลือแกง/เกลือโซเดียมในอาหาร
- ยาทิงเจอร์มหาหิงคุ์ มีทั้งรูปแบบยาทาที่ใช้ภายนอก และยารับประทาน, โดยหากเป็นชนิดที่ใช้ภายนอก จะใช้เป็นยาทาบริเวณหน้าท้องของเด็กทารกซึ่งต้องใช้ภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทาน ห้ามยาเข้าปาก และเข้าตา
มีข้อควรระวังการใช้ยาแก้ท้องเฟ้ออย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อ เช่น
- ไม่ควรใช้ยาลดกรดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับยานี้ในปริมาณมาก จนอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง)จากยานี้ได้ และไม่ควรใช้ยาลดกรดเพื่อรักษาแผลในระบบทางเดินอาหารเพราะมียากลุ่มอื่น เช่น ยากลุ่ม Proton-pump Inhibitors ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาแผลในทางเดินอาหารได้ดีกว่า และมีความปลอดภัยจากการใช้ยามากกว่า
- ระวังการใช้ยาสมุนไพรแก้ท้องเฟ้อที่มีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด เนื่องจากประโยชน์ของยาผสมเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยืนยันด้านประสิทธิผล อาจมีขนาดของตัวยาน้อยหรือมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ หากใช้ยาในขนาดสูงหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
- นอกจากการรับประทานยาแก้ท้องเฟ้อเพื่อบรรเทาอาการแล้ว ผู้ป่วยควรปรับพฤติกรรมอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น รับประทานอาหารอ่อน อาหารที่ย่อยง่าย เคี้ยวอาหารให้ละเอียด งดรับประทานอาหารครั้งละมากๆ งดรับประทานอาหารไขมันมาก และอาหารรสจัด และหากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการ
การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นอย่างไร?
การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นดังนี้ เช่น
- ยาลดกรดมีความปลอดภัยในทั้งหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร แต่อย่างไรก็ตาม ควรใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น และไม่ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ยา Simethicone เป็นยาที่จะเลือกใช้ในหญิงตั้งครรภ์ก็ต่อเมื่อแพทย์พิจารณาแล้วว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์
- ไม่ควรใช้ยา Compound Cardamom Mixture, ยาธาตุน้ำแดง, ยาธาตุน้ำขาว และทิงเจอร์มหาหิงคุ์ชนิดรับประทานในหญิงตั้งครรภ์ เพราะในตำรับยาเหล่านี้ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์
การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร?
การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในผู้สูงอายุควรเป็นดังนี้ เช่น
- วัยสูงอายุเป็นวัยที่มีการทำงานของตับและของไตลดลง หรือมักป่วยเป็นโรคตับและโรคไต จึงควรระวังการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อบางชนิด โดยเฉพาะยาลดกรด และยาธาตุน้ำแดง และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจทำอาการของโรคตับและไตแย่ลง
- เนื่องจากวัยสูงอายุมักจะใช้ยาหลายชนิด ผู้ป่วยจึงควรแจ้งแพทย์และ/หรือเภสัชกรว่า กำลังใช้ยาใดอยู่เป็นประจำ เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ตัวอย่างเช่น ยาลดกรดจะลดการดูดซึมยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียในกลุ่ม Fluoroquinolones จึงไม่ควรรับประทานยาเหล่านี้ร่วมกัน ควรรับประทานยากลุ่ม Fluoroquinolones ก่อนยาลดกรดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในเด็กควรเป็นอย่างไร?
การใช้ยาแก้ท้องเฟ้อในเด็กควรเป็นดังนี้ เช่น
- ไม่ควรใช้ยาลดกรดในเด็ก เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากเพียงพอ
- ยา Simethicone เป็นยาที่สามารถใช้ในเด็กได้ โดยแพทย์จะปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเด็กแต่ละราย
- ไม่ควรใช้ยา Compound Cardamom Mixture, ยาธาตุน้ำแดง, ยาธาตุน้ำขาว และทิงเจอร์มหาหิงคุ์ชนิดรับประทานในเด็ก เพราะในตำรับมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หากได้รับแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก อาจส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ผิดปกติ
- ควรระวังการใช้ยาทิงเจอร์มหาหิงคุ์ชนิดใช้ภายนอก/ชนิดทาผิวหนังในบริเวณที่เป็นแผลถลอก และการใช้ในทารก ต้องระวังไม่ให้ยาเข้าตาเพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบ บวม ของเยื่อตา เยื่อตาอักเสบ, และ/หรือเข้าปากเพราะอาจทำให้เกิด อักเสบ บวม ของเนื้อเยื่อในช่องปาก
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาแก้ท้องเฟ้อเป็นอย่างไร?
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา(ผลข้างเคียง)ในกลุ่มยาแก้ท้องเฟ้อ เช่น
- ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบ Aluminium hydroxide: ทำให้เกิดอาการท้องผูก ภาวะลำไส้อุดตัน โรคริดสีดวงทวาร หากใช้ยานานเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะฟอสเฟต/ฟอสฟอรัสในเลือดต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ภาวะกระดูกพรุน และ โรคกระดูกน่วมกระดูกอ่อน
- ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบของ Magnesium hydroxide: ทำให้เกิดอาการ ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน ภาวะขาดน้ำ
- ยาที่มีส่วนประกอบของ Sodium bicarbonate: เช่น ยาเม็ดโซดามินท์ และยาธาตุน้ำแดง ทำให้เกิดภาวะด่างเกินในกระแสเลือด(เลือดเป็นด่าง) อารมณ์แปรปรวน หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย ภาวะโซเดียมในเลือดสูง แคลเซียมในเลือดต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ
- ยา Simethicone: ทำให้เกิดอาการถ่ายอุจจาระเหลว คลื่นไส้อาเจียน เรอ ปวดหัว
- ยา Compound Cardamom Mixture: ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก อาการระคายเคืองรอบทวารหนัก ผื่นขึ้นตามตัว ปวดศีรษะ หัวใจเต้นช้า
- ยาธาตุน้ำขาว: อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้เมื่อผู้ป่วยแพ้สาร Menthol โดยอาจทำให้เกิดอาการ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ ผื่นขึ้นตามตัว
- ยาทิงเจอร์มหาหิงคุ์: ยังไม่มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยานี้
สรุป
ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ "ยา" ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาแก้ท้องเฟ้อ) ยาแผนโบราญทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะ ยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิด ควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
บรรณานุกรม
- คู่มือการใช้ยาอย่างสมเหตุผลตามบัญชียาหลักแห่งชาติ เล่ม 1 ยาระบบทางเดินอาหาร. http://ndi.fda.moph.go.th/uploads/main_drug_file/20171115142328.pdf [2023,Jan21]
- นิศารัตน์ ศิริวัฒนเมธานนท์ ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. มหาหิงคุ์…ยาเก่าเอามาเล่าใหม่. https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/247/มหาหิงคุ์แก้เด็กปวดท้อง/ [2023,Jan21]
- ศศิประภา บุญญพิสิฏฎ์. ท้องอืด.... อาหารไม่ย่อย (ตอนที่ 2). https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=362 [2023,Jan21]
- อย. กองยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. ยาแก้ปวดท้อง ท้องอืด ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ https://www.fda.moph.go.th/sites/drug/SitePages/Queries_Medicine.aspx [2023,Jan21]
- https://www.drugs.com/npp/asafetida.html [2023,Jan21]