กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 8 เมษายน 2566
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ:คือโรคอะไร? มีกี่ประเภท? พบบ่อยไหม?
- โรคกระเพาะอาหารอักเสบเกิดจากอะไร?
- โรคกระเพาะอาหารอักเสบมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้อย่างไร?
- รักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างไร?
- มีผลข้างเคียงจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบไหม?
- โรคกระเพาะอาหารอักเสบรุนแรงไหม?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
- ป้องกันโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- โรคติดเชื้อเอชไพโลไร (H.pylori infection)
- วิธีใช้ ยาลดกรด ยาแก้โรคกระเพาะ (Guide to safe use of antacid)
- โลหิตจางจากขาดวิตามิน บี (Megaloblastic anemia)
- ไวรัสลงกระเพาะ ท้องเดินจากไวรัส (Viral gastroenteritis)
- ยาลดกรด (Antacids)
- ยาเคลือบกระเพาะอาหาร ยาเคลือบกระเพาะ (Tip of Stomach-lining protector)
- ยาช่วยย่อย (Digestive drug)
- ยาแก้ปวดท้อง ยาบรรเทาอาการปวดท้อง (Antispasmodic drugs)
บทนำ: คือโรคอะไร? มีกี่ประเภท? พบบ่อยไหม?
กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) คือ โรคที่เกิดจากมีการอักเสบ บวม แดง ของเนื้อเยื่อเมือกบุภายในกระเพาะอาหาร อาการหลัก คือ ปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ อาจทั้งปวดแสบ และ/หรือปวดบีบ อาการปวดฯเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ อาจสำพันธ์กับอาหารหรือไม่ก็ได้ บางคนปวดเป็นๆหาย บางคนปวดนานเป็น ชั่วโมง กลางวัน หรือ กลางคืน อาจมีอาการอื่นร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ เช่น เรอ แน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน อิ่มเร็ว
ประเภท/ชนิดของกระเพาะอาหารอักเสบ:
ทั่วไป กระเพาะอาหารอักเสบมี2ชนิด/ประเภท:
ก. กระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน:
เมื่อมีอาการกระเพาะอาหารอักเสบ และรักษาได้หายภายในประมาณ 1-3 สัปดาห์ เรียกว่า “โรคกระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน (Acute Gastritis)” ซึ่งมักเกิดจากสาเหตุกระเพาะอาหารติดเชื้อเฉียบพลัน เช่น ไวรัสลงกระเพาะ,
ข. กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง:
เมื่อมีอาการเรื้อรัง เป็นๆหายๆ นานเป็นเดือน หรือ เป็นปี เรียกว่า “โรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง (Chronic Gastritis)” ซึ่งมักเกิดจากกระเพาะอาหารติดเชื้อแบคทีเรียเรื้อรัง ชื่อ ‘เอช.ไพโลไร’ (แนะนำอ่านรายละเอียดจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘โรคติดเชื้อเอชไพโลไร’)
กระเพาะอาหารอักเสบ พบบ่อยทั่วโลก พบทุกอายุ ตั้งแต่เด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)จนถึงผู้สูงอายุ ชนิดเรื้อรังพบน้อยในเด็กแต่พบบ่อยเมื่ออายุมากขึ้น, และพบโรคเกิดได้ใกล้เคียงกันทั้งเพศหญิงและเพศชาย
กระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน ในสหรัฐอเมริกามีรายงาน(ช่วง ค.ศ. 2009-2011) พบ6.3 รายต่อประชากร 1 แสนคน
ส่วนกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง พบบ่อยทั่วโลก มีรายงานทั่วโลกพบกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังจากเชื้อ เอช-ไพโลไรได้ประมาณ 50%ของประชากรโลก มักพบในผู้ใหญ่ตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป เพศหญิงและเพศชายพบใกล้เคียงกัน
โรคกระเพาะอาหารอักเสบเกิดจากอะไร?
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ทั่วไปได้แก่
- กินยาต้านการอักเสบ/ยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวดกลุ่มเอ็นเสด(NSAIDs, Non-steroidal antiinflammatory drugs) โดยเฉพาะการกินยาฯอย่างต่อเนื่อง เช่น แอสไพริน, Ibuprofen, Celecoxib, และ Indomethacin, หรือ ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ (Steroid) ซึ่งยาในกลุ่มดังกล่าวทั้ง 2 กลุ่ม จะก่อการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อเมือกบุภายในกระเพาะอาการ ก่อการอักเสบ และก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ (โรคแผลเปบติค/โรคแผลในกระเพาะอาหาร)
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- สูบบุหรี่, ดื่มเครื่องดื่ม คาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ โคลา เครื่องดื่มชูกำลัง, มักทำให้อาการรุนแรงขึ้น จากก่อการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อเมือกกระเพาะอาหาร, และกระตุ้นให้เซลล์เนื้อเยื่อเมือกสร้างกรดเพิ่มขึ้น
- กระเพาะอาหารติดเชื้อแบคทีเรีย เอช ไพโลไร (โรคติดเชื้อเอชไพโลไร)
- โรคภูมิต้านตนเอง (โรคออโตอิมมูน)ต่อกระเพาะอาหาร
- โรคติดเชื้อไวรัสบางชนิดต่อกระเพาะอาหาร เช่น โรคไวรัสลงกระเพาะ
- โรคเชื้อราบางชนิด ซึ่งมักพบในผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง เช่น จากติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือโรคเอดส์
- โรคจากน้ำดีตับซึ่งปกติจะอยู่เฉพาะในลำไส้เล็ก ท้นเข้าสู่กระเพาะอาหาร, น้ำดีจึงก่อการระคายเคืองและการอักเสบของเซลล์เนื้อเยื่อเมือกบุกระเพาะอาหาร
- ความเครียด: เพราะจะกระตุ้นให้เซลล์กระเพาะอาหารหลั่งกรดเพิ่มขึ้น ซึ่งกรดจะก่อการระคายเคือง และก่อการอักเสบต่อเซลล์เนื้อเยื่อเมือกบุ กระเพาะอาหาร
- อุบัติเหตุร้ายแรงที่ส่งผลให้ร่างกายเกิดความเครียดสูง ซึ่งส่งผลให้กระเพาะอาหารสร้างกรดสูงขึ้นมากเฉียบพลัน เช่น อุบัติเหตุต่อสมอง หรือหลังการผ่าตัดใหญ่ เช่น การผ่าตัดสมอง หรือช่องท้อง จึงเกิดกระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลันรุนแรง หรือแผลในกระเพาะอาหารชนิดที่เรียกว่า Stress ulcer ที่อาจทำให้เกิด เลือดออกในทางเดินอาหาร/ในกระเพาะอาหาร/อาเจียนเป็นเลือด
- ดื่มกรด หรือ ด่าง ซึ่งทั้งกรด และด่างจะก่อให้เกิดการระคายเคือง และการอักเสบของเซลล์เนื้อเยื่อเมือกบุกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง
โรคกระเพาะอาหารอักเสบมีอาการอย่างไร?
ผู้ป่วยบางคนเมื่อมีโรคกระเพาะอาหารอักเสบ โดยเฉพาะแบบเรื้อรัง อาจไม่มีอาการ แต่เมื่อมีอาการ อาการที่พบได้ของโรคกระเพาะอาหารอักเสบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรังจะคล้ายกัน, จะคล้ายกับอาการจากโรคแผลเปบติค ที่พบบ่อย เช่น
- ปวดท้องตำแหน่งกระเพาะอาหาร (ใต้ลิ้นปี่) เป็นๆ หายๆ
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอบ่อย แน่นท้อง/แน่นอึดอัดท้องทั้งๆที่ไม่ได้กินอะไร หรือกินเพียงเล็กน้อย (ธาตุพิการ/อาหารไม่ย่อย)
- คลื่นไส้อาเจียน เมื่อเป็นมาก อาจอาเจียนเป็นเลือดได้
- เบื่ออาหาร และอาจผอมลง
- เมื่อเป็นมาก และมีเลือดออกจากเนื้อเยื่อเมือกบุกระเพาะอาหาร จะมีถ่ายอุจจาระเป็นสีดำและเหนียว ลักษณะอุจจาระเหมือนยางมะตอย
แพทย์วินิจฉัยโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้อย่างไร?
ทั่วไป แพทย์วินิจฉัยโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้จาก
- ประวัติอาการ ประวัติโรคประจำตัวต่างๆ เช่น ประเภทอาหาร เครื่องดื่ม พฤติกรรมการกิน กินยาต่างๆ, ความเครียดในชีวิตประจำวัน/ครอบครัว
- การตรวจร่างกาย
- การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร อาจร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อจากส่วนที่มีการอักเสบเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
รักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ คือ การรักษาสาเหตุ, การรักษาประคับประคองตามอาการ, และการปรับพฤติกรรมการบริโภค
- รักษาตามสาเหตุ: เช่น ให้ยาปฏิชีวนะเมื่อโรคเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย เอช ไพโลไร, การปรับเปลี่ยนชนิดยาแก้ปวดต่างๆเมื่อโรคเกิดจากยาในกลุ่มเอ็นเสด เป็นต้น
- รักษาประคับประคองตามอาการ เช่น ให้ยาลดกรด, ยาเคลือบกระเพาะอาหาร, ยาช่วยย่อย, ยาแก้ปวดท้อง
- ปรับพฤติกรรมการบริโภค: ทั่วไป คือ
- เลิก/จำกัด สุรา/เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- เลิก/จำกัดบุหรี่
- เลิก/จำกัดเครื่องดื่มมีคาเฟอีน
- กินอาหารเป็นเวลา/ตรงเวลา
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
- ระยะแรกของอาการอาจต้องบริโภคอาหารอ่อน(ประเภทอาหารทางการแพทย์)
มีผลข้างเคียงจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบไหม?
ผลข้างเคียง (ผลแทรกซ้อน) จากโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เช่น
- เมื่อโรครุนแรง อาจมีเลือดออกจากเยื่อเมือกบุกระเพาะอาหาร ส่งผลให้อาเจียนเป็นเลือด หรือ อุจจาระดำเหมือนยางมะตอย
- เมื่อรักษาควบคุมสาเหตุไม่ได้ ผลข้างเคียงที่พบได้จากโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง เช่น
- แผลในกระเพาะอาหาร (โรคแผลเปบติค)
- โลหิตจางจากขาดวิตามินบี
- เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองของกระเพาะอาหาร หรือโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
โรคกระเพาะอาหารอักเสบรุนแรงไหม?
ทั่วไปกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นโรคไม่รุนแรง แพทย์รักษาได้เสมอ/มีการพยากรณ์โรคที่ดี โดยการใช้ยาและการปรับพฤติกรรมการบริโภค
แต่เมื่อเกิดผลข้างเคียง อาจเป็นสาเหตุถึงตายได้จากเลือดออกไม่หยุดจากบริเวณมีการอักเสบ, และเมื่อเกิดการอักเสบเรื้อรัง เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และ/หรือ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองของกระเพาะอาหารได้
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
การดูแลตนเมื่อเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และการพบแพทย์ ที่สำคัญ เช่น
- กินยา/ใช้ยาตามแพทย์แนะนำ ให้ถูกต้อง สม่ำเสมอ
- สังเกตความสัมพันธ์ของอาการกับอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ, จำกัด หรืองด อาหาร และเครื่องดื่มที่ก่อให้เกิดอาการ หรือที่เพิ่มความรุนแรงของอาการ
- งด/เลิก บุหรี่, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, และจำกัดเครื่องดื่มคาเฟอีน
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อป้องกันการติดเชื้อต่างๆซ้ำหลังจากรักษาโรคหายแล้ว
- ไม่ซื้อยาแก้ปวด (ยกเว้น ยาพาราเซตามอล) หรือ ยาสเตียรอยด์ กินเอง โดยไม่ปรึกษา แพทย์ พยาบาล หรือ เภสัชกร ก่อน
- รักษา ควบคุม โรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงให้ได้ดี
- รักษาสุขภาพจิต ไม่ก่อให้เกิดความเครียดจนเกินเหตุ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด ทั่วไปเมื่อ
- อาการต่างๆ แย่ลง เช่น ปวดท้องรุนแรงมากขึ้นทั้งๆที่ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาลแนะนำ
- อาการผิดปกติไปจากเดิม
- เมื่อกังวลในอาการ
- พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลฉุกเฉิน/ทันที เมื่อ
- อาเจียนเป็นเลือด หรือ
- อุจจาระมีสีดำเหมือนยางมะตอย
ป้องกันโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้อย่างไร?
การป้องกันโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ที่สำคัญ คือ
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อป้องกันกระเพาะอาหารติดเชื้อต่างๆ
- รักษาสุขภาพจิต เพื่อลดภาวะการสร้างกรดสูงของกระเพาะอาหาร
- ไม่ซื้อยาแก้ปวด หรือ ยาสเตียรอยด์ กินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ พยาบาล หรือ เภสัชกร
- งด/เลิก/จำกัด บุหรี่, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, และจำกัดเครื่องดื่มคาเฟอีน
- รักษาควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อกระเพาะอาหารอักเสบ
บรรณานุกรม
- Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, L., Hauser, S., Longo, D., and Jameson, J. (2001). Harrison’s principles of internal medicine (15th ed.). New York: McGraw-Hill.
- https://emedicine.medscape.com/article/175909-overview#showall [2023,April8]
- https://emedicine.medscape.com/article/176156-overview#showall [2023,April8]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK544250/ [2023,April8]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Gastritis [2023,April8]