มะเร็งช่องคลอด (Vaginal cancer)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 23 มกราคม 2562
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ
- มะเร็งช่องคลอดมีกี่ชนิด?
- มะเร็งช่องคลอดเกิดจากอะไร? มีปัจจัยเสี่ยงไหม?
- มะเร็งช่องคลอดมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งช่องคลอดได้อย่างไร?
- มะเร็งช่องคลอดมีกี่ระยะ?
- มะเร็งช่องคลอดรักษาอย่างไร?
- มีผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งช่องคลอดอย่างไร?
- มะเร็งช่องคลอดรุนแรงไหม?
- มีวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งช่องคลอดไหม?ควรพบแพทย์เมื่อไร?
- ป้องกันมะเร็งช่องคลอดอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?ดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่างไร?เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- มะเร็ง (Cancer)
- มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer)
- มะเร็งอวัยวะเพศหญิง (Vulvar cancer)
- เอชพีวี โรคติดเชื้อเอชพีวี (HPV infection)
- แป๊บสเมียร์: การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap- smear หรือ Pap test)
- การติดเชื้อเอชพีวีอวัยวะเพศหญิง (Gential HPV in women)
- การส่องกล้องปากมดลูกด้วยคอลโปสโคป (Colposcopy)
- อวัยวะเพศภายในสตรี: กายวิภาคอวัยวะเพศภายในสตรี (Anatomy of female internal genitalia) / สรีรวิทยาอวัยวะเพศภายในสตรี (Physiology of female internal genitalia)
- หูดหงอนไก่ หูดอวัยวะเพศ (Condyloma acuminata)
- วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก เอชพีวีวัคซีน (HPV vaccine)
บทนำ
มะเร็งช่องคลอด (Vaginal cancer) คือ โรคที่เกิดจากเซลล์เยื่อบุผิวของช่องคลอด ณ ตำแหน่งใดก็ได้ เกิดกลายพันธ์เจริญแบ่งตัวรวดเร็วผิดปกติ โดยที่ร่างกายควบคุมการแบ่งตัวนี้ไม่ได้ กลายเป็นเซลล์มะเร็ง/ก้อนเนื้อมะเร็ง/แผลมะเร็งที่มีการรุกราน/ลุกลามทำลายเนื้อเยื่อช่องคลอดเอง ลุกลามทำลายเนื้อเยื่อ/ อวัยวะข้างเคียงช่องคลอด เข้าทำลายต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน และ/หรือที่ขาหนีบ และในที่สุดแพร่กระจายตามกระแสโลหิต/เลือดไปทำลายอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ที่พบบ่อย คือ ปอด และ/หรือ แพร่กระจายเข้าระบบน้ำเหลืองไปทำลายต่อมน้ำเหลืองที่ไกลช่องคลอด เช่น ในช่องท้อง หรือเหนือกระดูกไหปลาร้า
มะเร็งช่องคลอด เป็นโรคพบได้น้อยมากๆ เพียงประมาณ 1-3%ของมะเร็งระบบอวัยวะสืบพันธ์สตรีทั้งหมด หรือประมาณ 0.4-0.6 รายต่อประชากรหญิง 1 แสนคน สำหรับประเทศไทย รายงานโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติในปี พ.ศ. 2553 พบว่าในช่วงปี พ.ศ. 2544-2546 พบโรคนี้ 0.2 รายต่อประชากรหญิง 1แสนคน แต่รายงานในปี 2558 ที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งช่วงปี 2553-2555 รายงานว่า ‘ไม่พบโรคนี้’
มะเร็งช่องคลอดเป็นโรคมะเร็งของผู้ใหญ่ พบได้สูงขึ้นตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป แต่อายุต่ำกว่านี้ก็พบได้ แต่น้อยมากๆๆ
อนึ่ง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม กายวิภาคและสรีรวิทยาของช่องคลอด ได้จากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘อวัยวะเพศภายในสตรี’
โรคมะเร็งช่องคลอดมีกี่ชนิด?
มะเร็งช่องคลอด มีหลากหลายชนิดทั้งในกลุ่มมะเร็งคาร์ซิโนมา และกลุ่มมะเร็งซาร์โคมา แต่ที่พบบ่อยและเป็นเกือบทั้งหมดของมะเร็งช่องคลอดคือ มะเร็งคาร์ซิโนมาชนิดย่อยที่พบบ่อยมี 2 ชนิด คือ
- ชนิดสะความัส (Squamous cell carcinoma ย่อว่า SCC) ที่พบบ่อย/เป็นเกือบทั้งหมด และ
- ชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา (Adenocarcinoma) ซึ่งชนิด อะดีโนคาร์ซิโนมานี้ พบได้น้อยกว่าชนิดแรกมาก และยังพบในอายุที่น้อยกว่าชนิดสะความัส คือในอายุต่ำกว่า 20-30 ปี โดยไม่ค่อยพบในอายุมากกว่า 40 ปี
ทั้งนี้ ทั่วไป เมื่อกล่าวถึง ‘มะเร็งช่องคลอด’ จะหมายถึง ‘มะเร็งช่องคลอดชนิดคาร์ซิโนมา(Vaginal carcinoma)’ ซึ่งรวมถึงบทความนี้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมักตรวจพบเซลล์ผิดปกติของช่องคลอดในระยะที่เซลล์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งแต่ยังไม่จัดเป็นมะเร็งอย่างแท้จริง (Pre invasive) ที่เรียกว่าย่อ เวน/ VAIN (Vaginal intraepithelial neoplasia) โดยพบโรคระยะVAINนี้ได้สูงกว่าการพบเมื่อเป็นมะเร็งแล้ว
VAIN แบ่งย่อยตามลักษณะเซลล์ที่จะเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งได้เป็น3ระดับ/เกรด/Grade ตามลักษณะทางพยาธิวิทยา และจากการตรวจที่เรียกว่า ‘การส่องกล้องปากมดลูกด้วยคอลโปสโคป’ คือ
- VAIN 1 เป็นเซลล์ระดับมีการเปลี่ยนแปลงต่ำ มักหายได้เองโดยธรรมชาติของร่างกาย ไม่ต้องมีการรักษา
- VAIN 2 เซลล์ผิดปกติระดับปานกลาง และไม่หายไปเอง มีโอกาสเจริญเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งวิธีรักษา คือ การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ และ/หรือป้ายรอยโรคด้วยยาเคมีบำบัด เช่น ยา 5FU, ยา Imiquimod
- VAIN 3 คือเซลล์มีลักษณะเป็นเซลล์มะเร็งชัดเจน แต่ยังไม่มีการรุกรานออกนอกเยื่อบุผิว ซึ่งก็คือ โรคระยะ0 ที่การรักษา อาจเป็นการผ่าตัด และ/หรือ รังสีรักษา
โรคมะเร็งช่องคลอดเกิดจากอะไร? มีปัจจัยเสี่ยงไหม?
สาเหตุที่แน่นอนของโรคมะเร็งช่องคลอด ยังไม่ทราบ แต่พบปัจจัยเสี่ยงเช่นเดียวกับโรคมะเร็งปากมดลูก คือ
- ผู้หญิงที่มีฐานะทางเศรษฐกิจต่ำ เนื่องจากหญิงกลุ่มนี้ อาจมีสุขภาพอนามัยที่ไม่สมบูรณ์ หรือมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้สูงกว่า
- มีคู่นอนหลายคน มักตั้งแต่ 5คนขึ้นไป
- มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยๆ มักก่อนอายุ 17 ปี
- มีการติดเชื้อไวรัสทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริมอวัยวะเพศ การติดเชื้อไวรัสเอชพีวีอวัยวะเพศหญิง (HPV, Human papilloma virus) และ/หรือ หูดอวัยวะเพศ
- มีประวัติเคยเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกที่รักษาหายแล้ว
- มารดามีประวัติใช้ฮอร์โมนเพศหญิงบางชนิดขณะตั้งครรภ์ ซึ่งการใช้ฮอร์โมนนี้ มักสัมพันธ์กับเซลล์มะเร็งชนิด อะดีโนคาร์ซิโนมา
- มีประวัติตัดมดลูก/ปากมดลูกจากโรคมะเร็งปากมดลูก ระยะ0
- สูบบุหรี่
โรคมะเร็งช่องคลอดมีอาการอย่างไร?
อาการพบบ่อยของโรคมะเร็งช่องคลอด จะเช่นเดียวกับอาการของโรคมะเร็งปากมดลูก กล่าวคือ
- มีตกขาวมากกว่าปกติ มีตกขาวเรื้อรัง และมักมีกลิ่นเหม็น
- มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด อาจออกกระปริดกระปรอย หรือออกภายหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือออกภายหลังหมดประจำเดือนแล้ว
- มีประจำเดือนผิดปกติ มักมาบ่อย หรือ มามาก
- เมื่อโรคลุกลามมากขึ้น เข้าอุ้งเชิงกราน (ช่องท้องน้อย) ก้อนเนื้ออาจกดเบียดทับกระเพาะปัสสาวะซึ่งอยู่ติดด้านหน้าของช่องคลอด จึงก่อให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะขัด หรือกดเบียดทับลำไส้ตรง หรือทวารหนักที่อยู่ติดด้านหลังของช่องคลอด จะทำให้มีอาการท้องผูก หรือเมื่อลุกลามเข้าเนื้อเยื่ออื่นๆในอุ้งเชิงกราน จะก่ออาการปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรังได้
แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งช่องคลอดได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งช่องคลอดได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการ
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจดู/คลำอวัยวะเพศภายนอก
- การตรวจภายใน
- และการตรวจคลำต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบทั้งซ้ายขวา
- แต่ที่ให้ผลแน่นอน คือ การตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อ/แผลในช่องคลอดเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
ภายหลังผลชิ้นเนื้อระบุเป็นมะเร็ง การตรวจสืบค้นเพิ่มเติม คือ การตรวจเพื่อประเมินระยะโรค และเพื่อประเมินสุขภาพของผู้ป่วย โดยทั่วไปมักเป็น
- การตรวจภาพช่องท้อง หรือช่องท้องน้อย(อุ้งเชิงกราน) ด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อดูการลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง และในช่องท้องน้อย
- การตรวจเลือด ซีบีซี
- การตรวจเลือดดู ค่าน้ำตาล ดูการทำงานของตับและของไต
- การตรวจปัสสาวะดู การทำงานของอวัยวะในระบบทางเดินปัสสาวะ
- และตรวจเอกซเรย์ภาพปอดเพื่อดู โรคปอด โรคหัวใจ และดูการแพร่กระจายของโรคมะเร็งสู่ปอด
โรคมะเร็งช่องคลอดมีกี่ระยะ?
มะเร็งช่องคลอดมี 4 ระยะเช่นเดียวกับโรคมะเร็งอวัยวะต่างๆ และบางระยะอาจแบ่งย่อยได้อีก เพื่อแพทย์โรคมะเร็งใช้เป็นแนวทางในการรักษาโรค การพยากรณ์โรค และเพื่อการศึกษา ซึ่งระยะโรคที่แพทย์มะเร็งนรีเวชนานาชาตินิยมใช้คือ FIGO staging (the International Federation of Gynecology and Obstetrics) โดยแบ่งเป็น 4 ระยะหลัก คือ
- ระยะที่1 โรคมะเร็งลุกลามอยู่เฉพาะในช่องคลอด
- ระยะที่2 โรคมะเร็งลุกลามเข้าเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกรานแต่อยู่รอบๆช่องคลอด
- ระยะที่3 โรคมะเร็งลุกลามเข้าเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกรานจนถึงระดับกระดูกอุ้งเชิงกราน, และ/หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองขาหนีบ ด้านใดด้านหนึ่ง หรือ ทั้งสองด้าน และ/หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน
- ระยะที่4 แบ่งเป็น2ระยะย่อย คือ
- ระยะ4A โรคมะเร็งลุกลามทะลุกระเพาะปัสสาวะ และ/หรือลำไส้ตรง
- ระยะ4B โรคแพร่กระจายเข้าระบบน้ำเหลืองทำลายต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง และ/หรือ ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า, และ/หรือแพร่กระจายเข้าสู่กระแสโลหิต (เลือด)ไปทำลายอวัยวะอื่นๆที่อยู่ไกลออกไปได้ทั่วร่างกาย โดยเมื่อแพร่กระจายมักเข้าสู่ ปอด
อนึ่ง: เมื่อเซลล์มะเร็งลุกลามอยู่เฉพาะในเนื้อเยื่อชั้นเยื่อบุผิวของช่องคลอด เรียกว่า เป็นมะเร็งระยะยังไม่มีการรุกราน(Preinvasive หรือ Preinvasive cancer) จัดเป็น ‘มะเร็งระยะศูนย์(Stage0)’ หลายท่านจึงยังไม่จัดโรคระยะ0 นี้เป็นมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะมะเร็งแท้จริงต้องมีการรุนราน(Invasive) ซึ่งระยะนี้เรียกอีกชื่อว่า ‘Vaginal carcinoma insitu’ หรือ ‘VAIN 3’
โรคมะเร็งช่องคลอดรักษาอย่างไร?
แนวทางการรักษามะเร็งช่องคลอด เช่นเดียวกับในโรคมะเร็งปากมดลูก คือ
- ในโรคระยะก่อนเป็นมะเร็ง(ระยะ0) และในโรคมะเร็งระยะที่ 1 อาจเป็นการผ่าตัด หรือรังสีรักษา วิธีใดวิธีหนึ่งเพียงวิธีเดียว ทั้งนี้ขึ้นกับขนาด และตำแหน่งของก้อนมะเร็ง อายุ สุขภาพของผู้ป่วย และดุลพินิจของแพทย์
- แต่ในโรคระยะที่มีการลุกลามมากขึ้น การรักษามักเป็น รังสีรักษาวิธีการเดียว หรือร่วมกับยาเคมีบำบัด ทั้งนี้ขึ้นกับอายุ และสุขภาพของผู้ป่วย
มีผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งช่องคลอดอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งช่องคลอดขึ้นกับ วิธีรักษา ซึ่งผลข้างเคียงจะสูงขึ้น เมื่อ
- ใช้หลายๆวิธีรักษาร่วมกัน
- มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง
- สูบบุหรี่ และ/หรือ
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ
- ในผู้สูงอายุ
ตัวอย่าง ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งช่องคลอดตามวิธีรักษา เช่น
- การผ่าตัด: เช่น การสูญเสียเนื้อเยื่อ/อวัยวะ การเสียเลือด แผลผ่าตัดติดเชื้อ และเสี่ยงต่อการดมยาสลบ
- ยาเคมีบำบัด: เช่น อาการ คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ภาวะซีด และการติดเชื้อจากภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำจากเคมีบำบัด และ / หรือรังสีรักษา: การดูแลตนเอง) และการมีเลือดออกได้ง่ายจากภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- รังสีรักษา: เช่น ผลข้างเคียงต่อผิวหนัง และต่อเนื้อเยื่อที่ได้รับรังสีรักษา แนะนำอ่านเพิ่มเติมใน เว็บ haamor.com บทความเรื่อง การดูแลผิวหนัง และผลข้างเคียงต่อผิวหนังบริเวณฉายรังสีรักษา, และเรื่อง การดูแลตนเองเมื่อฉายรังสีรักษาบริเวณช่องท้อง
- ยารักษาตรงเป้า /ยารักษาแบบจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง: ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น การเกิดสิวขึ้นทั่วตัวรวมทั้งใบหน้า และยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดภาวะเลือดออกได้ง่าย แผลติดยากเมื่อเกิดบาดแผล และอาจเป็นสาเหตุให้ลำไส้ทะลุได้
โรคมะเร็งช่องคลอดรุนแรงไหม?
มะเร็งช่องคลอด เป็นโรคมีความรุนแรงโรค/การพยากรณ์โรคดีระดับปานกลาง สามารถรักษาหายได้ ทั้งนี้ขึ้นกับ ระยะโรค อายุ และสุขภาพของผู้ป่วย
โดยทั่วไป อัตรารอดที่ห้าปีภายหลังการรักษา ใน
- โรคระยะที่1 ประมาณ 75-90%
- โรคระยะที่ 2 ประมาณ 50-70%
- โรคระยะที่ 3 ประมาณ 30-40%
- โรคระยะที่ 4
- เมื่อโรคยังไม่แพร่กระจาย(ระยะ4A) ประมาณ 0-15% และ
- เมื่อมีโรคแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆแล้ว(ระยะ4B) ประมาณ 0-5%
มีวิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งช่องคลอดไหม? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
ปัจจุบันวิธีตรวจคัดกรองโรคมะเร็งช่องคลอด จะทำไปพร้อมๆกับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก เพราะเมื่อมีการตรวจปากมดลูก แพทย์จะตรวจช่องคลอดร่วมไปด้วยเสมอ ดังนั้นจึงควรตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก (การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งเต้านม และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่)สม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยคัดกรองได้ทั้ง มะเร็งช่องคลอด และ มะเร็งปากมดลูก
นอกจากนั้น คือ การสังเกตอาการผิดปกติต่างๆของตนเอง เมื่อมีอาการดังกล่าวในหัวข้อ ‘อาการฯ’ ควรรีบพบสูตินรีแพทย์ ภายใน 1-2 สัปดาห์เพื่อการตรวจวินิจฉัยและการรักษาแต่เนิ่นๆ
อนึ่ง ในผู้ที่ตัดมดลูกที่รวมถึงตัดปากมดลูกออกไปหมดแล้วจากโรคทั่วๆไปที่ไม่ใช่มะเร็ง เช่น โรคเนื้องอกมดลูก โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ยังไม่มีการแนะนำการตรวจคัดกรองที่เป็นทางการจากองค์กรสูตินรีแพทย์นานาชาติ แต่แพทย์ผู้ให้การรักษาจะนัดผู้ป่วยเพื่อการตรวจภายใน/ตรวจแป็บสเมียร์เป็นกรณีผู้ป่วย ขึ้นกับว่าผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งช่องคลอด หรือ มะเร็งปากมดลูกมากน้อยเพียงใด เช่น ทุก 1-3ปี หรือ ทุก 5 ปี
ป้องกันโรคมะเร็งช่องคลอดอย่างไร?
การป้องกันมะเร็งช่องคลอด คือ
- การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวแล้วในหัวข้อ ‘สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ที่หลีกเลี่ยงได้
- รวมถึง การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ที่จะครอบคลุมป้องกันมะเร็งช่องคลอดได้ เมื่อสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี
ดูแลตนเองอย่างไร?ดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่างไร? เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?
การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยมะเร็งทุกชนิดซึ่งรวมถึง มะเร็งช่องคลอดจะคล้ายกัน ปรับใช้ด้วยกันได้ ที่สำคัญคือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- กินยา /ใช้ยาต่างๆที่แพทย์แนะนำให้ถูกต้อง ไม่ขาดยา
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัด ไม่หยุดการรักษาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ และ
- ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการต่างๆเลวลง เช่น มีอาการปวดมากขึ้น กินไม่ได้ คลื่นไส้อาเจียนมาก
- มีไข้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดร่วมกับอาการท้องเสีย
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ท้องผูกมาก วิงเวียนศีรษะมาก ผื่นขึ้นทั้งตัว
- กังวลในอาการ
นอกจากนี้ แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง
- การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งและการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง และเรื่อง
- การดูแลตนเอง การดูแลผู้ป่วยเคมีบำบัด
บรรณานุกรม
- AJCC cancer staging manual. 8th edition
- Haffty, B., and Wilson, L. (2009). Handbook of radiation oncology: basic principles and clinical protocols. Boston: Jones and Bartlett Publishers.
- Imsamran, W. et al. (2015). Cancer in Thailand vol Viii, 2010-2012, National Cancer Institute, Ministry of Public Health. Thailand
- Khuhaprema, T. et al. (2010). Cancer in Thailand. Volume. V, 2001-2003. Thai National Cancer Institute.
- Perez,C., Brady, L., Halperin, E., and Schmidt-Ullrich, R. (2004). Principles and practice of radiation oncology. (4th edition). New York: Lippincott Williams & Wilkins.
- Di Donato,V.et al. Critical Review in Oncology/Hematology.(2012);81:286-295
- http://emedicine.medscape.com/article/269188-overview#showall [2019,Jan5]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Vaginal_cancer [2019,Jan5]
- https://www.cancer.org/cancer/vaginal-cancer/treating/by-stage.html [2019,Jan5]
- https://www.cancer.org/cancer/vaginal-cancer/detection-diagnosis-staging/survival-rates.html [2019,Jan5]
- https://www.cancer.org/cancer/vaginal-cancer/detection-diagnosis-staging/staging.html [2019,Jan5]