แผลริมอ่อน (Chancroid)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

แผลริมอ่อนคืออะไร?พบบ่อยไหม?

แผลริมอ่อน (Chancroid หรือ Soft chancre) คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ ‘Haemophillus ducreyi’ ทำให้เกิดเป็นแผลบริเวณอวัยวะเพศ บางครั้งเรียกว่า“โรคซิฟิลิสเทียม” เนื่องจากทำให้เกิดแผลได้เช่นกัน ต่างกันตรงที่ แผลริมอ่อนจะ’มีอาการเจ็บ/ปวด,และขอบแผลจะนิ่ม/อ่อน’  แต่แผลซิฟิลิสจะ’ไม่มีอาการปวดและขอบแผลจะแข็ง’

แผลริมอ่อน เป็นโรคพบบ่อยในประเทศที่สาธารณสุขยังไม่เจริญและมีการติดเชื้อเอชไอวีสูง, ในปีค.ศ. 1997 องค์การอนามัยโลกรายงานพบโรคนี้ประมาณ6ล้านคนต่อปี,    โดยมักพบร่วมในผู้ป่วยโรคเอชไอวี, ซิฟิลิส, และ/หรือ เริมอวัยวะเพศ, พบทั้งเพศหญิงและเพศชาย แต่พบในเพศชายสูงกว่า,  มักพบในกลุ่มรักร่วมเพศ, อายุเฉลี่ยโรคนี้ประมาณ30ปี

อนึ่ง: ชื่ออื่นของแผลริมอ่อน เช่น   Ulcus molle,   Weicher Schanker

แผลริมอ่อนมีความสำคัญอย่างไร? ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอย่างไร?

แผลริมอ่อน

โรคแผลริมอ่อนเกิดทั้งในหญิงและชาย มีการติดต่อกันง่ายมาก อาการเด่น คือ ทำ ให้มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ,และมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโตและเจ็บ (อาจเกิดข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้างซ้ายขวา), หรืออาจเกิดแผลบริเวณอื่นๆ เช่น ช่องปาก หรือ ก้น/ปากทวารหนัก ตามวิธีการที่มีเพศสัมพันธ์

ในเพศชายที่ติดเชื้อจะมีอาการเจ็บ/ปวดแผลมาก, ส่วนฝ่ายหญิงมักไม่ค่อยเจ็บ/ปวดแผลจึงไม่ค่อยรู้ตัวจึงทำให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคได้ง่าย, และในทุกผู้ป่วย หากรักษาไม่ครบจะทำให้เชื้อดื้อยา

นอกจากนั้น อาจมีผลพวงจากการเป็นแผลที่มีการติดเชื้อชนิดอื่นๆซ้ำได้แม้จะรักษาครบแล้ว ทำให้เกิดเป็น รอยแผลเป็น, แผลดึงรั้ง, ส่งผลให้อาจเกิดอาการปวด/เจ็บเมื่อร่วมเพศ, 

และ*ยังพบว่า การมีแผลริมอ่อนทำให้เสี่ยงต่อการติดโรคเอดส์/เอชไอวีได้ง่ายขึ้นด้วย

แผลริมอ่อนมีอาการอย่างไร?

 เชื้อ Haemophillus ducreyi จะอยู่ที่บริเวณผิวหนังรวมทั้งผิวหนังของอวัยวะเพศ เมื่อผิว หนังมีแผลจากการมีเพศสัมพันธ์,  เชื้อจะเข้าไปในร่างกาย, หลังจากนั้นอาการมักเกิดขึ้นเร็วหลังมีเพศสัมพันธ์และได้รับเชื้อประมาณ 3 - 5 วัน, โดยอาจมีไข้ต่ำๆและปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมกับ

  • อาการที่อวัยวะเพศ: จะเริ่มต้นเป็นตุ่มนูน และมีอาการเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ, หลังจากนั้น
    • จะเกิดเป็นแผลเล็กๆบริเวณแคมเล็กฝ่ายหญิง,หรือบริเวณปลายองคชาติฝ่ายชาย, อาจเกิดเป็นหลายแผลแล้วรวมเป็นแผลใหญ่
    • โดยที่ก้นของแผลจะมีหนอง
    • ขอบแผลจะนูนไม่เรียบ
    • มีแผลเล็กๆและจะรวมกันเป็นแผลใหญ่, อาจมีหลายแผลหรือแผลเดี่ยว, แต่จะมีอาการเจ็บมาก
    • แผลจะดูแฉะ, ไม่สะอาด, มีเนื้อเยื่อเละๆที่ก้นแผล
    • แผลในผู้ชายมักจะเจ็บปวดมาก,แต่ในผู้หญิงมักจะไม่ค่อยเจ็บปวดจึงทำให้บางครั้งเพศหญิงไม่ทันสังเกตว่ามีแผลจึงเป็นเหตุให้เกิดการแพร่โรคออกไป
  • เพศหญิง: มีตกขาวมาก,และมีกลิ่นเหม็น
  • มีอาการเจ็บเมื่อร่วมเพศ
  • ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวมโต, อาจข้างเดียวหรือทั้งสองข้างซ้ายขวา, กดเจ็บ บางครั้งแตกเป็นแผลได้

โรคอะไรบ้างที่มีลักษณะคล้ายกับแผลริมอ่อน?

แผลริมอ่อนจะมีลักษณะเหมือนกับแผลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆได้ เช่น

  • โรคซิฟิลิส: ในระยะที่เป็นแผลที่อวัยวะเพศ แต่ลักษณะแผลของซิฟิลิสจะขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ
  • โรคเริมอวัยวะเพศ: ลักษณะจะเป็นแผลตุ่มน้ำเล็กๆหลายๆแผล, มีลักษณะเจ็บ
  • โรคฝีมะม่วง(Lymphogranuloma venereum): จะมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโต อาจข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง, แต่มักไม่มีแผลที่อวัยวะเพศ

ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีแผลริมอ่อน?

เมื่อมีแผลที่อวัยวะเพศ/อวัยวะสืบพันธุ์ควรต้องไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง, ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง, เพราะดังกล่าวแล้วว่าแผลบริเวณนี้เกิดได้จากหลายโรค ซึ่งอาจต้องใช้ยาต่างชนิดกัน, ถ้าใช้ยาไม่ถูกต้อง’โรคอาจไม่หายและเกิดเชื้อดื้อยา’ได้

*ส่วนในการดูแลตนเองเบื้องต้นคือ รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและบริเวณแผล,ร่วมกับ รับประทานยาแก้ปวด,และรับประทานยาลดไข้

ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?

เมื่อมีแผลบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์หรือมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบบวมโตจำเป็นต้องรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ, ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เนื่องจากการเป็นแผลที่อวัยวะสืบพันธุ์เกิดจากหลายสาเหตุ อาจซื้อยาผิดรับประทานทำให้โรคไม่หายหรือเชื้อดื้อยา

แพทย์วินิจฉัยโรคแผลริมอ่อนได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคแผลริมอ่อนได้จาก

  • ซักถามประวัติทางการแพทย์: เช่น สอบถามเกี่ยวกับลักษณะของแผล ระยะเวลาที่เกิดแผล มีอาการปวดหรือไม่ ประวัติเพศสัมพันธ์  ฯลฯ
  • การตรวจร่างกาย: แพทย์จะตรวจลักษณะของแผล, ตรวจต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ
  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ: แพทย์จะป้ายบริเวณแผลไปย้อมสีแกรม(Gram stain) เพื่อตรวจหาเชื้อสาเหตุ (ซึ่งเชื้อ Haemophillus ducreyi จะติดสีแดง ลักษณะเป็นแท่งสั้นๆ, และอยู่รวมเป็นกลุ่มดูคล้ายฝูงปลาว่ายตามกันไปเรียกว่า School of Fish), หรือ ส่งหนองหรือน้ำจากแผลไปเพาะเชื้อ

นอกจากนั้นแพทย์จะแนะนำตรวจเลือดเพื่อหาความเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น โรคซิฟิลิส, โรคไวรัสตับอักเสบบี, และโรคติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์

มีแนวทางการรักษาโรคแผลริมอ่อนอย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคแผลริมอ่อน คือ

ก. การรักษาทั่วไป: เช่น

  • ดูแลความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ/แผล
  • รับประทานยาแก้ปวด
  • งดมีเพศสัมพันธ์ขณะมีแผลจนกว่าแผลจะหายปกติแล้ว
  • งดดื่มสุรา-เบียร์เพราะเป็นสาเหตุให้ขาดสติ เพิ่มโอกาสติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิด

ข. การรักษาแบบเฉพาะ: สามารถใช้ยาปฏิชีวนะได้หลายชนิด เช่นยา

  • Azithromycin รับประทาน 1 กรัมครั้งเดียว
  • Ceftriaxone ขนาด 250 มิลลิกรัมฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว
  • Erythromycin รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัมวันละ 3 ครั้งนาน 7 วัน
  • Ciprofloxacin รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 3 วัน (ห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์และขณะให้นมบุตร)
  • ในกรณีที่มีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตมากจนเป็นหนอง แพทย์อาจต้องใช้เข็มดูดหนองออก, หรือทำการผ่าฝีหนองออก

***** อนึ่ง ที่สำคัญที่สุด’ต้องรักษาคู่นอน’ควบคู่ไปด้วยเพื่อไม่ให้โรคเกิดซ้ำอีก

ค. การตรวจติดตาม: หลังการรักษา 1 สัปดาห์ แพทย์จะนัดมาตรวจประเมินอาการ

ซ้ำ, ดูลักษณะของแผล, โดยทั่วไปแผลจะดีขึ้นมากภายในประมาณ 3 วันและหายภายในประมาณ 7 วัน

หากแผลไม่หาย ต้องคิดว่าอาจวินิจฉัยโรคผิดหรือเป็นผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานในร่างกายบกพร่อง เช่น โรคเอดส์ทำให้ผลการรักษาไม่ดี

ส่วนอาการบวมปวดที่ขาหนีบ (ต่อมน้ำเหลืองบวม) อาจหายช้ากว่าแผลที่อวัยวะเพศ โดยต่อมฯมักจะค่อยๆยุบลงช้าๆ

นอกจากนั้นแพทย์จะดูผลเลือดที่ได้ตรวจ เพื่อค้นหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ และหากผลการตรวจคัดกรองโรคเอดส์ครั้งแรกเป็น’ผลลบ’ ต้องพิจารณาตรวจเลือดซ้ำอีกประมาณ 3 เดือนต่อมาเพื่อยืนยันการเป็น’ผลลบจริง’

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคแผลริมอ่อนมีอะไรบ้าง?

ภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงจากโรคแผลริมอ่อนที่อาจพบได้ เช่น

  • มีโอกาสติดเชื้อโรคเอชไอวี/เอดส์ ง่ายขึ้น
  • เกิดเป็นแผลเป็น แผลดึงรั้ง พังผืด บริเวณอวัยวะเพศ อาจส่งผลต่อการร่วมเพศเพราะจะก่อให้เกิดอาการเจ็บเมื่อร่วมเพศ
  • หนังหุ้มปลายองคชาติตีบตัน (Phimosis)จึงเปิดไม่ขึ้น ทำให้ทำความสะอาดยากจนส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรังที่ปลายองคชาติที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดมะเร็งอวัยวะเพศชายได้
  • ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบแตกเป็นแผล เมื่อแผลหายอาจเกิดเป็นแผลเป็น
  • มีทางทะลุ (Fistula) คือมีท่อและมีหนองไหลตลอดเวลาติดต่อระหว่างอวัยวะที่ติดโรค /เป็นแผล เช่น ช่องคลอดกับทวารหนัก หรือ ท่อปัสสาวะกับผิวหนัง

แผลริมอ่อนรักษาหายขาดหรือไม่?

แผลริมอ่อนสามารถรักษาให้หายขาดได้หากรับประทานยาปฏิชีวนะครบตามคำสั่งแพทย์ และไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงซ้ำซาก, ทั้งนี้ต้องรักษาทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายคู่กันเสมอ

*อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจะกลับมาติดเชื้อฯซ้ำได้เสมอเมื่อได้รับเชื้อฯใหม่ ซึ่งการติดเชื้อซ้ำสามารถเกิดได้ทันทีหลังได้รับเชื้อฯใหม่ทั้งๆที่เพิ่งครบยารักษาโรคครั้งก่อน

ป้องกันเกิดแผลริมอ่อนอย่างไร?

การป้องกันโรคแผลริมอ่อนเช่นเดียวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกโรค ที่สำคัญ เช่น

  • การป้องกันการเกิดโรคฯเป็นวิธีที่ดีที่สุด คือ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีโรคหรือมีแผลที่อวัยวะเพศ, และใช้*ถุงยางอนามัยชายทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลที่อวัยวะเพศ
  • ไม่สำส่อนทางเพศ
  • รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศหลังมีเพศสัมพันธ์
  • ออกกำลังกายและรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)

บรรณานุกรม

  1. Mutua FM, M'imunya JM, Wiysonge CS. Genital ulcer disease treatment for reducing sexual acquisition of HIV. Cochrane Database Syst Rev. 2012 Aug 15; 8:CD007933.
  2. Roett MA, Mayor MT, Uduhiri KA. Diagnosis and management of genital ulcers. Am Fam Physician 2012;85:254-62.
  3. https://emedicine.medscape.com/article/781520-overview#showall  [2022,June11]
  4. https://www.cdc.gov/std/treatment-guidelines/chancroid.htm  [2022,June11]