สายตาผู้สูงอายุ (Presbyopia)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

นิยามสายตาผู้สูงอายุ

แต่เดิมเรามักเรียกภาวะ หรือโรคนี้ว่า สายตาคนแก่ คำว่า “คนแก่” คงจะแสลงใจบางคนจึงมีคนหันมาใช้คำว่า “สายตาผู้สูงอายุ” (Presbyopia) แทน ซึ่งฟังดูไพเราะกว่า ตัวผู้เขียนเองมีความรู้สึกคล้ายกับว่า ผู้สูงอายุ หมายถึงทั้งอายุมาก ประสบการณ์มากด้วย (อาจจะเข้าใจผิดก็ได้) ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของตนเองและยอมรับความเป็นคนแก่มากขึ้น

 

ท่านผู้อ่านที่มีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป คงรู้จักภาวะสายตาผู้สูงอายุดี ถือเป็นภาวะปกติที่พบในคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยมีอาการมองภาพใกล้ๆไม่ชัดเจน ในขณะที่มองไกลยังเห็นได้ดี มีวิธีสังเกตได้ง่ายๆก็คือ

  • อ่านหนังสือในระยะห่างจากตา 1 ฟุต หรือระยะที่เคยอ่านเห็นกลับอ่านไม่ชัด ต้องใช้วิธีเลื่อนหนังสือให้ไกลออกไป บางคนอาจจะใช้วิธีหยีหรือหรี่ตาให้เล็กลง ก็จะช่วยให้พออ่านหนังสือได้ง่ายขึ้น หรือ
  • ถ้าเป็นคุณแม่บ้านที่เย็บปักผ้า จะเริ่มสนเข็มไม่เข้าเนื่องจากไม่เห็นรูเข็ม

 

ทำไมผู้สูงอายุจึงมองภาพใกล้ไม่ชัด?

สายตาผู้สูงอายุ1

ขอเปรียบเทียบดวงตาคนเราเหมือนกล้องถ่ายรูป ในการใช้กล้องถ่ายรูป ถ้าเราต้องการถ่ายภาพระยะต่างๆกันให้ได้ภาพที่ชัดเจน เราทำได้โดยการปรับโฟกัส เลื่อนกล้องเข้าออกให้ได้ระยะที่เหมาะสม สำหรับตาคนเราไม่สามารถหดหรือยืดลูกตาออกไป แต่จะปรับภาพที่ระยะ ใกล้ให้ชัดโดยวิธีเพิ่มกำลังให้แก่แก้วตา โดยขบวนการที่เรียกว่า ‘การเพ่ง (Accommodation)’ กล่าวคือ

  • ในขณะที่เรามองภาพระยะไกล ตาเราจะอยู่ในระยะพัก
  • แต่เมื่อเราต้องการดูระยะใกล้ จะเกิดการหดตัวตึงของกล้ามเนื้อแก้วตาที่ช่วยในการเพ่ง จึงเป็นเหตุให้แก้วตาคนเราป่องออก เป็นการเพิ่มกำลังหักเหของแสง ทำให้เห็นภาพระยะใกล้ชัดเจนขึ้น

 

กลไกการเพ่งเป็นไปโดยอัตโนมัติและปกติ ตั้งแต่เด็กจนถึงอายุประมาณ 40 ปี ต่อจาก นั้นขบวนการเพ่งจึงอ่อนแรงลง ได้มีผู้ศึกษาโดยวิธีตรวจวัด พบว่าในเด็กๆ เราอาจเพ่งได้มาก จึงมองภาพที่อยู่ชิดตาได้ชัดเจน เมื่ออายุมากขึ้นกำลังการเพ่งจะลดลงมาเรื่อยๆ จนถึงอายุประ มาณ 40 ปีกำลังเพ่งที่เหลืออยู่ไม่พอที่จะใช้ดูหนังสือที่ระยะ 1 ฟุตได้ ต้องเลื่อนหนังสือให้ไกลออกไป หรือใช้แว่นที่มีกำลังเป็นบวก (เลนส์นูน) ชดเชย ซึ่งกำลังการเพ่งจะลดลงเรื่อยๆ จนเป็น 0 (ศูนย์) หรือไม่มีเลยเมื่ออายุประมาณ 75 ปี

 

ขบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ ถือเป็นขบวนการปกติของคนเราทุกคน แต่จะเริ่มเสื่อมลงเร็ว หรือช้าในระยะเวลาต่างๆกันในแต่ละคน

  • โดยเฉลี่ยจะเริ่มอายุประมาณ 40 ปี
  • ผู้หญิงอาจจะเร็วกว่าผู้ชายเล็กน้อย
  • ถ้าคนที่มีสายตาสั้นอาจจะเริ่มเมื่ออายุมากกว่า 40 ปี
  • คนที่สายตายาวอาจจะเริ่มเมื่ออายุน้อยกว่า 40 ปี
  • นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับว่า ผู้ที่มีสายตาผิดปกตินั้นใช้แก้ไขด้วยวิธีใด เช่น
    • คนสายตาสั้น ถ้าใช้เลนส์สัมผัส (คอนแทคเลนส์/Contact lens)เป็นประจำ อาจจะเป็นสายตาสูงอายุเร็วกว่าคนสายตาสั้นขนาดเท่ากันที่ใช้แว่นตา เป็นต้น

 

สายตาผู้สูงอายุมีอาการอย่างไร?

อาการของสายตาผู้สูงอายุ ได้แก่

  • คนบางคนอาจเข้ามาสู่ภาวะสายตาสูงอายุโดยไม่มีอาการอะไรมาก เพียงแค่มองใกล้ไม่ชัด อ่านหนังสือไม่ได้
  • แต่ในบางคน อาจมาด้วยอาการ ปวดตา และ/หรือปวดศีรษะ เวลาใช้สายตามองใกล้ และอาจแสบตา เคืองตา มีอยู่บ่อยๆที่ผู้ป่วยมัวไปหาสาเหตุของอาการปวดศีรษะอยู่นาน ในที่สุดพบว่า เป็นเพียงสายตาสูงอายุเท่านั้นเอง เมื่อแก้ไขโดยใช้แว่น อาการทั้งหมดก็หายไป
  • ดังนั้น ถ้าท่านมีอายุ 40 ปีขึ้นไปมีอาการปวดตาปวดศีรษะ จึงควรนึกถึงภาวะนี้ไว้ด้วย

 

สายตายาวกับสายตาผู้สูงอายุเหมือนกันไหม?

อนึ่ง สายตาผู้สูงอายุ บางคนไปสับสนเป็นอันเดียวกับ สายตายาว ความเป็นจริงแล้วไม่ถูกต้อง จริงอยู่ที่ทั้ง 2 สภาวะมีวิธีแก้ไขโดยการใช้เลนส์แว่นตาเป็นเลนส์นูน ซึ่งมีกำลังเป็นบวกเหมือนกัน แต่ต่างเวลากัน

  • สายตาผู้สูงอายุ ใช้เลนส์นูนเฉพาะเวลาดูใกล้ในคนสูงอายุ
  • ส่วนสายตายาวทั่วไป พบได้ทุกอายุตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ได้ และแว่นเลนส์นูนที่ใช้ ใช้ตลอดทั้งดูไกลและใกล้

 

แก้ไข (รักษา) สายตาผู้สูงอายุได้อย่างไร?

การแก้ไขภาวะสายตาผู้สูงอายุนี้ถือเป็นปกติตามวัย เฉกเช่น ผมหงอกขาว ผิวหนังเหี่ยวย่น เมื่ออายุมากขึ้น วิธีแก้ไขทำได้ง่ายมาก โดยการวัดสายตาประกอบแว่น ซึ่งมีทางเลือก ดังนี้

 

1. ใช้แว่นสายตาเฉพาะมองใกล้ ถ้าจะมองไกลก็ถอดแว่นออก: เช่น ถ้าจะอ่านหนังสือ หรือเย็บผ้าก็สวมแว่น เสร็จงานแล้วก็ถอดแว่นออก แว่นชนิดนี้ไม่เหมาะกับคนที่อยากจะมองทั้งไกลและใกล้ในเวลาเดียวกัน เช่น ครูที่สอนหนังสือ อาจจะต้องมองเด็กหลังชั้นพร้อมกับดูหนัง สือหรือตรวจงานเด็ก ถ้าใช้แว่นชนิดนี้ทำให้ต้องใส่แว่น ถอดแว่น ใส่ๆถอดๆ หรือต้องมองลอดแว่น

 

2. ใช้แว่นตา 2 ชั้น: เลนส์ของแว่นตาชนิดนี้จะมีรอยต่อระหว่างเลนส์แว่นตาเห็นชัด เจน เมื่อมองไกลใช้เลนส์บน เมื่อมองใกล้ใช้เลนส์ล่าง จึงสะดวกสำหรับผู้ต้องมองทั้งไกลและใกล้ในการทำงาน แว่นตา 2 ชั้นอาจมีรูปร่างต่างๆกัน บริเวณรอยต่ออาจจะโค้งหรือเป็นเส้นตรงแค่บางส่วนหรือแบ่งครึ่งบนและล่าง แต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียต่างๆกัน

 

ข้อเสียของเลนส์แว่นตา 2 ชั้น คือ

  • บริเวณรอยต่อของเลนส์ จะมีการเปลี่ยนแปลงการหักเหของแสง หากมองภาพตรงบริเวณรอยต่อ จะรู้สึกเหมือนภาพของวัตถุกระโดดหรือเคลื่อนที่ไปจากความเป็นจริง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้เลนส์แว่นตาชนิดนี้ใหม่ๆ ไม่ควรใส่แว่นตาชนิดนี้ขึ้นลงบัน ได เพราะอาจจะก้าวพลาดพลั้งได้ มีหลายๆคนมีความกังวลว่า ใส่แว่นชนิดนี้แล้วจะมีอาการมึนงง ภาพที่เห็นกระโดดไปมา แต่โดยทั่วไปจะเป็นเฉพาะระยะแรกเท่านั้น เมื่อใช้ไปนานเข้า ก็จะปรับตัวได้
  • ข้อเสียของแว่นตาชนิดนี้อีกประการหนึ่งก็คือ เป็นตัวฟ้องว่าผู้ใช้แว่นชนิดนี้ สูงอายุแล้ว จึงมีคนรังเกียจที่จะใช้

 

3. เลนส์แว่นตาชนิดหลายโฟกัส: กล่าวคือ ในเลนส์แว่นตาอันนั้นกำลังหักเหของแสงจะลดหลั่นกันลงมา มีการปรับโฟกัสตั้งแต่ระยะไกลที่สุดจนระยะใกล้ที่สุด โดยไม่มีรอยต่อให้เห็นระหว่างแต่ละโฟกัส ดูเหมือนว่าเลนส์ชนิดนี้น่าจะดีที่สุด เพราะเห็นชัดทุกระยะ

  • แต่ข้อเสียเช่นเดียวกับเลนส์แว่นตา 2 ชั้น คือบริเวณปรับเปลี่ยนโฟกัส อาจทำให้เห็นภาพเคลื่อนที่ได้ และข้อเสียอีกอย่างก็คือ ภาพข้างๆจะบิดเบี้ยวไปจากความจริงมากทำให้ผู้สวมมึนงง
  • วิธีแก้ไขก็คือ อย่าใช้วิธีชำเลืองดู เพราะจะไปมองผ่านด้านข้างๆของเลนส์ ให้ใช้วิธีหันหน้าไปมองวัตถุโดยตรง เลนส์ชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่อยากให้ใครเห็นแว่น 2 ชั้น และผู้ที่ต้องการมองภาพชัดเจนหลายระยะด้วยแว่นเดียว

 

4. เลนส์สัมผัส: เพื่อสนองความต้องการของผู้สูงอายุที่ไม่อยากใช้แว่นตา มีผู้ผลิตเลนส์สัมผัสชนิดที่มีโฟกัส 2 อัน คือเมื่อใช้เลนส์ชนิดนี้แล้วจะสามารถมองเห็นชัดทั้งระยะไกลและใกล้ แต่เลนส์ชนิดนี้ยังไม่ค่อยนิยมกันนัก นอกจากนั้น ในขณะนี้ กำลังเลนส์ที่มีขายยังจำ กัด ไม่มีทุกกำลัง จึงแก้ไขได้เฉพาะในบางคนเท่านั้น และผู้ใช้ยังมีความยุ่งยากต้องหมั่นดูแลรักษาเลนส์สัมผัส

 

5. การแก้ไขโดยวิธี Monovision: สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องใช้สายตาไกลและใกล้ในเว ลาเดียวกัน และไม่อยากที่จะใช้แว่นตา 2 ชั้น หรือแว่นหลายโฟกัสไร้รอยต่อ อาจจะทำเลนส์ใช้ดูไกลด้วยตาข้างหนึ่ง และดูใกล้ด้วยตาอีกข้างหนึ่ง โดยใช้ตาที่ถนัดหรือดีกว่ามองใกล้ ตาอีกข้างมองไกล (เนื่องจากเป็นเทคนิคเฉพาะ ถ้าอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ให้ปรึกษาหมอตา/จักษุแพทย์)

 

6. การผ่าตัด: ขณะนี้กำลังมีวิธีผ่าตัดแก้ไขภาวะสายตาสูงอายุ แต่ผลยังไม่เป็นที่พอ ใจ จึงยังไม่สมควรทำ คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง

 

ควรพบหมอตาเมื่อไร?

เมื่อมีอาการทางสายตา ไม่ว่าจะในช่วงอายุใด ควรรีบพบหมอตา (จักษุแพทย์) เสมอ เพราะอาการทางสายตาเกิดได้จากหลายโรค ดังนั้นการพบหมอตาจะช่วยให้วินิจฉัยสาเหตุได้ถูกต้อง และได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็วขึ้น