ปวดฟัน (Toothache)
- โดย รองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์ เชวงเกียรติ แสงศิรินาวิน
- 28 มกราคม 2566
- Tweet
สารบัญ
- คำจำกัดความของปวดฟัน
- อะไรเป็นสาเหตุทำให้ปวดฟัน?
- ทันตแพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุปวดฟันอย่างไร?
- รักษาปวดฟันอย่างไร? รักษาหายไหม?
- การป้องกันไม่ให้ปวดฟันทำได้อย่างไร?
- ปวดฟันแล้วควรดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบทันตแพทย์เมื่อไร? มีผลข้างเคียงจากปวดฟันไหม?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ฟันผุ (Dental caries)
- ฟันคุด (Impacted tooth)
- วิธีแปรงฟัน (Brushing teeth)
- ไซนัสอักเสบ โพรงอากาศข้างจมูกอักเสบ (Sinusitis)
- ฟลูออไรด์ (Fluoride)
- โรคปริทันต์ หรือ โรครำมะนาด (Periodontal Disease)
- โรคหู หรือ โรคของหู (Ear disease)
- โรคเหงือก หรือ โรคของเหงือก (Gum disease)
คำจำกัดความของปวดฟัน
ปวดฟัน (Toothache) หมายถึง อาการปวดรอบฟันและ/หรือรอบขากรรไกร ซึ่งความปวด (Ache) เป็นภาวะรับรู้ของร่างกายที่มีต่อการทำลายหรือการอักเสบของเนื้อเยื่อในร่างกายและส่งผ่านเส้นประสาทไปรับรู้ยังสมอง ซึ่งปวดฟันอาจเป็นผลมาจากสภาพฟันผุ ,ฟันแตก, ฟันสึก, เหงือกอักเสบ, หรือ กระดูกรอบฟันอักเสบ, ทำให้เกิดอาการปวดที่เรียกว่า "อาการปวดฟัน"
แต่บางครั้ง อาการปวดฟันอาจไม่ได้เกิดจากฟันหรือกรามที่ปวดรอบๆฟันและขากรรไกร แต่เป็นอาการปวดจากโรคอวัยวะอื่นๆแล้วทำให้เจ็บ-ปวดร้าวส่งต่อมายังฟัน ส่งผลให้ดูเหมือนปวดฟัน เช่นจาก โรคไซนัสอักเสบ, โรคหู, และโรคหัวใจ (โรคหลอดเลือดหัวใจ)
อะไรเป็นสาเหตุทำให้ปวดฟัน?
ปวดฟันเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
- ฟันผุ
- การอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน
- ปลายรากฟันอักเสบ
- โรคเหงือกอักเสบ
- โรคปริทันต์ (โรคของเนื้อเยื่อรอบๆฟัน)
- ฟันแตกหรือฟันร้าว
- ฟันคุด
- ฟันสึก
- นอนกัดฟัน
- ฟันได้รับบาดเจ็บจากการกระแทก
- การอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ห้า (Cranial nerve V) ซึ่งเป็นเส้นประสาทของฟันและเหงือก
- เจ็บ-ปวดร้าวที่มาจากอวัยวะอื่นดังกล่าวแล้ว
ทันตแพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุปวดฟันอย่างไร?
การวินิจฉัยหาตำแหน่งของอาการปวดฟันที่เป็นสาเหตุ:
- ทันตแพทย์จะเริ่มต้นโดย
- สอบถามคำถามผู้ป่วยเกี่ยวกับอาการปวดฟันซี่ใด ปวดเวลาใด เคาะฟันเจ็บหรือไม่ รวมทั้งชนิดของอาหารที่ทำให้ปวดฟัน ความไวต่ออุณหภูมิร้อนหรือเย็นของน้ำ/อาหารที่บริโภค
- ปวดมากหรือน้อย, ลักษณะการปวดแบบปวดตุบๆ หรือปวดจิ๊ดๆ
- นอกจากนั้น ทันตแพทย์จะตรวจดูในช่องปากและฟันของผู้ป่วย
- ดูอาการบวม
- ตรวจหารอยแยกของฟันและของขอบวัสดุอุดฟัน (ถ้าอุดฟันไว้)
- ดูว่าฟันร้าวหรือไม่
- และอาจถ่ายภาพเอกซ์เรย์ช่องปาก/ฟันเพื่อช่วยหาหลักฐานของ การสลายตัวของกระดูกฟัน, ความผิดปกติระหว่างซี่ฟัน, และ/หรือ ฟันแตก/ร้าว
- แต่บางครั้ง อาการปวดฟันอาจไม่ได้เกิดจากฟันหรือกรามที่ปวดรอบๆฟันและขากรรไกร แต่เป็นความปวดที่มาจากอวัยวะอื่นที่ผู้ป่วยรับรู้ว่าปวดบริเวณฟัน(เจ็บ-ปวดร้าว) ซึ่งการวินิจฉัยหาตำแหน่งของอาการปวดฟันที่เป็นสาเหตุจะโดยทันตแพทย์และอาจร่วมกับแพทย์จะช่วยการวินิจฉัยโรคที่ก่อให้เกิดอาการปวดฟันได้แม่นยำขึ้น
รักษาปวดฟันอย่างไร? รักษาหายไหม?
การใช้ยาแก้ปวดและยาปฎิชีวนะจะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้ 'แต่ไม่หายขาด' การรักษาจึงต้องขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการปวดฟันว่ามาจากสาเหตุใด
- ถ้าปวดเนื่องจากฟันผุ ทันตแพทย์จะอุดฟันให้
- หากเนื้อเยื่อส่วนในของฟันได้รับความเสียหาย การรักษาคลองรากฟันเป็นสิ่งจำเป็น ทันตแพทย์จะทำการรักษาครองรากฟันก่อน
- ถ้าเป็นการอักเสบของเหงือกและการสูญเสียของกระดูกที่ล้อมรอบฟัน ทันตแพทย์จะรักษาโดย การขูดหินปูน, การเกลารากฟัน, อาจทำศัลยกรรมร่วมด้วย
- ฟันคุดรักษาโดยการถอนฟัน
- ฟันสึกที่ทำให้เสียวฟัน อาจแนะนำชนิดแปรงสีฟันและยาสีฟันแก่ผู้ป่วย หรือใช้ยาทาลดอาการเสียวฟัน หรือ ทำการอุดฟัน
- การอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่5 จะรักษาโดยการให้ยารับประทานหรือส่งต่อไปพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญ
- ผู้ป่วยที่นอนกัดฟัน ทันตแพทย์มีวิธีการรักษาโดยใส่เครื่องมือไว้ป้องกันการกัดฟันเวลานอน
- ความปวดร้าวที่มีเหตุมาจากอวัยวะอื่น ต้องส่งต่อไปพบแพทย์สาขาอื่นที่เชี่ยวชาญเพื่อรักษาต่อไป
ทั้งนี้ :
- การรักษาทางทันตกรรมที่ทันเวลาในขณะที่เริ่มรู้สึกว่าปวดฟันกรณีที่ไม่มีการติดเชื้อ การรักษาด้วย การอุดฟัน, รักษาคลองรากฟัน, หรือรักษาเหงือก, จะได้ผลดี
- แต่ถ้ามีการติดเชื้อรุนแรง และ/หรือ เชื้อแพร่กระจายไปยังไซนัสหรือกระดูกขากรรไกร หรือมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด การรักษาจะยากขึ้น อาจต้องถอนฟัน สูญเสียฟันไป
การป้องกันไม่ให้ปวดฟันทำได้อย่างไร?
การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการปวดฟัน วิธีที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันผุ คือ
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ2ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหารและขนมขบเคี้ยว
- ใช้ไหมขัดฟันวันละ1ครั้ง ช่วยป้องกันโรคเหงือก โดยการเอาเศษอาหารและแบคทีเรียที่ติดค้างด้านล่างแนวเหงือกระหว่างซี่ฟันออก,และเป็นการป้องกันฟันผุระหว่างซี่ฟันที่ดีมาก
นอกจากนี้:
- ควรพบทันตแพทย์อย่างน้อยทุก6เดือน หรือ ตามทันตแพทย์แนะนำเพื่อตรวจช่องปากและฟัน หากไม่พบความผิดปกติในช่องปากและฟัน ทันตแพทย์จะช่วยทำความสะอาดฟัน
- ในเด็ก: เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดฟันผุและการปวดฟันได้เป็นอย่างดี และ ยังเป็นการสอนให้เด็กรู้จักการดูแลฟันและการพบทันตแพทย์เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้ปกครองจึงควร
- พาเด็กเล็กไปพบทันตแพทย์เป็นครั้งแรกก่อนที่เด็กจะมีอาการปวดฟัน ควรไปพบตั้งแต่เด็กเริ่มมีฟันขึ้น
- ควรช่วยเด็กแปรงฟันเพื่อช่วยให้เด็กรู้จักการดูแลฟันและการพบทันตแพทย์เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่
- การใช้ยาสีฟันที่มี’ฟลูออไรด์’จะป้องกันฟันผุได้ผลดีกว่ายาสีฟันที่ไม่มีฟลูออไรด์
ปวดฟันแล้วควรดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบทันตแพทย์เมื่อไร? มีผลข้างเคียงจากปวดฟันไหม?
หากมีอาการปวดฟัน ควรรีบไปพบทันตแพทย์ทันที อย่าเข้าใจว่าปวดฟันไม่ทำให้ถึงตาย เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาการจะมากขึ้นจากการอักเสบติดเชื้อจนอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น
- อาการปวดรุนแรงมากขึ้น, มีไข้, เหงือก/ช่องปากบวม, ซึ่งจะทำให้การรักษายากขึ้น หรือ
- ต้องถอนฟัน, หรือ
- การอักเสบติดเชื้ออาจส่งผลต่อการอักเสบติดเชื้อของอวัยวะอื่นๆจากเชื้อโรคแพร่กระจายเข้ากระแสเลือด เช่น โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ
ปวดฟันมีสาเหตุส่วนใหญ่จาก’โรคฟันผุ’ ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันที เชื้อจะแพร่กระจายไปยังปลายรากฟันเข้าไซนัสก่อให้เกิดไซนัสอักเสบ และแพร่กระจายไปในกระแสเลือดที่อาจเกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงดังกล่าวแล้ว ทำให้การรักษาลำบาก
*ดังนั้น เมื่อเริ่มปวดฟันจึงควรต้องรีบไปพบทันตแพทย์เสมอภายใน 1 - 2 วัน ควรระลึกไว้เสมอว่าการหายาแก้ปวดมารับประทานเองสามารถช่วยบรรเทาได้ชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้รักษาสาเหตุ
บรรณานุกรม
- Bagley, Katie. Brush Well: A Look at Dental Care. Decatur, IL: Capstone Press Inc., 2001.
- Diamond, Richard. Dental First Aid for Families. Ravensdale, WA: Idyll Arbor Inc., 2000.
- Keller, Laurie. Open Wide: Tooth School Inside. New York: Henry Holt & Co., 2003.
- McDonald, Ralph E., et al. Dentistry for the Child and Adolescent. St. Louis, MO: Mosby, 2004.
- https://www.nhs.uk/conditions/toothache/ [2023,Jan28]