คำถามเกี่ยวกับยา
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : ลิซิโนพริล (Lisinopril)
ยาลิซิโนพริล (Lisinopril) เป็นยาในกลุ่ม ACE inhibitor ทางคลินิกนำมาใช้เป็นยา
- รักษาอาการโรคความดันโลหิตสูง
- รักษาภาวะหัวใจล้มเหลว/หัวใจวาย
- รักษาภาวะโรคไตด้วยเหตุจากโรคเบาหวาน
ก. อาการข้างเคียงที่อาจพบได้บ่อย: เช่น ตาพร่า ปัสสาวะขุ่น รู้สึกสับสน ปัสสาวะน้อย วิงเวียน เป็นลม เหงื่อออกมาก อ่อนเพลียและไม่มีแรง
ข. อาการข้างเคียงที่พบได้แต่น้อย: เช่น ปวดท้อง ปวดตามร่างกาย เจ็บหน้าอก หนาวสั่น คัดจมูก ท้องเสีย เสียงแหบ คลื่นไส้ ไอ จาม เจ็บคอ และอาเจียน
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีประวัติเกิดลมพิษขึ้นตามผิวหนังหลังจากใช้ยากลุ่ม ACE inhibitor
- ห้ามใช้ยานี้ร่วมกับยา Aliskiren และในผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน
- ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี สตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีเกลือโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินมาตรฐาน รวมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำ
- การรับประทานยาลิซิโนพริลร่วมกับยากลุ่ม Potassium เช่น Potassium chloride และ Potassium bicarbonate อาจทำให้เกิดภาวะเกลือโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินจากมาตรฐาน ส่งผลให้ไตทำงานหนักจนถึงขั้นเกิดภาวะไตวาย กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต และหัวใจเต้นผิดจังหวะ หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาทั้งสองกลุ่มร่วมกัน
- การรับประทานยาลิซิโนพริลร่วมกับยา Olmesartan อาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีภาวะความดันโลหิตต่ำ เกิดความเสียหายที่ไตเพราะเกิดภาวะเกลือโพแทสเซียมในร่างกายเกิน บางกรณีทำให้เกิดภาวะไตวาย กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต หัวใจเต้นผิดจังหวะจนถึงหยุดเต้น เพื่อมิให้เสี่ยงต่ออาการที่กล่าวมาจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การรับประทานยาลิซิโนพริลร่วมกับยา HCTZ อาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำตามมา หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
- การรับประทานยาลิซิโนพริลร่วมกับยากลุ่ม NSAIDs เช่น Ibuprofen Naproxen อาจทำให้ฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตของยาลิซิโนพริลด้อยประสิทธิภาพลง อีกทั้งยังทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีๆ ไป