แอมพรีนาเวียร์ (Amprenavir)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 1 ตุลาคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- แอมพรีนาเวียร์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- แอมพรีนาเวียร์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- แอมพรีนาเวียร์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- แอมพรีนาเวียร์มีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- แอมพรีนาเวียร์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้แอมพรีนาเวียร์อย่างไร?
- แอมพรีนาเวียร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาแอมพรีนาเวียร์อย่างไร?
- แอมพรีนาเวียร์มีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- เอดส์ (AIDS)
- เอชไอวี: โรคติดเชื้อเอชไอวี (HIV: HIV infection)
- ยาต้านไวรัสพีไอ (PIs: Protease inhibitors)
- ยาต้านเอชไอวี ยาสูตรฮาร์ท (HAART: Highly Active Antiretroviral Therapy)
- ยาต้านรีโทรไวรัส (Antiretroviral Agent)
- ริโทนาเวียร์ (Ritonavir)
บทนำ: คือยาอะไร?
แอมพรีนาเวียร์ (Amprenavir ย่อว่า APV) คือ ยาต้านเอชไอวี ในกลุ่มยาโปรติเอส อินฮิบิเตอร์ (ยาต้านไวรัสพีไอ/ Protease inhibitor/PI) ทางคลินิกนำมาบำบัดรักษาการติดเชื้อเอชไอวี โดยผู้ป่วยต้องรับประทานยานี้วันละ 2-3 ครั้ง รูปแบบยาแผนปัจจุบันของยานี้ เป็นยาชนิดรับประทาน ซึ่งมีทั้งชนิดน้ำและชนิดแคปซูล
นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของยานี้จนได้ขนาดการรับประทานของผู้ใหญ่เป็น 1200 มิลลิกรัม/ครั้งก่อนอาหาร โดยต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมันสูง
หลังจากการดูดซึมยาแอมพรีนาเวียร์จากระบบทางเดินอาหาร ตัวยาจะเข้าสู่กระแสเลือดและจะเข้ารวมตัวกับพลาสมาโปรตีนได้ประมาณ 90%, ต่อจากนั้นจะถูกเปลี่ยนโครงสร้างเคมีโดยเอนไซม์จากตับ ที่มีชื่อว่า Cytochrome P450 3A4 (ย่อว่า CYP3A4, เอนไซม์เกี่ยวข้องกับการทำลายยา), ซึ่งร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 7.1 – 10.6 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้ผ่านไปกับปัสสาวะและอุจจาระ
โดยทั่วไป ถ้าใช้ยาแอมพรีนาเวียร์ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวีตัวอื่น อย่างเช่น Ritonavir ก็จะทำให้ขนาดรับประทานของยาแอมพรีนาเวียร์ลดลงมา เช่น รับประทานยา Amprenavir ครั้งละ 600 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น ร่วมกับยา Ritonavir ครั้งละ 100 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น เป็นต้น
การใช้ยาแอมพรีนาเวียร์ชนิดแคปซูลและชนิดน้ำ มีขนาดยาที่แตกต่างกันเล็กน้อย เพราะขึ้นอยู่กับการกระจายตัวในร่างกายที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนั้น การใช้ยาแอมพรีนาเวียร์กับผู้ป่วยโรคตับ แพทย์อาจต้องปรับขนาดรับประทานลดลงเพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานของตับ ในขณะที่ผู้ป่วยด้วยโรคไต ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดการใช้ยานี้ลดลงแต่อย่างใด
มีข้อจำกัดในการใช้ยาแอมพรีนาเวียร์บางประการที่ควรทราบ เช่น
- ห้ามใช้ยาแอมพรีนาเวียร์กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)ที่มีอายุต่ำกว่า 4 ปี รวมถึงสตรีตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคตับวาย หรือไตวาย
- ห้ามใช้ยานี้ร่วมกับ ยา Disulfiram หรือ ยา Metronidazole ด้วยจะเสี่ยงต่อการเกิดพิษ(ผลข้างเคียง)เพิ่มขึ้นในผู้ป่วยจากยาแอมพรีนาเวียร์
- ห้ามใช้ยาแอมพรีนาเวียร์ร่วมกับยาบางกลุ่มที่ต้องใช้เอนไซม์ CYP3A4 จากตับมาทำลายยา เช่นยา Cisapride, Pimozide, Midazolam, Triazolam, ด้วยการใช้ยาเหล่านี้ร่วมกัน อาจทำให้ระดับยาแอมพรีนาเวียร์ในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น จนส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง)ต่างๆสูงขึ้นตามมาจากยาแอมพรีนาเวียร์
ทั้งนี้ ยังมียาอีกหลายรายการที่สามารถทำปฏิกิริยาระหว่างยากับยาแอมพรีนาเวียร์ ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องแจ้งให้ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ทราบทุกครั้งว่าตนเองกำลังได้รับ หรือมีการใช้ยาชนิดใดอยู่ก่อนหน้านี้
ยาแอมพรีนาเวียร์เป็นยาที่ใช้ชะลอการเพิ่มปริมาณไวรัสเอชไอวีได้ก็จริง แต่ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายขาดได้ เพียงแต่ช่วยบรรเทามิให้อาการของโรคลุกลามและรุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยจึงยังคงต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างต่อเนื่องจากแพทย์ และยานี้ไม่สามารถใช้เป็นยาป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือการติดเชื้อชนิดต่างๆได้ที่รวมถึงจากฏรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ
ระหว่างที่ใช้ยาแอมพรีนาเวียร์ ผู้ป่วยและแพทย์จะต้องเฝ้าระวังและสังเกตการพัฒนาของโรคเอชไอวีว่าดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร กรณีที่อาการป่วยทรุดลง อาจตั้งข้อสังเกตได้ว่าเชื้อไวรัสเอชไอวี อาจพัฒนาตัวเองให้ดื้อต่อาแอมพรีนาเวียร์
นอกจากนี้ ผู้ป่วยจะต้องมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้งเพื่อรับการตรวจร่างกาย และตรวจเลือดว่าอยู่ในสภาวะปกติหรือไม่, ด้วยยาแอมพรีนาเวียร์ อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยสูงขึ้น รวมถึงค่าเอนไซม์การทำงานต่างๆในเลือดของตับที่อาจเปลี่ยนแปลงไป หรืออาจทำให้เกิดการสะสมไขมันตามร่างกายเปลี่ยนไป เช่น มีไขมันสะสมบริเวณหลังส่วนบน คอ หน้าอก มากขึ้น ในขณะที่การสะสมไขมันบริเวณขาลดลงและยังสามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดอีกด้วย หรือจำนวนเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือดก็สามารถใช้เป็นตัวบ่งบอกภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อชนิดอื่นเพิ่มขึ้นมา
ยังมีเรื่องผลข้างเคียงที่แพทย์ต้องแจ้งให้ผู้ที่ได้รับยาแอมพรีนาเวียร์ทราบไว้ว่า ยานี้สามารถกระตุ้นให้มีอาการ ถ่ายเหลว/ท้องเสีย ปวดหัว คลื่นไส้ มีผื่นคันขึ้นตามมือและเท้า, ซึ่งอาการเหล่านี้มาจากการใช้ยานี้นั่นเอง และมิได้มาจากการติดเชื้อเอชไอวี, แต่อย่างไรก็ตาม *หากพบผลข้างเคียงของยาแอมพรีนาเวียร์แบบรุนแรงจนรบกวนการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ป่วย ก็ควรต้องรีบแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
ยาแอมพรีนาเวียร์ เป็นยาที่มีใช้แต่ในสถานพยาบาล ไม่มีจำหน่ายตามร้านขายยา ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการใช้ยานี้เพิ่มเติมได้จากแพทย์ และจากเภสัชกรได้โดยทั่วไป
แอมพรีนาเวียร์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาแอมพรีนาเวียร์มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้:
- เพื่อบำบัดรักษาการติดเชื้อเอชไอวี (HIV infection), สามารถใช้ในลักษณะของยาเดี่ยว หรือใช้ร่วมกับยาต้านเอชไอวีชนิดอื่น เช่น ยา Ritonavir
อนึ่ง: ยาแอมพรีนาเวียร์ สามารถใช้ได้กับผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป, ยานี้ใช้บรรเทาการลุกลามและการเพิ่มจำนวนของไวรัสเอชไอวี แต่ไม่สามารถใช้รักษาโรคเอชไอวีให้หายขาดได้
แอมพรีนาเวียร์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธ์ของยาแอมพรีนาเวียร์ คือ ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในตัวไวรัสเอชไอวีที่มีชื่อว่า ‘โปรติเอส (Protease)’ ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นต่อวงจรชีวิตของเชื้อเอชไอวี ด้วยจะทำให้ไวรัสสามารถสร้างโปรตีน’Polyproteins’ ที่จำเป็นต่อการกำเนิดไวรัสเอชไอวีรุ่นใหม่, จากกลไกนี้จึงส่งผลให้ชะลอการเพิ่มจำนวนไวรัสเอชไอวี และทำให้การพัฒนาการของโรคเอชไอวีช้าลง
แอมพรีนาเวียร์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาแอมพรีนาเวียร์มีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาน้ำชนิดรับประทาน ขนาด 15 มิลลิกรัม/ มิลลิลิตร
- ยาแคปซูลนิ่มชนิดรับประทาน ขนาด 50 และ 150 มิลลิกรัม/แคปซูล
แอมพรีนาเวียร์มีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาแอมพรีนาเวียร์มีขนาดรับประทาน: เช่น
ก. กรณีใช้ยาชนิดแคปซูลนิ่ม: เช่น
- ผู้ที่อายุมากกว่า16ปี: รับประทานครั้งละ 1,200 มิลลิกรัม, วันละ 2 ครั้ง, เช้า – เย็น, หรือ รับประทานครั้งละ 600 มิลลิกรัม, วันละ 2 ครั้ง, เช้า – เย็น ร่วมกับยา Ritonavir ครั้งละ 100 มิลลิกรัม, วันละ 2 ครั้ง, เช้า – เย็น
- ผู้ที่อายุ 13-16ปี: รับประทานครั้งละ 1,200 มิลลิกรัม, วันละ 2 ครั้ง, เช้า-เย็น
- เด็กอายุ 4 – 12 ปี ที่น้ำหนักตัวน้อยกว่า 50 กิโลกรัม : รับประทานครั้งละ 20 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม, วันละ 2 ครั้ง, เช้า – เย็น, หรือรับประทานครั้งละ 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 3 ครั้ง, เช้า – กลางวัน – เย็น, ขนาดรับประทานสูงสุดไม่เกิน 2,400 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 4-12 ปี ที่น้ำหนักตัวตั้งแต่ 50 กิโลกรัมขึ้นไป: รับประทานครั้งละ 1,200 มิลลิกรัม, วันละ 2 ครั้ง, เช้า-เย็น
ข. กรณีใช้ยาน้ำ: เช่น
- ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 16 ปีขึ้นไป: ให้รับประทานครั้งละ 17 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน, วันละ 3 ครั้ง, เช้า – กลางวัน – เย็น, ขนาดรับประทานสูงสุดไม่เกิน 2,800 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 4 – 12 ปี ที่น้ำหนักตัวน้อยกว่า 50 กิโลกรัม : รับประทานครั้งละ 22.5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม, วันละ 2 ครั้ง, เช้า – เย็น, หรือรับประทานครั้งละ 17 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม, วันละ 3 ครั้ง, เช้า – กลางวัน – เย็น, ขนาดรับประทานสูงสุดไม่เกิน 2,800 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กอายุ 4-12ปี ที่น้ำหนักตัวตั้งแต่ 50 กิโลกรัมขึ้นไป หรือที่มีอายุ 13 ถึง 16 ปี: รับประทานครั้งละ 1,400 mg, วันละ 2 ครั้ง, เช้า-เย็น
อนึ่ง:
- ยานี้สามารถรับประทาน ก่อน หรือ พร้อม หรือ หลังอาหารก็ได้
- ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 4 ปี
- หากรับประทานยานี้พร้อมอาหาร ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
- ยานี้ชนิดแคปซูลนิ่ม จัดเป็นทางเลือกแรกของผู้ป่วย, หากรับประทานไม่ได้
แพทย์จะเปลี่ยนเป็นยาชนิดน้ำ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ ร่วมกับ Vitamin E, ด้วยในสูตรตำรับมีส่วนประกอบของ Vitamin E อยู่แล้ว
- ห้ามใช้ยานี้กับ สตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ห้ามใช้ยานี้ ร่วมกับยา Metronidazole หรือยา Disulfiram
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาแอมพรีนาเวียร์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง รวมถึงกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาแอมพรีนาเวียร์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
กรณีที่ลืมรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ไม่เกิน 4 ชั่วโมงจากเวลาเดิม ให้รับประทานยานี้ในขนาดปกติทันทีเมื่อนึกขึ้นได้, แต่หากลืมรับประทานยานี้เกิน 4 ชั่วโมงขึ้นไป ให้ข้ามการรับประทานยามื้อนั้น แล้วรับประทานยาในมื้อถัดไปโดยใช้ขนาดรับประทานปกติโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า
อย่างไรก็ดี เพื่อประสิทธิภาพของการรักษา ควรรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ตามคำสั่งแพทย์ และ/หรือ เภสัชกร ตรงเวลา
แอมพรีนาเวียร์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาแอมพรีนาเวียร์สามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย: เช่น
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น มีผื่นคันตามผิวหนัง อาการผื่นคันสามารถหายได้เมื่อหยุดใช้ยานี้ และอาจพบภาวะ Stevens-Johnson syndrome
- ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ระดับไตรกลีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น
- ผลต่อตับ: เช่น ทำให้ระดับเอนไซม์การทำงานของตับในเลือดเพิ่มสูงขึ้น เช่น Transaminase
- ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น ซึมเศร้า อารมณ์เปลี่ยนแปลงไป/อารมณ์แปรปรวน
- ผลต่อระบบเลือด: เช่น เกิดภาวะเม็ดเลือดขาวชนิด Neutrophil ต่ำ, ภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก
มีข้อควรระวังการใช้แอมพรีนาเวียร์อย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาแอมพรีนาเวียร์: เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามปรับขนาดการรับประทานด้วยตนเอง
- ห้ามรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ ร่วมกับยาชนิดอื่น โดยมิได้ขอคำปรึกษาจากแพทย์ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะยาตีกัน (ปฏิกิริยาระหว่างยา)
- ห้ามใช้ยาแอมพรีนาเวียร์ชนิดน้ำในผู้ป่วยโรคตับ ด้วยจะเพิ่มความเสี่ยงที่ร่างกาย จะได้รับผลข้างเคียงจากสาร ‘Propylene glycol’ ซึ่งเป็นส่วนประกอบในยาแอมพรีนาเวียร์ชนิดน้ำ
- ระวังการใช้ยานี้กับ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคตับ โรคไต ผู้ป่วยเบาหวาน
- ระหว่างใช้ยานี้ ระวังภาวะน้ำตาลในเลือด และไขมันในเลือดสูง
- การใช้ยาแอมพรีนาเวียร์ ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวีตัวอื่นๆ ต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
- ต้องใช้ยานี้อย่างต่อเนื่องถึงแม้จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้น และการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ยานี้ต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาแต่เพียงผู้เดียว
- ควรรับประทานยานี้ตรงเวลาในแต่ละวัน
- *หากพบอาการข้างเคียงที่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน ควรรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยไม่ต้องรอถึงวันนัด เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
- มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้ง เพื่อการตรวจร่างกาย การตรวจเลือด เพื่อดูพัฒนาการของผู้ป่วยว่าดีขึ้นหรือไม่
- ปฏิบัติตัวตามคำสั่งแพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ "ยา" ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาแอมพรีนาเวียร์ด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บhaamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งต้อง
ปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
แอมพรีนาเวียร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาแอมพรีนาเวียร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น: เช่น
- ห้ามรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ ร่วมกับยาลดกรด ด้วยจะทำให้การดูดซึมของยาแอมพรีนาเวียร์ลดลง ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพของการรักษาด้อยลงไป
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอมพรีนาเวียร์ ร่วมกับยากันชัก เช่นยา Carbamazepine, Phenobarbital, Phenytoin, ด้วยยาดังกล่าวทำให้ระดับยาแอมพรีนาเวียร์ในกระแสเลือดลดลง ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพของการรักษาด้อยลงไป
- การใช้ยาแอมพรีนาเวียร์ ร่วมกับยาต้านเศร้า เช่นยา Amitriptyline, Imipramine, อาจส่งผลให้ระดับความเข้มข้นของยาต้านเศร้าในกระแสเลือดเพิ่มสูงมากขึ้น จนอาจเกิดผลข้างเคียงสูงขึ้นจากยาต้านเศร้า หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีบุคคลไป
- การใช้ยาแอมพรีนาเวียร์ ร่วมกับยาต้านเชื้อรา เช่นยา Ketoconazole, Itraconazole, อาจส่งผลให้ระดับยาต้านเชื้อราในกระแสเลือดเพิ่มมากขึ้น และเสี่ยงต่อการได้รับผลข้างเคียงจากยาต้านเชื้อราสูงขึ้นตามมา หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- ห้ามรับประทานยาแอมพรีนาเวียร์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสูตรตำรับชนิดยาน้ำ) ร่วมกับสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ด้วยจะเสี่ยงต่อการได้รับผลข้างเคียงของสาร Propylene glycol ที่เป็นองค์ประกอบในสูตรตำรับยาน้ำแอมพรีนาเวียร์สูงขึ้น
ควรเก็บรักษาแอมพรีนาเวียร์อย่างไร?
ควรเก็บยาแอมพรีนาเวียร์: เช่น
- เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส(Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
แอมพรีนาเวียร์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาแอมพรีนาเวียร์มี ยาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Agenerase (อะเจเนอเรส) | Glaxo |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Amprenavir [2022,Oct1]
- https://go.drugbank.com/drugs/DB00701 [2022,Oct1]
- https://www.drugs.com/cdi/amprenavir.html [2022,Oct1]
- https://hivdb.stanford.edu/pages/linksPages/APV_PI.pdf [2022,Oct1]