เมทิลเออร์โกโนวีน (Methylergonovine)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 29 พฤษภาคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- เมทิลเออร์โกโนวีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- เมทิลเออร์โกโนวีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- เมทิลเออร์โกโนวีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- เมทิลเออร์โกโนวีนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- เมทิลเออร์โกโนวีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้เมทิลเออร์โกโนวีนอย่างไร?
- เมทิลเออร์โกโนวีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาเมทิลเออร์โกโนวีนอย่างไร?
- เมทิลเออร์โกโนวีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- เออร์กอต (Ergot)
- เออร์โกโนวีน (Ergonovine)
- ไมเกรน (Migraine)
- ตกเลือดหลังคลอด (Postpartum hemorrhage)
- ยาต้านไวรัสพีไอ (PIs: Protease inhibitors)
บทนำ: คือยาอะไร?
เมทิลเออร์โกโนวีน (Methylergonovine) หรือในชื่ออื่น เช่น Methyergometrine หรือ Methylergobasin หรือ Methergine คือ ตัวยาที่นักวิทยาศาสตร์สังเคราะห์ขึ้นโดยมีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับยา Ergonovine ประโยชน์ทางคลินิกของยาเมทิลเออร์โกโนวีนที่นำไปใช้ได้แก่ เป็นยาลดการเสียเลือดจากโพรงมดลูกหลังการคลอดบุตรจากช่วยให้มดลูกหดบีบตัว นอกจากนี้ฤทธิ์ของยาเมทิลเออร์โกโนวีนที่ทำให้มดลูกหดตัวยังช่วยขับรกออกจากโพรงมดลูกอีกด้วย บางกรณีก็ถูกนำไป ใช้เป็นยาป้องกันหรือใช้บำบัดอาการปวดศีรษะไมเกรน
ยาเมทิลเออร์โกโนวีนมีข้อห้ามใช้กับสตรีตั้งครรภ์ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง รวมถึงผู้ป่วยโรคเอดส์ที่มีการใช้ยาต้านไวรัส Delavirdine และ Efavirenz อยู่ก่อน และมียาอีกหลายตัวที่สามารถเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาเมทิลเออร์โกโนวีน เช่นยา Itraconazole, Ketoconazole, Voriconazole, Beta-blockers, Clotrimazole, Cobicistat, Fluoxetine, Fluvoxamine, Ketolide antibiotics, Nefazodone, Macrolide antibiotics, Protease inhibitors, Rtranscriptase inhibitors และTriptans
ทั้งนี้ยังมีสภาวะสุ่มเสี่ยงอีกบางประการที่แพทย์จะต้องนำมาประกอบการพิจารณาก่อนที่จะสั่งจ่ายยาเมทิลเออร์โกโนวีนให้กับผู้ป่วย เช่น
- เป็นผู้ที่มีประวัติมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด(ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ)หรือไม่ หรือมีประวัติหลอดเลือดสมองตีบ หรือป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่ก่อนแล้ว
- เป็นผู้ที่ติดบุหรี่หรือสูบบุหรี่จัด หรือมีน้ำหนักตัวสูง/โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน หรือมีโรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง หรือไม่
- ผู้ป่วยมีการรับประทานยารักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือรับประทานยาประเภท เออร์กอต (Ergot medicine) อยู่ก่อนแล้วหรือไม่
- หากเป็นผู้ป่วยที่อายุน้อยหรือเด็ก (นิยามคำว่าเด็ก)แพทย์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไปด้วยยังไม่มีการจัดทำมาตรฐานการใช้ยานี้กับผู้ป่วยเด็ก
อนึ่งอาการข้างเคียง (ผลข้างเคียง) ที่อาจพบได้หลังที่ใช้ยาเมทิลเออร์โกโนวีน เช่น ปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น
รูปแบบของยาแผนปัจจุบันของยาเมทิลเออร์โกโนวีนจะมีทั้งยารับประทานและยาฉีด ระยะเวลาของการออกฤทธิ์สำหรับยารับประทานอยู่ที่ประมาณ 5 - 15 นาทีหลังรับประทาน ในขณะที่ยาฉีดมีระยะเวลาของการออกฤทธิ์อยู่ที่ประมาณ 2 - 5 นาที โดยตัวยาสามารถกระจายเข้าไปในเนื้อเยื่อส่วนต่างๆของร่างกายได้เป็นอย่างดีรวมถึงในน้ำนมของมารดา ตับจะคอยทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของยานี้อย่างต่อเนื่องก่อนที่ตัวยาจะถูกขับออกไปกับอุจจาระและปัสสาวะ ซึ่งเราสามารถพบเห็นการใช้ยานี้ได้ทั้งในสถานพยาบาลของรัฐและของเอกชน
เมทิลเออร์โกโนวีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยาเมทิลเออร์โกโนวีนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- รักษาอาการตกเลือดหลังคลอดบุตร
เมทิลเออร์โกโนวีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาเมทิลเออร์โกโนวีนคือ ตัวยาจะออกฤทธิ์โดยทำให้กล้ามเนื้อของมดลูกหดตัว นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆหดแคบตัวลงอีกด้วย จากกลไกดังกล่าวจึงทำให้มีฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ
เมทิลเออร์โกโนวีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาเมทิลเออร์โกโนวีนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาฉีด ขนาด 0.2 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 0.2 มิลลิกรัม/เม็ด
เมทิลเออร์โกโนวีนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาเมทิลเออร์โกโนวีนมีขนาดการบริหารยา/ใช้ยาสำหรับรักษาอาการตกเลือดหลังคลอด เช่น
- ผู้ใหญ่: ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าหลอดเลือดดำขนาด 0.2 มิลลิกรัม หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจฉีดซ้ำอีกครั้งโดยเว้นระยะเวลาห่างจากการฉีดยาเข็มแรกประมาณ 2 - 4 ชั่วโมง หรือรับประทานยานี้ครั้งละ 0.2 มิลลิกรัมวันละ 3 - 4 ครั้งเป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังจากการคลอดบุตร
- เด็ก: แพทย์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไปในผู้ป่วยเด็กด้วยยังไม่มีการจัดทำมาตรฐานการใช้ยานี้กับผู้ป่วยเด็ก
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาเมทิลเออร์โกโนวีน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/ หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเมทิลเออร์โกโนวีนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาเมทิลเออร์โกโนวีน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้ เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า
อย่างไรก็ตามเพื่อประสิทธิผลของการรักษาควรรับประทานยาเมทิลเออร์โกโนวีนให้ตรงเวลา
เมทิลเออร์โกโนวีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาเมทิลเออร์โกโนวีนสามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- ปวดท้อง
- ปวดหัว
- ความดันโลหิตสูง
- บางกรณีอาจพบมีเลือดปนกับปัสสาวะ/ปัสสาวะเป็นเลือด
- สีผิวหนังเปลี่ยนไป
- เจ็บหน้าอก
- อึดอัด/หายใจลำบาก
- กลืนลำบาก
- ชีพจรเต้นเร็ว
- วิงเวียน
- ปวดแขน-กราม-หลัง-ลำคอ ขา-เท้า
- มีอาการบวม
- หัวใจเต้นช้า หรือไม่ก็ หัวใจเต้นเร็ว
- มีผื่นคัน
- เหงื่อออกมาก
*ทั้งนี้อาการข้างเคียงดังกล่าวที่อาการไม่รุนแรงไม่จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา แต่ร่างกายจะค่อยๆปรับตัวจนเข้าสู่สภาวะปกติได้เอง
มีข้อควรระวังการใช้เมทิลเออร์โกโนวีนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเมทิลเออร์โกโนวีน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง สตรีตั้งครรภ์ เด็ก
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเมทิลเออร์โกโนวีนชนิดฉีดเท่าที่ทำได้ ด้วยการใช้ยาชนิดฉีดสามารถกระตุ้นให้มีภาวะความดันโลหิตสูงติดตามมา รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บทางสมองหรือมีอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับสมอง การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำให้กับผู้ป่วยจะต้องใช้ระยะเวลาฉีดยาช้าๆไม่ต่ำกว่า 60 วินาทีขึ้นไปทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดปกติของความดันโลหิตในร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการให้นมบุตรหากมารดาได้รับยาเมทิลเออร์โกโนวีน แต่เมื่อมีความประสงค์ที่จะให้นมของตนเองกับบุตรจะต้องรอประมาณ 12 ชั่วโมงหลังการใช้ยานี้เป็นอย่างต่ำเพื่อให้ร่างกายกำจัดยาเมทิลเออร์โกโนวีนในเลือดออกไปให้มากที่สุด
- ระวังการใช้ยาเมทิลเออร์โกโนวีนกับผู้ที่สูบบุหรี่จัด ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยไขมันในเลือดสูง ด้วยผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้สูง เมื่อร่างกายได้รับยานี้
- ห้ามปรับขนาดการใช้ยา (ชนิดรับประทาน) นี้ด้วยตนเอง
- ห้ามใช้ยาที่มีสภาพชำรุดและเปลี่ยนแปลงสภาพไปจากเดิม
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาเมทิลเออร์โกโนวีนด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
เมทิลเออร์โกโนวีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาเมทิลเออร์โกโนวีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาเมทิลเออร์โกโนวีน ร่วมกับผู้ที่สูบบุหรี่จัดจะเกิดความเสี่ยงของหลอดเลือดตีบทำให้ลดการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย ส่งผลต่อสมองและอวัยวะต่างๆมีเลือดไปเลี้ยงน้อยจนอาจเป็นอันตรายกับอวัยวะดังกล่าว จึงถือเป็นข้อห้ามใช้เมทิลเออร์โกโนวีนกับผู้ที่ติดบุหรี่
- การใช้ยาเมทิลเออร์โกโนวีน ร่วมกับการรับประทานน้ำผลไม้บางประเภท เช่น Grapefruit juice สามารถทำให้ระดับยาเมทิลเออร์โกโนวีนในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นเหตุให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียงต่างๆของยาฯตามมา เพื่อเป็นการป้องกันภาวะดังกล่าวจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานร่วมกัน
- ห้ามรับประทานยาเมทิลเออร์โกโนวีน ร่วมกับยา Clarithromycin ด้วยจะทำให้ระดับยาเมทิลเออร์โกโนวีนในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นเหตุให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ภาวะหัวใจล้มเหลว หรืออวัยวะของร่างกายเกิดการตายและเสื่อมสภาพลง
- การใช้ยาเมทิลเออร์โกโนวีน ร่วมกับยา Pentobarbital อาจทำให้ระดับของยาเมทิลเออร์โกโนวีนในร่างกายลดต่ำลงจนส่งผลต่อการรักษา กรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์อาจต้องปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีบุคคลไป
ควรเก็บรักษาเมทิลเออร์โกโนวีนอย่างไร?
ควรเก็บรักษายาเมทิลเออร์โกโนวีน:
- ยาชนิดรับประทาน ให้เก็บภายในอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
- หากเป็นยาฉีด ให้เก็บที่อุณหภูมิ 2 - 8 องศาเซลเซียส
- ยาทั้ง 2 ชนิด:
- ห้ามเก็บในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
เมทิลเออร์โกโนวีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาเมทิลเออร์โกโนวีน มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Expogin (เอ็กซ์โปกิน) | L.B.S. |
Metrine (เมทรีน) | T P Drug |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Methylergometrine [2022,May28]
- https://www.drugs.com/cons/methylergonovine.html [2022,May28]
- https://www.mims.com/thailand/drug/info/methylergometrine?mtype=generic [2022,May28]
- https://www.drugs.com/drug-interactions/methylergonovine-index.html?filter=3&generic_only= [2022,May28]
- https://www.drugs.com/pro/methylergonovine-maleate-tablets.html [2022,May28]