เปลือกตาอักเสบ หรือหนังตาอักเสบ (Blepharitis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
- 13 มีนาคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- เปลือกตาอักเสบคืออะไร? พบบ่อยไหม?
- เปลือกตาอักเสบมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- เปลือกตาอักเสบมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยเปลือกตาอักเสบได้อย่างไร?
- ดูแลตัวเองเบื้องต้นอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- รักษาเปลือกตาอักเสบอย่างไร?
- เปลือกตาอักเสบมีผลแทรกซ้อนอย่างไร?
- เปลือกตาอักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ป้องกันเปลือกตาอักเสบอย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- โรคตา โรคทางตา (Eye disease)
- การตรวจตา การตรวจสุขภาพตา (Eye examination)
- กายวิภาคและสรีรวิทยาของตา (Anatomy and physiology of the eye)
- แบคทีเรีย: โรคจากแบคทีเรีย (Bacterial infection)
- ต่อมน้ำตามัยโบเบียนทำงานผิดปกติ หรือ โรคเอ็มจีดี (Meibomian gland dysfunction: MGD)
- ตาแห้ง (Dry eye)
- โรคเซบเดิร์ม โรคผิวหนังอักเสบเซบเดิร์ม (Seborrheic dermatitis)
- โรซาเซีย (Rosacea)
เปลือกตาอักเสบคืออะไร?พบบ่อยไหม?
เปลือกตาอักเสบ หรือ หนังตาอักเสบ (Blepharitis หรือ Eyelid inflammation) คือ การอักเสบของผิวหนังบริเวณเปลือกตา/หนังตาและเนื้อเยื่อใกล้เคียงเช่น ขนตา, ต่อมสร้างน้ำตา(Tear film)ที่ขอบเปลือกตาที่เรียกว่า ‘ต่อมไมโบเมียน (Meibomian gland)’ โดยมักจะเกิดเป็น กับตาทั้ง 2 ข้างและเป็นเรื้อรังเป็นๆหายๆ นำมาซึ่งตาแห้ง, ขนตาเกเข้าตา, ตลอดจนผิวกระจกตาอักเสบ
ทั้งนี้อาจแบ่งเปลือกตาอักเสบ/หนังตาอักเสบ ได้เป็น 3 ชนิดได้แก่
- ชนิดที่เกิดจากเปลือกตาติดเชื้อแบคทีเรียชนิด Staphylococcus ที่เรียกการอักเสบนี้ว่า Staphylococcal blepharitis
- Seborrheic blepharitis เป็นการอักเสบของผิวหนังรอบๆต่อมสร้างไขมันที่เปลือกตา
- Posterior blepharitis หรือมักเรียกกันว่า Meibomian gland dysfunction (MGD, ต่อมน้ำ ตาไมโบเมียนทำงานผิดปกติ) ที่เกิดการอักเสบค่อนไปทางด้านหลังของเปลือกตา เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของต่อม Meibomian ที่ปกติสร้างสารที่เรียกว่า ‘Meibum’ ที่ใส สีเหลืองๆ เป็นส่วนประกอบของชั้นไขมันที่อยู่บนสุดของชั้นน้ำตา เมื่อการทำงานของต่อมนี้ผิดปกติ Meibum ที่ออกมาจะข้นมีสีขาวคล้ายแป้งเปียกทำให้ตาแห้งจากการขาดน้ำตาชั้นไขมัน
เปลือกตาอักเสบ/หนังตาอักเสบ เป็นโรคพบบ่อย พบได้ทุกอายุทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้หญิงและผู้ชายพบโรคได้ใกล้เคียงกัน
เปลือกตาอักเสบมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
สาเหตุเปลือกตาอักเสบ/หนังตาอักเสบ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบคนที่มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่
- เป็นโรคภูมิแพ้
- เป็นโรคต่อมน้ำตาไมโบเมียนทำงานผิดปกติ
- มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง
- เป็นโรคเซบเดิร์ม (Seborrheic dermatitis)
- เป็นโรคโรซาเซีย (Rosacea)
- มีเหาที่ขนตา
เปลือกตาอักเสบมีอาการอย่างไร?
อาจแบ่งภาวะเปลือกตาอักเสบ/หนังตาอักเสบออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่
- การอักเสบส่วนหน้า:ได้แก่ การอักเสบของเปลือกตาชนิด Staphylococcal blepharitis และ ชนิด Seborrheic blepharitis
- การอักเสบส่วนหลัง:ได้แก่ การอักเสบที่เรียกกันว่า Meibomian gland dysfunction (MGD) ซึ่งจะไม่กล่าวถึงในบทความนี้ (แนะนำอ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ต่อมน้ำ ตาไมโบเมียนทำงานผิดปกติ)
ทั้งนี้โดยทั่วไปเมื่อพูดถึงเปลือกตาอักเสบ/หนังตาอักเสบ (Blepharitis) มักจะกล่าวถึงเฉพาะการอักเสบส่วนหน้าซึ่งมี 2 ชนิดคือ ชนิด Staphylococcal blepharitis และ ชนิด Seborrheic blepharitis ซึ่งทั้ง 2 ชนิดมีอาการ/อาการแสดงของการอักเสบส่วนใหญ่คล้ายกัน แตกต่างกันแต่เพียงเล็กน้อย
ก. Staphylococcal blepharitis: เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิด Staphylococcus มักพบ ในคนอายุน้อย เชื้อต้นเหตุมักอยู่บริเวณใบหน้า โดยผู้ป่วยจะมีอาการ
- แสบตา เคืองตา
- หนังตา/เปลือกตาแดง
- มีอาการคล้ายมีผงเข้าตา
- อาการมักจะเป็นมากตอนเช้า พอสายหน่อยอาการจะดีขึ้น (ต่างกับโรคตาแห้งที่ตอนเช้ามักไม่มีอาการแต่จะมีอาการตอนบ่ายหรือเย็น)
- เปลือกตาบวม โดยเฉพาะบริเวณขอบหนังตาจะเห็นหลอดเลือดบริเวณนั้นขยายตัว
- มีสะเก็ดรอบๆขนตาเป็นวงๆร่วมกับเยื่อบุตา/เยือตาจะแดง (ตาแดง)
- มักมีขนตาเปลี่ยนเป็นสีขาว มีขนตาร่วงได้มากกว่าเปลือกตาอักเสบชนิด Seborrheic blepharitis
- และบริเวณส่วนผิวหนังของเปลือกตาอาจเป็นแผลถลอกมีเนื้อเยื่อหลุดลอกเป็นแผล(Ulcer) ให้เห็น ในขณะที่การอักเสบชนิด Seborrheic blepharitis ไม่ค่อยพบ
ข. สำหรับ Seborrheic blepharitis: มักพบในคนวัยกลางคน โดย
- ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับ Staphylococcal blephalitis แต่อาการน้อยกว่า
- มักพบในคนใบหน้ามัน
- มีสะเก็ดเป็นเกล็ดมันๆแบบไขมันที่ หนังตา ขนตา ขนคิ้ว
- มักพบในผู้ป่วยโรคเซบเดิร์ม (Seborrheic dermatitis)
อนึ่ง เปลือกตาอักเสบทั้ง 2 ชนิดอาจพบภาวะอักเสบเป็นแผลเล็กๆบริเวณด้านล่างกระจก ตา (Punctate epithelial erosion) แต่พบในชนิด Staphylococcal blepharitis ได้มากกว่า อีกทั้งในชนิด Staphylococcal blepharitis อาจพบการอักเสบที่ขอบกระจกตา (Marginal keratitis)ได้มากกว่าเช่นกัน
ทั้งนี้เปลือกตาอักเสบทั้ง 2 ชนิดเมื่อเป็นนานเข้าจะเกิดภาวะตาแห้งจากขาดน้ำตาชั้น Aqueous ดังนั้นผู้ป่วยบางรายจึงอาจมาพบแพทย์ด้วยอาการของตาแห้งได้
แพทย์วินิจฉัยเปลือกตาอักเสบได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยเปลือกตา/หนังตาอักเสบจากลักษณะทางคลินิก คือ
- อาศัยประวัติอาการเจ็บ ตา ตาแดง แสบตา เปลือกตาบวม คล้ายมีผงอยู่ในตา เป็นมากตอนเช้า พอสายหน่อยอาการดีขึ้น
- ร่วมกับการตรวจตาพบหนังตาบวมแดง
- ในการอักเสบชนิด Staphylococcal blepharitis จะมีสะเก็ดเป็นขุยๆ
- หรือจะมีสะเก็ดเป็นมันในการอักเสบชนิด Seborrheic blepharitis
- และอาจพบ
- เยื่อบุตามีสีแดง (ตาแดง)
- ภาวะตาแห้ง
- ร่วมกับมีการอักเสบ/การเป็นแผลของผิวกระจกตา
ดูแลตัวเองเบื้องต้นอย่างไร?
เมื่อมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’ การดูแลตนเองในเบื้องต้น คือ
- ให้ความสำคัญของการดูแลอนามัยบริเวณเปลือกตา/หนังตาและผิวหนังรอบๆตา ควรล้าง เช็ดบริเวณเปลือกตาให้สะอาดอยู่เสมอ
- ในกรณีที่มีสะเก็ดหรือขุยๆบริเวณโคนขนตา ควรเช็ดออกด้วยน้ำอุ่นสะอาดและทำความสะอาดด้วยแชมพูสำหรับเด็กอ่อนซึ่งระคายต่อผิวหนัง/ต่อตาน้อยที่สุด
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณขอบตา หากจำเป็นต้องใช้ ต้องรีบเช็ดออกทัน ทีหลังเสร็จสิ้นภารกิจ
- ประคบอุ่นบริเวณขอบตา ความอุ่นจะทำให้มีเลือดมาเลี้ยงบริเวณที่อักเสบตลอดจน ละลายไขมันที่เป็นสารตกค้างอยู่ ทำให้ไขมันที่อุดตันไหลออกมาได้โดยง่าย ลดการอักเสบลง
- หยุดใช้เครื่องสำอางที่ตาจนกว่าโรคจะหายดี
*อนึ่ง การทำความสะอาดและการประคบอุ่นตา ควรดูแลวันละประมาณ 2 - 4 ครั้งช่วงมีอาการมาก และลดลงเป็นประมาณวันละ 1 - 2 ครั้งเมื่อมีอาการน้อยหรือเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
หากมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’ หลังให้การดูแลตนเองในเบื้องต้น (ดังกล่าวในหัวข้อ การดูแลตนเอง) แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์/จักษุแพทย์/ไปโรงพยาบาล, แต่ถ้าอาการเป็นมากตั้งแต่แรกหรือมีอาการเลวลงระหว่างการดูแลตนเอง ต้องรีบพบแพทย์/ไปโรง พยาบาลไม่ต้องรอเวลา
ทั้งนี้เมื่อพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลแล้ว ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการต่างๆแย่ลง
- มีอาการทางสายตาเช่น เห็นภาพไม่ชัด
- กังวลในอาการ
รักษาเปลือกตาอักเสบอย่างไร?
แพทย์มีหลักการรักษาเปลือกตาอักเสบ/หนังตาอักเสบ ดังนี้
- รักษาอนามัยเปลือกตา
- เช็ดขอบตาและทำความสะอาดบริเวณเปลือกตา ันที่เป็นสารตกค้างอยู่ทำให้ไหลออกมาได้
- ตามด้วยการป้ายยาปฏิชีวนะชนิดป้ายตาบริเวณเปลือกตากรณีเปลือกตาอักเสบชนิด Staphylococcal blepharitis
- แต่หากเป็นการอักเสบชนิด Seborrheic blepharitis อาจไม่จำเป็นต้องป้ายยาปฏิชีวนะ แต่ควรรักษาผิวหนังรอบๆตาซึ่งมักจะมีภาวะ/โรค Seborrheic dermatitis ร่วมด้วย ร่วมกับการรักษาควบคุมโรค Seborrheic dermatitis
- ถ้ามีการอักเสบมากของเปลือกตา อาจใช้ยาป้ายตาชนิดที่มี Steroid ลดการอักเสบร่วมด้วย
- ให้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานร่วมด้วยในรายที่เป็นการอักเสบชนิด Staphylococcal blepharitis ซึ่งมักจะเป็นเรื้อรัง ยาปฏิชีวนะป้ายตาอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ
- ให้น้ำตาเทียมร่วมด้วยกรณีที่เป็นการอักเสบเรื้อรังแล้วมีอาการตาแห้งร่วมด้วย
- พิจารณายาหยอดตาที่มียาสเตียรอยด์ในรายที่มีอาการของกระจกตาอักเสบร่วมด้วยหรือที่มีการอักเสบที่รุนแรง
- หยุดใช้เครื่องสำอางที่ตาจนกว่าโรคจะหาย
*อนึ่ง การมีสุขภาพอนามัยที่ดีบริเวณเปลือกตา ใบหน้า ตลอดจนสุขภาพร่างกายทีดี ทำให้โรคนี้หายเร็วและไม่กลับเป็นอีก
เปลือกตาอักเสบมีผลแทรกซ้อนอย่างไร?
เปลือกตาอักเสบมีผลแทรกซ้อน/ผลข้างเคียง เช่น
- เปลือกตาอักเสบที่เกิดขึ้นรอบๆขนตาอาจทำให้มีขนตาร่วง ขนตาเก ทำให้ปลายขนตาไปเขี่ยกระจกตาก่อให้เกิดอาการระคายเคืองตา บางรายต้องลงเอยด้วยการผ่าตัดแก้ไขขนตาเก
- เชื่อว่าอาจมีชีวพิษ(Toxin) จากแบคทีเรียที่ก่อโรคพลัดเข้าไปในน้ำตา ก่อให้เกิดแผลอักเสบเล็กๆที่กระจกตา (Superficial punctale keratitis) ที่มักเกิดบริเวณส่วนล่างของกระจกตา ทำให้มีอาการระคายเคืองตามากขึ้น
- โดยเฉพาะเปลือกตาอักเสบชนิด Staphylococcal blepharitis อาจทำให้เกิดการอักเสบบริเวณรอบนอกของกระจกตา (Marginal keratitis)
- มีบางรายอาจมีหลอดเลือดจากการอักเสบเกิดล้ำเข้าไปในกระจกตา (Pannus) ทำให้ตาแดงบ่อยๆ อีกทั้งตัว Pannus จะทำให้กระจกตาเป็นฝ้าขาว
- เกิดภาวะตาแห้งตามมาโดยเกิดจากน้ำตาขาดชั้นที่เรียว่า Aqueous ทำให้แสบตาเคืองตาเรื้อรัง
เปลือกตาอักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
เปลือกตาอักเสบมีการพยากรณ์โรคที่ดี สามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็กลับเป็นซ้ำได้ถ้าไม่ รักษาความสะอาดของเปลือกตาและใบหน้า และ/หรือไม่สามารถควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้ได้ดี
ป้องกันเปลือกตาอักเสบอย่างไร?
ป้องกันเปลือกตาอักเสบได้โดย
- รักษาความสะอาดเปลือกตา, ผิวหนังรอบตา, และที่ใบหน้า, โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้เครื่องสำอางที่ควรต้องล้างออกให้สะอาดก่อนเข้านอนทุกครั้ง
- รักษาควบคุมโรคต่างๆที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดเปลือกตาอักเสบ/หนังตาอักเสบ (ดังกล่าวในหัวข้อ สาเหตุ /ปัจจัยเสี่ยง) ให้ได้ดี
บรรณานุกรม
- https://eyewiki.aao.org/Blepharitis [2022,March12]
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/blepharitis/diagnosis-treatment/drc-20370148 [2022,March12]
- https://medlineplus.gov/ency/article/001619.htm [2022,March12]