อะซีบูโทลอล (Acebutolol)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ: คือยาอะไร?

อะซีบูโทลอล (Acebutolol) คือ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง และ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเป็นยาในกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta blocker), รูปแบบของยาแผนปัจจุบันของยานี้จะเป็นยาชนิดรับประทานและยาฉีด

เมื่อตัวยาเข้าสู่กระแสเลือด ตับจะคอยทำลายและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยาที่ผ่านตับและถูกเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีแล้วร่างกายจะต้องใช้เวลาประมาณ 8 - 13 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้ออกได้ 50% โดยผ่านทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ

การใช้ยาอะซีบูโทลอลจะต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น ด้วยมีข้อห้ามใช้, ข้อควรระวัง, อายุผู้ป่วย, โรคประจำตัว, ฯลฯ มาเป็นองค์ประกอบเพื่อพิจารณาการใช้ยาที่ปลอดภัยและเหมาะสม

อะซีบูโทลอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?

อะซีบูโทลอล-01

ยาอะซีบูโทลอลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น

  • รักษาโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
  • รักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Ventricular arrhythmia)

อะซีบูโทลอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาอะซีบูโทลอลคือ ตัวยาจะเข้าไปยับยั้งกระบวนการทางเคมีที่บริเวณหัวใจ โดยยาจะเข้าจับกับตัวรับ(Receptor)ที่มีชื่อว่า Beta-adrenoreceptor (ตัวรับที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด) จึงส่งผลลดอัตราการเต้น ลดการบีบตัว รวมถึงลดปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ จากกลไกเหล่านี้จึงทำให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ

อะซีบูโทลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาอะซีบูโทลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:

  • ยาแคปซูลชนิดรับประทาน ขนาด 200 และ 400 มิลลิกรัม/แคปซูล
  • ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 100, 200 และ 400 มิลลิกรัม/เม็ด

อะซีบูโทลอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?

ยาอะซีบูโทลอลมีขนาดรับประทาน เช่น

  • ก. สำหรับรักษาความดันโลหิตสูง: เช่น
    • ผู้ใหญ่: เช่น รับประทาน 400 มิลลิกรัมวันละครั้ง หรือรับประทาน 200 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งเช้า - เย็น แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานเป็น 800 - 1200 มิลลิกรัม/วัน ทั้งนี้ขึ้นกับการตอบสนองของผู้ป่วย โดยการใช้ยานี้จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
  • ข.สำหรับรักษาอาการหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ: เช่น
    • ผู้ใหญ่: เช่น รับประทาน 400 มิลลิกรัมวันละครั้ง หรือรับประทาน 200 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานตามการตอบสนองของคนไข้ โดยเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 600 – 1,200 มิลลิกรัม โดยการใช้ยานี้จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น

อนึ่ง:

  • เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก): การศึกษาด้านความปลอดภัยของการใช้ยานี้ในเด็กยังไม่แน่ชัด ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็ก จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
  • กรณีจะหยุดใช้ยานี้จำเป็นต้องๆค่อยๆปรับลดขนาด ห้ามหยุดใช้ยาทันที่เพราะอาจก่อให้เกิดอาการจากการถอนยาได้ โดยแพทย์จะเป็นผู้แจ้งให้ปรับขนาดรับประทานลดลง ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จนหยุดใช้ยา

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาอะซีบูโทลอล ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาอะซีบูโทลอลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาอะซีบูโทลอล สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับ การรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

อะซีบูโทลอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาอะซีบูโทลอลสามารถก่อให้เกิดผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น

  • เจ็บหน้าอก
  • ตัวบวม
  • วิตกกังวล
  • ซึมเศร้า
  • วิงเวียน
  • อ่อนแรง
  • ปวดหัว
  • ฝันร้าย
  • นอนไม่หลับ
  • มีผื่นคัน
  • ท้องผูกหรือไม่ก็ท้องเสีย
  • ท้องอืด
  • อาหารไม่ย่อย
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • ไอ
  • เยื่อจมูกอักเสบ
  • ตาพร่า

*อนึ่ง: สำหรับผู้ที่ได้รับยานี้เกินขนาดสามารถพบอาการ ดังนี้เช่น หัวใจเต้นช้าลงหรืออาจถึงขั้นหัวใจหยุดเต้น ความดันโลหิตต่ำ ภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง มีอาการชัก เกิดอาการหายใจลำบาก มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งหากพบอาการดังกล่าวหลังการใช้ยานี้ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน ซึ่งการปฐมพยาบาลแพทย์สามารถใช้วิธีล้างท้องหรือกระตุ้นให้อาเจียน, ใช้ยา Atropine ในการแก้ไขเรื่องหัวใจเต้นช้า และอาจใช้ยา Epinephrine หรือยา Norepinephrine หรือยา Dopamine ช่วยกระตุ้นให้ความดันโลหิตกลับมาเป็นปกติ หากผู้ป่วยมีอาการโรคหืด/หายใจลำบาก แพทย์อาจใช้ยา Aminophylline ฉีดให้คนไข้ร่วมด้วย

มีข้อควรระวังการใช้อะซีบูโทลอลอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาอะซีบูโทลอล เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นช้ามาก ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว ผู้ป่วยโรคหืด
  • หลีกเลี่ยงและระวังการใช้ยากับสตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร ด้วยยาอะซีบูโทลอลสามารถซึมผ่านรกและน้ำนมของมารดา และยานี้ส่งผลต่อการเจริญเติบโต อีกทั้งลดความดันและอัตราการเต้นของหัวใจของทารกได้
  • การใช้ยานี้กับเด็กยังมิได้มีการศึกษาและจัดทำข้อมูลทางคลินิกที่ชัดเจน ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็กจึงต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้สูงอายุ
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาอะซีบูโทลอลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

อะซีบูโทลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาอะซีบูโทลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • การใช้ยาอะซีบูโทลอล ร่วมกับยารักษาโรคหืด เช่นยา Theophylline จะทำให้ฤทธิ์ในการรักษาของยาอะซีบูโทลอลด้อยประสิทธิภาพลงไป หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีๆไป
  • การใช้ยาอะซีบูโทลอล ร่วมกับยา Diltiazem อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงของยาอะซีบูโทลอลมีความรุนแรงมากขึ้น สามารถพบอาการแน่นหน้าอก/หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ปวดหัว เป็นลม ชีพจรเต้นช้าลงและผิดจังหวะ การใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานอย่างเหมาะสมเป็นกรณีไป
  • ห้ามรับประทานยาอะซีบูโทลอล ร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบด้วยจะส่งผลให้เกิดความดันโลหิตต่ำ มีอาการปวดหัว วิงเวียน และเป็นลม
  • การใช้ยาอะซีบูโทลอล ร่วมกับยาแก้ปวด เช่นยา Ibuprofen สามารถทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้ การจะใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานเป็นรายบุคคลไป

ควรเก็บรักษาอะซีบูโทลอลอย่างไร?

ควรเก็บรักษาออฟลอกซาซิน เช่น

  • เก็บยาในช่วงอุณหภูมิ 20 - 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
  • ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
  • เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

อะซีบูโทลอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาอะซีบูโทลอล มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น

ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
ACB (เอซีบี) Pacific Pharm
Apo-Acebutolol (อาโป-อะซีบูโทลอล) Apotex

Acebutolol Hydrochloride Capsule (อะซีบูโทลอล ไฮโดรคลอไรด์ แคปซูล)

Mylan Pharmaceuticals Inc
Sectral (เซกทรัล) Sanofi-Aventis

 

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Acebutolol  [2022,July9]
  2. https://www.drugs.com/mtm/acebutolol.html  [2022,July9]
  3. https://www.mims.com/thailand/drug/info/acebutolol?mtype=generic  [2022,July9]
  4. https://www.drugs.com/drug-interactions/acebutolol-index.html?filter=3&generic_only  [2022,July9]