ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 24 กุมภาพันธ์ 2562
- Tweet
- บทนำ
- โรคความดันโลหิตสูงเกิดได้อย่างไร?
- อะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง?
- โรคความดันโลหิตสูงมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างไร?
- รักษาโรคความดันโลหิตสูงอย่างไร?
- โรคความดันโลหิตสูงรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?พบแพทย์ก่อนนัด/ฉุกเฉินเมื่อไหร่?
- ป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
- โรคหลอดเลือด โรคเส้นเลือด (Blood vessel disease)
- โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- โรคหัวใจ: หัวใจวายจากโรคหลอดเลือดหัวใจ (Heart disease: Heart failure from coronary artery disease)
- โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep apnea)
- โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
- เบาหวาน (Diabetes mellitus)
- ยาลดความดัน ยาลดความดันเลือดสูง ยาลดความดันโลหิตสูง (Antihypertensive drug)
- ความดันโลหิตสูงวิกฤติ (Hypertensive crisis)
บทนำ
โรคความดันโลหิตสูง คือ ภาวะมีความดันโลหิตที่วัดได้สูงตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตร ปรอท(mmHg) ขึ้นไป ทั้งนี้ความดันโลหิตปกติ คือ 90-119/60-79 มม.ปรอท
โรคความดันโลหิตสูง หรือแพทย์บางท่านเรียกว่า ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension ย่อว่า HT หรือ HTN, หรือ High blood pressure ย่อว่า HBP) เป็นโรคพบ บ่อยมากอีกโรคหนึ่งในผู้ใหญ่ พบสูงถึงประมาณ 25% ของประชากรโลกที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งหมด โดยพบในผู้ชายมากกว่าในผู้หญิง และพบได้สูงขึ้นในผู้สูงอายุ ในบางประเทศ เช่นในยุโรป พบโรคนี้ได้สูงถึง 30-45% ส่วนในเด็กพบโรคนี้ได้เช่นกัน แต่พบได้น้อยกว่าในผู้ใหญ่มาก
โรคความดันโลหิตสูง แบ่งตามสาเหตุได้เป็น 2 ชนิด/กลุ่ม คือ
- ชนิดไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด (Essential hypertension หรือ Primary hypertension) ซึ่งพบได้สูงประมาณ 90-95%ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงทั้งหมด และ
- ชนิดทราบสาเหตุ (Secondary hypertension) พบได้ประมาณ 5-10% ของโรคนี้
อนึ่ง โดยทั่วไป เมื่อกล่าวถึง “โรคความดันโลหิตสูง” จะหมายถึง “โรคความดันโลหิตสูงชนิดยังไม่ทราบสาเหตุ” ซึ่งรวมถึงในบทความนี้ด้วย
โรคความดันโลหิตสูงเกิดได้อย่างไร?
โรคความดันโลหิตสูงเกิดได้จาก
ก. โรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ: เชื่อว่า น่าเกิดจากหลายๆปัจจัยร่วมกัน ที่สำคัญ คือ อิทธิพลของเอนไซม์ (Enzyme, สารเคมีที่มีหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่างๆ) ที่เรียกว่า เรนิน (Renin) และฮอร์โมนแองจิโอเท็นซิน ( Angiotensin)จากไต ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้จะทำงานร่วมกับต่อมหมวกไต และกับต่อมใต้สมองในการควบคุม น้ำ, เกลือแร่โซเดียม, และการบีบตัวของหลอดเลือด ในร่างกาย ทั้งหมดเพื่อการควบคุมความดันโลหิต ซึ่งเรียกว่า กระบวนการนี้ว่า ‘Renin-Angiotensin system’
นอกจากนั้น กลไกการเกิดโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ ยังขึ้นกับ
- พันธุกรรม: เพราะพบโรคได้สูงขึ้นในคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้
- เชื้อชาติ: เพราะพบโรคได้สูงในคนอเมริกันผิวดำ เมื่อเปรียบเทียบกับคนอเมริกันผิวขาว และชาวแมกซิกันอเมริกัน
- การกินอาหารเค็ม/อาหารมีแกลือโซเดียมสูง: เพราะเกลือโซเดียม หรือ เกลือทะเลเป็นตัวอุ้มน้ำในเลือด จึงช่วยเพิ่มปริมาตรของเลือดที่ไหลเวียน จึงส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และ
- กระบวนการของร่างกายที่ส่งผลต่อสมดุลและการทำงานของเกลือแร่แคลเซียมในเลือด
ข. โรคความดันโลหิตสูงชนิดรู้สาเหตุ: มักเกิดจากโรคต่างๆที่ส่งผลต่อหลอดเลือด, ต่อหัวใจ, และต่อสมดุลของ ฮอร์โมน และ/หรือเกลือแร่ในร่างกาย ที่พบบ่อย เช่น
- จากโรคไตเรื้อรัง
- จากโรคหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงไต เช่น หลอดเลือดอักเสบ หรือ ตีบ
- จากการติดสุรา
- จากมีฮอร์โมนบางชนิดในร่างกายผิดปกติ เช่น
- จากเนื้องอกบางชนิดของต่อมหมวกไต /ฟีโอโครโมไซโตมา(Pheochromocytoma)
- จากเนื้องอกต่อมใต้สมอง
อะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง?
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง ได้แก่
- พันธุกรรม: โอกาสมีความดันโลหิตสูง จะสูงขึ้นเมื่อมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้
- โรคเบาหวาน: เพราะก่อให้เกิด การอักเสบที่ต่อเนื่องเป็นการตีบแคบของหลอดเลือดต่างๆ รวมทั้งของไต
- โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน: เพราะเป็นสาเหตุสำคัญของ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดต่างๆตีบจากภาวะไขมันเกาะผนังหลอดเลือด(โรคหลอดเลือดแดงแข็ง)
- โรคไตเรื้อรัง: เพราะจะส่งผลถึงการสร้างเอนไซม์ และฮอร์โมนที่ควบคุมความดันโลหิตดังกล่าวแล้ว
- โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ (Sleep apnea)
- สูบบุหรี่: เพราะสารพิษในควันบุหรี่ส่งผลให้เกิด การอักเสบ ตีบตัน ของหลอดเลือดต่างๆ รวมทั้งหลอดเลือดไต และหลอดเลือดหัวใจ
- การติดสุรา: ซึ่งยังไม่ทราบชัดเจนถึงกลไกว่าทำไมดื่มสุราแล้วจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดความดันโลหิตสูง แต่การศึกษาต่างๆให้ผลตรงกันว่า คนที่ติดสุรา จะส่งผลให้หัวใจเต้นแรงกว่าปกติ และมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูง ประมาณ 50%ของผู้ติดสุราทั้งหมด
- กินอาหารเค็มสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ดังเหตุผลได้กล่าวแล้ว
- ขาดการออกกำลังกาย เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอ้วน และโรคเบาหวาน
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาในกลุ่มสเตียรอยด์
โรคความดันโลหิตสูงมีอาการอย่างไร?
ความสำคัญของโรคความดันโลหิตสูงคือ เป็นโรคที่มักไม่มีอาการ และจากการที่เป็นโรคเรื้อรังที่รุนแรงถ้าไม่สามารถควบคุมโรคได้ แต่มักไม่มีอาการ แพทย์บางท่านจึงเรียกโรคความดันโลหิตสูงว่า “เพชฌฆาตเงียบ (Silent killer)”
ทั้งนี้ ถ้ามีอาการ ส่วนใหญ่ของอาการจากโรคความดันโลหิตสูง ได้แก่
- เป็นอาการจากผลข้างเคียงของโรคเอง เช่น จากโรคหัวใจ และจากโรคหลอดเลือดในสมอง หรือ เป็นอาการจากโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น อาการจากโรคเบาหวาน หรือ จากโรคอ้วน (แนะนำอ่านรายละเอียดแต่ละโรคที่เป็นผลข้างเคียง ได้ในเว็บ haamor.com) หรือ
- เป็นอาการจากโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น โรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง (อาการ เช่นปวดศีรษะ และตาเห็นภาพไม่ชัด) แนะนำอ่านรายละเอียดแต่ละโรคสาเหตุได้ในเว็บ haamor.com)
- อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการจากตัวความดันโลหิตสูงเองได้ โดยอาการที่อาจพบได้ เช่น
- ปวดศีรษะ ต่อเนื่อง
- มึนงง
- วิงเวียน
- สับสน และ
- เมื่อมีอาการมาก อาจโคม่า และเสียชีวิต ได้
แพทย์วินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูง ได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ ประวัติเจ็บป่วยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ประวัติกิน/ใช้ยา ประวัติการเคยตรวจวัดความดันโลหิต
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจวัดสัญญาณชีพ
- การตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุ หรือหาปัจจัยเสี่ยง หรือหาผลข้างเคียงจากโรค และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- การตรวจเลือดดูค่าน้ำตาลในเลือด(เบาหวาน) และดูการทำงานของไต
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ดูการทำงานของหัวใจ หรือ
- ตรวจภาพอวัยวะที่สงสัยเป็นสาเหตุ เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ภาพต่อมใต้สมอง
รักษาโรคความดันโลหิตสูงอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูง คือ การให้ยาลดความดันโลหิตสูง, การรักษาควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงและเป็นสาเหตุ, การรักษาและป้องกันผลข้างเคียงจากโรคความดันโลหิตสูง, การรักษาประคับประคองตามอาการ, และการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
ก. การให้ยาลดความดันโลหิตสูง: ซึ่งมีหลากหลายชนิด ทั้งชนิดกินและชนิดฉีด ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ เช่นยา Atenolol, Amlodipine, ยาขับปัสสาวะ
ข. การรักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง: เช่น รักษาโรคเบาหวาน, การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น รักษาโรคไตเรื้อรัง หรือ รักษาโรคเนื้องอกต่อมใต้สมอง
ค. การรักษาผลข้างเคียงจากโรคความดันโลหิตสูง: เช่น การรักษาโรคไตเรื้อรัง (โรคไตเป็นได้ทั้งสาเหตุ และผลข้างเคียงจากโรคความดันโลหิตสูง)
ง. การรักษาประคบประคองตามอาการ : เช่น การใช้
- ยาคลายเครียด กรณีมีความเครียดสูง
- ยานอนหลับ กรณีนอนไม่หลับเรื้อรัง
จ. การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน: ที่สำคัญ คือ
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ ที่ประกอบด้วย
- จำกัดปริมาณอาหารไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
- จำกัดแป้งและน้ำตาล เพื่อป้องกัน/ควบคุมโรคเบาหวาน
- จำกัดอาหารไขมัน เพื่อป้องกัน/ควบคุมโรคไขมันในเลือดสูง
- จำกัดอาหารเค็ม/เกลือโซเดียม เพื่อลดความดันโลหิตโดยตรง
- ไม่สูบบุหรี่ เลิกบุหรี่
- ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เลิกดื่มสุรา
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุชภาพ หรือ ตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
- รักษา สุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต/ไม่เครียด
- นอนหลับ พักผ่อน ให้เพียงพอ แนะนำอ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘สุขลักษณะการนอน’
โรคความดันโลหิตสูงรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?
โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรัง ซึ่งหมายถึงเป็นโรคที่รักษาให้หายยาก(จัดอยู่ในโรคเอนซีดี/NCD) แต่สามารถรักษาควบคุมได้เสมอเมื่อ
- รักษาควบคุมอาการตั้งแต่แรก
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ และ
- กินยาตามแพทย์สั่งอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ขาดยา
แต่ถ้า ดูแล รักษา ควบคุมโรคฯได้ไม่ดี ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมักรุนแรงที่ส่งผลถึงความพิการและอาจเสียชีวิตได้ เช่น
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคไตเรื้อรัง
- นอกจากนั้นคือ
- โรคหลอดเลือดของ จอตา และของประสาทตา ซึ่งอาจส่งผลให้ตาบอดได้
ระดับความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูง:
โรคความดันโลหิตสูง แบ่งตามความรุนแรงของโรค (ตามระดับความดันโลหิต) จากรุนแรงน้อยไปหามาก ได้ดังนี้
ก. ความดันโลหิตในผู้มีแนวโน้มจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง(Prehypertension): คือ 120-129/ 80มม.ปรอท (แนวทางการรักษา คือการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งนี้แพทย์มักยังไม่ให้ยาลดความดันโลหิตสูง)
ข. โรคความดันโลหิตสูงระยะ 1: คือ ความดันโลหิตสูงอยู่ในช่วง 130-139/80-89 มม.ปรอท
ค. โรคความดันโลหิตสูงระยะ 2: คือ ความดันโลหิตสูงตั้งแต่ 140/90 มม.ปรอทขึ้นไป
ง. ความดันโลหิตสูงวิกฤติ (Hypertensive crisis): ความดันโลหิตสูงตั้งแต่ 180/120 มม.ปรอทขึ้นไป
*อนึ่ง:
- ระดับความดันโลหิตสูงที่ต้องพบแพทย์ใน 24 ชั่วโมง: คือ ความดันโลหิตสูงตั้งแต่ 180/110 มม.ปรอทขึ้นไป เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตโดยอาจจาก โรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, ไตล้มเหลว
- โรคความดันโลหิตสูงที่ต้องพบแพทย์ฉุกเฉิน/ทันที: คือ ความดันโลหิตสูงตั้งแต่ 220/140 มม.ปรอทขึ้นไป เพราะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้จากการทำงานล้มเหลวของอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น หัวใจ สมอง และไต
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?พบแพทย์ก่อนนัด/ฉุกเฉินเมื่อไหร่?
การดูแลตนเอง การพบแพทย์เมื่อเป็นโรคความดันโลหิตสูงที่สำคัญ เช่น
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำอย่างเคร่งครัด ถูกต้อง
- กินยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยา
- จำกัดอาหาร แป้ง น้ำตาล ไขมัน และอาหารเค็ม
- จำกัดปริมาณอาหารไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
- ออกกำลังกายตามสุขภาพสม่ำเสมอทุกวัน
- รักษาสุขภาพจิต ไม่เครียด เข้าใจและยอมรับชีวิต
- เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
- เลิกสุรา
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนแพทย์นัด เช่น
- มีอาการผิดปกติไปจากเดิม หรือ
- เมื่ออาการต่างๆเลวลง หรือ
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น วิงเวียนศีรษะ เป็นลมบ่อย
- เมื่อกังวลในอาการ
- *รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง หรือ ฉุกเฉิน ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ เช่น
- ปวดศีรษะรุนแรง
- เหนื่อยมากกว่าปกติมาก เท้าบวมมาก และไม่ยุบบวมเอง (อาการของโรคหัวใจล้มเหลว)
- เจ็บแน่นหน้าอก ใจสั่น เหงื่อออกมาก จะเป็นลม (อาการจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งต้องพบแพทย์ฉุกเฉิน)
- แขน ขา อ่อนแรง พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว คลื่นไส้ อาเจียน (อาการจากโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งต้องพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลฉุกเฉิน)
ป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้อย่างไร?
การป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ที่สำคัญ คือ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดย
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบทุกวัน ในปริมาณที่เหมาะสม กล่าวคือ ไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน และจำกัดอาหาร ไขมัน แป้ง น้ำตาล และอาหารเค็ม เพิ่มผัก และผลไม้ชนิดไม่หวานให้มากๆ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน ตามสุขภาพ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- รักษาสุขภาพจิต
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่ม/จำกัดสุรา/เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพประจำปี (การตรวจสุขภาพ) ซึ่งรวมถึงตรวจวัดความดันโลหิต เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 18-20 ปี หลังจากนั้นตรวจสุขภาพบ่อยตาม แพทย์ พยาบาลแนะนำ
บรรณานุกรม
- Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, L., Hauser, S., Longo, D., and Jameson, J. (2001). Harrison’s principles of internal medicine (15th ed.). New York: McGraw-Hill.
- Messerli, F. (2007). Essential hypertension. Lancet. 370, 591,603.
- Slama, M. et al (2002). Prevention of hypertension. Curr Opin Cardiol. 17. 531-536.
- https://en.wikipedia.org/wiki/Hypertension [2019,Feb2]
- https://emedicine.medscape.com/article/241381-overview#showall [2019,Feb2]
- https://www.acc.org/latest-in-cardiology/articles/2017/11/08/11/47/mon-5pm-bp-guideline-aha-2017 [2019,Feb2]