โรคสมองขาดเลือดมาเลี้ยงชั่วคราว หรือ โรคทีไอเอ (TIA: Transient Ischemic Attack)
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 18 มีนาคม 2566
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ
- โรคทีไอเอคืออะไร?
- อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดโรคทีไอเอ?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดสมองขาดเลือดชั่วคราว?
- อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจากทีไอเออะไรบ้าง?
- โรคทีไอเอ มีอันตรายหรือไม่?
- ถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรทำอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยได้อย่างไรว่าเป็นโรคทีไอเอ?
- มีวิธีรักษาโรคทีไอเออย่างไร?
- ผู้ป่วยโรคทีไอเอคนไหนที่มีโอกาสเป็นโรคอัมพาต?
- หลังจากไปพบแพทย์แล้วก็ปกติดี ควรดูแลสุขภาพอย่างไร?
- ต้องรับประทานยาต้านเกล็ดเลือดหรือไม่?
- ป้องกันโรคทีไอเอได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- สมองขาดเลือด (Cerebral ischemia)
- โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
- ยาสลายลิ่มเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด (Fibrinolytic drugs or Thrombolytic drugs)
- ยาต้านเกล็ดเลือด (Antiplatelet drug)
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
- โรคอ้วน และ น้ำหนักตัวเกิน (Obesity and overweight)
- ยาแอสไพริน (Aspirin)
- โคลพิโดเกรล (Clopidogrel) หรือ พลาวิกซ์ (Plavix)
บทนำ
สมองขาดเลือดมาเลี้ยงชั่วคราว/สมองขาดเลือดชั่วคราว ย่อว่า โรคทีไอเอ (TIA: Transient ischemic attack) หรือคนทั่วไปเรียก ‘โรคอัมพฤกษ์’ คือ โรคที่ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทางสมองแล้วหายเองได้, ซึ่งเป็นอาการ ไม่ใช่โรค, ปัจจุบันถือ ‘เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือด หรือโรคอัมพาต’
บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรค TIA เพราะคนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ TIA หลายประเด็น ส่งผลต่อการรักษาและอาจก่อให้เกิดความพิการหรือแม้กระทั่งถึงแก่ความตายตามมาได้
TIA คือโรคอะไร?
โรค TIA/ทีไอเอ หรือ โรคอัมพฤกษ์ คือ โรคที่เกิดจากสมองสูญเสียหน้าที่ชั่วคราว โดยเกือบทั้งหมดเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอเพียงชั่วคราว, มีส่วนน้อยมากที่เกิดจากหลอดเลือดสมองแตก, ซึ่งอาการส่วนใหญ่จะผิดปกตินานประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง โดยทุกคนจะหายเป็นปกติภายในระยะเวลาประมาณ 24 ชั่วโม
อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดโรค TIA?
สาเหตุของโรคทีไอเอ คือ เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอเป็นการชั่วคราว โดยมักเกิดจากหลอดเลือดสมองที่แข็งตัว หรือตีบแคบ (โรคหลอดเลือดแดงแข็ง), ร่วมกับมีการไหลเวียนของเลือดที่ลดลงชั่วคราว, และ/หรือเกิดจากมีลิ่มเลือดขนาดเล็กจากหัวใจ หลุดมาอุดหลอดเลือดในสมอง, ส่วนน้อยมากๆที่เกิดจากหลอดเลือดขนาดเล็กในสมองแตก
ใครมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดสมองขาดเลือดชั่วคราว?
ปัจจัยเสี่ยงของโรคทีไอเอ คือ ปัจจัยเสี่ยงเดียวกับการเกิดโรคอัมพาต, ทั่วไปได้แก่
- โรคเบาหวาน
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคไขมันในเลือดสูง
- โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
- ผู้ที่สูบบุหรี่
- คนที่ไม่ออกกำลังกาย
อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจาก TIA มีอะไรบ้าง?
อาการผิดปกติที่พบจากโรคทีไอเอ ก็เหมือนอาการของโรคหลอดเลือดสมองทั่วไป ได้แก่
- แขน ขา อ่อนแรง ด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย
- ปากเบี้ยว
- หลับตาไม่สนิท
- พูดไม่ชัด, พูดลำบาก, นึกคำพูดไม่ออก
- วิงเวียนศีรษะ
- เดินเซ
- มองเห็นภาพซ้อน
โรค TIA มีอันตรายหรือไม่?
ถึงแม้ว่าอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นดังได้กล่าวแล้วใน 'หัวข้อ อาการฯ' จะหายได้เอง, แต่เป็นโรคนี้อันตรายอย่างยิ่ง เพราะประมาณ 15%-30% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง/ โรคอัมพาตจะมีอาการโรคทีไอเอ/TIAนำก่อน โดยโรคหลอดเลือดสมองมักเกิดตามภายใน 1 เดือนหลังจากเกิดโรคทีไอเอ/TIA
แพทย์วินิจฉัยได้อย่างไรว่าเป็น TIA?
ด้วยโรคทีไอเอนั้น มีโอกาสเกิดเป็นอัมพาตตามมาได้สูง และที่สำคัญ คือ ในขณะที่มีอาการนั้น เราไม่ทราบว่าจะเป็นโรคทีไอเอ หรือ จะกลายเป็นโรคอัมพาต, การรักษาโรคอัมพาตปัจจุบันนั้นที่เป็นมาตรฐาน คือ ควรต้องรักษาภายใน 270 นาทีหลังเกิดอาการ (หรือที่เรียกว่า นาทีชีวิต หรือ Stroke Fast Track) ซึ่งถ้าผู้ป่วยรอสังเกตอาการ ว่าจะหายหรือไม่หาย ถ้าไม่หายค่อยมาพบแพทย์ก็อาจมาช้าเกินไป, *ดังนั้น ถ้ามีอาการผิดปกติดังกล่าวใน ‘หัวข้อ อาการฯ’ ก็ควรต้องรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
แพทย์วินิจฉัยได้อย่างไรว่าเป็น TIA?
ทั่วไป แพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคทีไอเอ จาก
- ประวัติผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติ
- การตรวจวัดสัญญาณชีพ (ความดันโลหิต การตรวจจับชีพจร อัตราการหายใจ และอุณหภูมิของร่างกาย)
- การตรวจร่างกายทั่วไป ร่วมกับ การตรวจร่างกายทางระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรงด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว โดยอาการผิดปกตินั้นเป็นนานประมาณ 30-60 นาที ถ้านานกว่านั้นก็ไม่เกิน 24 ชั่วโมง
- และอาจมีการสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับอาการผิดปกติของผู้ป่วยที่แพทย์ตรวจพบ และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- ตรวจเลือดดูปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น น้ำตาลในเลือด และ/หรือค่าไขมันในเลือด
- การตรวจภาพสมองและ/หลอดเลือดสมองด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) และ/หรือเอมอาร์ไอ
มีวิธีรักษาโรค TIA อย่างไร?
การรักษาโรคทีไอเอ คือ การให้ทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือ ยาสลายลิ่มเลือด/ ยาละลายลิ่มเลือด ขึ้นอยู่กับสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค รวมทั้งให้การรักษาปัจจัยเสี่ยงข้างต้นที่ได้กล่าวแล้วใน’หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยง’ถ้าผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยง เช่น รักษาควบคุมโรคเบาหวาน เป็นต้น
ผู้ป่วยโรค TIA คนไหนที่มีโอกาสเป็นโรคอัมพาต?
จากเครื่องมือคัดกรองที่เรียกว่า ABCD2 Score มีการทำนายได้ค่อนข้างแม่นยำว่า ใครที่เมื่อเกิดอาการจากโรคทีไอเอ/TIA แล้ว มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการเกิด 'อัมพาต' ซึ่งเครื่องมือคัดกรองนี้ ประกอบด้วย 5 ปัจจัยสำคัญ ดังต่อไปนี้
- Age: อายุ มากกว่า 60 ปี
- Blood pressure: ความดันโลหิตสูง มากกว่า 140/90 มม.ปรอท
- Clinical sign/อาการผิดปกติที่เกิดขึ้น: มีความผิดปกติทางระบบประสาท คือ แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด พูดลำบาก
- Duration: ระยะเวลาที่มีอาการนานเท่าไหร่ ยิ่งมีอาการอยู่นาน ปัจจัยเสี่ยงยิ่งสูง
- Diabetes: เป็นโรคเบาหวาน
ทั้งนี้โดย:
- อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีค่า 1 คะแนน
- ความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มม.ปรอท มีค่า 1 คะแนน
- ความผิดปกติทางระบบประสาท:
- แขนขาอ่อนแรงด้านใดด้านหนึ่ง มีค่า 2 คะแนน
- พูดไม่ชัด พูดลำบาก และ ไม่อ่อนแรง มีค่า 1 คะแนน
- อื่นๆ มีค่า 0 คะแนน
- ระยะเวลาที่เกิดอาการ
- ถ้าสั้นกว่า 10 นาที มีค่า 0 คะแนน
- 10 – 59 นาที มีค่า 1 คะแนน
- ตั้งแต่ 60 นาที มีค่า 2 คะแนน
*ซึ่งเมื่อรวมคะแนนทั้งหมดแล้ว ค่าคะแนนสูง โอกาสเกิดโรคอัมพาตยิ่งสูง
หลังจากไปพบแพทย์แล้วปกติดี ควรดูแลสุขภาพอย่างไร?
การดูแลสุขภาพในผู้ป่วย TIA เหมือนกับการดูแลผู้ป่วยเป็นอัมพาต (โรคหลอดเลือดสมอง) เลยครับ ทั่วไป คือ
- ต้องตรวจสุขภาพประจำปีต่อเนื่องทุกปี หรือ บ่อยตามคำแนะนำของแพทย์
- ดูแล รักษา ควบคุม โรคประจำตัวที่เป็นอยู่ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง
- ไม่ควรสูบบุหรี่, ถ้าสูบอยู่ควรต้องเลิกสูบ
- ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์, ถ้าดื่มอยู่ควรต้องค่อยๆเลิก และเลิกดื่มในที่สุด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามควรกับสุขภาพ
ต้องรับประทานยาต้านเกล็ดเลือดหรือไม่?
ในโรคทีไอเอ จำเป็นต้องรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด เพื่อลดโอกาสเกิดอาการซ้ำ, และลดโอกาสเกิดอัมพาต (โรคหลอดเลือดสมอง)
ปัจจุบันมีการศึกษายืนยันประสิทธิภาพยาแอสไพริน (Aspirin) คู่กับยาโคลพิโดเกล (Clopidogrel) โดยใช้ยานานประมาณ 90 วันนับจากเกิดอาการ และหลังจากนั้นทาน ‘ยาแอสไพริน ขนาด 81 มิลลิกรัม วันละ 1 เม็ด’ ตลอดไป
* เมื่อท่านทราบอย่างนี้แล้ว อย่านิ่งนอนใจนะครับ ถ้ามีอาการผิดปกติให้รีบไปโรงพยาบาลพบแพทย์ทันที
ป้องกันโรค TIA ได้อย่างไร?
การป้องกันโรคทีไอเอ คือ การควบคุมดูแลรักษาปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้นใน ‘หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ให้ดี, และ*เมื่อมีอาการผิดปกติดังกล่าวใน ‘หัวข้อ อาการฯ’ ต้องรีบมาโรงพยาบาลพบแพทย์ด่วน/ทันที/ฉุกเฉิน
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Transient_ischemic_attack [2023, March18]