โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

หลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) คือ โรคที่ผนังหลอดเลือดแดงของทุกอวัยวะแข็งผิดปกติ ส่งผลให้ท่อหลอดเลือดแดงตีบแคบ ส่งผลต่อเนื่องให้เลือดแดงที่หล่อเลี้ยงอวัยวะต่างลดลงไม่เพียงพอต่อการทำงานของอวัยวะนั้นๆ จึงเกิดเป็นโรคต่างๆของอวัยวะนั้นๆจากการขาดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง/อัมพาต และเมื่อโรครุนแรงจนหลอดเลือดฯอุดตัน อวัยวะนั้นๆก็จะขาดเลือดจนไม่สามารถทำงานได้ เกิดการล้มเหลวของอวัยวะนั้นๆ ที่สำคัญคือ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด, กล้ามเนื้อหัวใจตาย, ภาวะหัวใจล้มเหลว จนเป็นเหตุให้ตายได้

การที่ผนังหลอดเลือดแดง แข็ง ตีบ ตัน เกิดจากมีสารที่เป็นแผ่นแข็ง(Plaque /แพลค หรือ เพลค)เข้าไปจับอยู่ที่ผนังหลอดเลือดฯที่รวมถึงท่อเลือดแดง ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดฯแข็ง ไม่ยืดหยุ่น ขยายตัวได้น้อยกว่าปกติ ส่งผลให้หลอดเลือดฯนั้นๆตีบแคบ เกิดลิ่มเลือดได้ง่าย ส่งผลต่อเนื่องให้ขนาดแพลคใหญ่ขึ้นจนในที่สุดทั้งแพลคและลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดแดงนั้นๆส่งผลให้อวัยวะนั้นๆล้มเหลวจากขาดเลือด

อนึ่ง ‘แพลค’ ประกอบด้วย ไขมัน, แคลเซียม, และสารต่างๆในเลือด เช่น เม็ดเลือดขาว

หลอดเลือดแดง (Artery) เป็นชื่อเรียกรวมหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย ซึ่งคือหลอดเลือดที่นำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย โดยทั่วไปหลอดเลือดแดงจะไม่มีชื่อเฉพาะ แต่จะเรียกชื่อตามอวัยวะที่หลอดเลือดแดงหล่อเลี้ยง เช่น หลอดเลือดแดงสมอง หลอดเลือดแดงหัวใจ และหลอดเลือดแดงไต เป็นต้น แต่ทั้งนี้หลอดเลือดแดงขนาดใหญ่ที่ออกจากหัวใจห้องล่างซ้าย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของหลอดเลือดแดงทั้งหมด จะมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ‘ท่อเลือดแดง หรือ เอออร์ตา (Aorta)’ โดยเมื่อออกจากหัวใจแล้ว จะมีหลอดเลือดแดงมากมายแตกแขนงออกไปจากท่อเลือดแดง เพื่อหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย โดยเรียกชื่อหลอดเลือดแดงแขนงเหล่านี้ตามชื่ออวัยวะที่หล่อเลี้ยงดังได้กล่าวแล้ว

หลอดเลือดแดง ที่มักเกิดหลอดเลือดแดงแข็ง มักเกิดเฉพาะหลอดเลือดแดงขนาดใหญ่ และหลอดเลือดแดงขนาดกลางเท่านั้น ไม่ค่อยพบเกิดในหลอดเลือดแดงขนาดเล็กๆ

หลอดเลือดแดงแข็ง เป็นโรคของผู้ใหญ่ มักพบก่ออาการได้ตั้งแต่ อายุ 40 ปีขึ้นไป ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมีโอกาสเกิดโรคได้ใกล้เคียงกัน โดยอุบัติการณ์ของโรคที่แท้จริงยังไม่ทราบ ทั้งนี้เพราะเมื่อเริ่มเกิดโรค ผู้ป่วยมักยังไม่มีอาการ ยกเว้นเฉพาะโรคหลอดเลือดแดงหัวใจแข็ง (โรคหลอดเลือดหัวใจ: บทความเรื่อง ‘โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ’ จากเว็บ haamor.com) ซึ่งมีวิธีการทางการแพทย์ในการตรวจคัดกรองโรค โดยในสหรัฐอเมริกา พบหลอดแดงหัวใจแข็งได้ประมาณ 36% ของประชากรทั้งหมด และประมาณ 20% ของประชากรที่เสียชีวิตทั้งหมด จะเสียชีวิตจากสาเหตุนี้

หลอดเลือดแดงแข็งเกิดได้อย่างไร?

โรคหลอดเลือดแดงแข็ง

กลไกเกิดหลอดเลือดแดงแข็งเกิดจาก มีการบาดเจ็บ/อักเสบของผนังหลอดเลือดแดง ซึ่งเชื่อว่าอาจเกิดจากภาวะไขมันชนิดไม่ดี (LDL, Low density lipoprotein) ในเลือดสูง ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดแดงอักเสบ เกิดกล้ามเนื้อหลอดเลือดเจริญผิดปกติเป็นหย่อมๆ และเซลล์เม็ดเลือดขาวเข้าไปเกาะในตำแหน่งที่อักเสบ ร่วมกับผนังหลอดเลือดแดงตำแหน่งที่อักเสบมีการเกิดสิ่ง/แผ่นที่เรียกว่า แผ่นพลาค/แพลค/เพลค(Plaque) ซึ่งประกอบด้วย ไขมัน แคลเซียม และสารต่างๆในเลือด เช่น เม็ดเลือดขาว ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดฯแข็ง และท่อภายในหลอดเลือดฯตีบ จึงส่งผลให้เนื้อเยื่อ/อวัยวะ ที่หล่อเลี้ยงด้วยหลอดเลือดฯนั้นๆเกิดการขาดเลือด จึงก่ออาการผิดปกติ หรือโรคต่างๆเกิดขึ้นตามมา

หลอดเลือดแดงแข็งมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?

สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดแข็ง ยังไม่ทราบชัดเจน แต่พบปัจจัยเสี่ยง ดังนี้

ก. ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ: ได้แก่

  • การมีไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะไขมันชนิดไม่ดี และการมีไขมันชนิดดี (HDL, High lipoprotein) ในเลือดต่ำ
  • การสูบบุหรี่ เพราะมีสารพิษก่อให้ผนังหลอดเลือดอักเสบ
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคเบาหวาน เพราะเป็นสาเหตุของผนังหลอดเลือดอักเสบ
  • โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน เพราะมักเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูง
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • กินอาหารไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะ น้ำตาล, เค็ม/เกลือโซเดียม, และไขมัน
  • สูงอายุ ในผู้ชายตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป, ในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป (วัยหมดประจำเดือน)
  • พันธุกรรม: โดยมีประวัติครอบครัวสายตรงเป็นโรคนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย กล่าวคือ บิดาหรือพี่น้องผู้ชายเป็นโรคนี้ก่อนอายุ 55 ปี, มารดาหรือพี่น้องผู้หญิงเป็นโรคนี้ก่อนอายุ 65 ปี

ข. ปัจจัยเสี่ยงที่ตรวจพบได้จากตรวจเลือด: ได้แก่

  • มีโปรตีนชนิด CRP (C-reactive protein,โปรตีนที่เกิดจากการอักเสบของเซลล์ต่างๆในร่างกาย) ในเลือดสูง
  • มีไขมันชนิดไตรกลีเซอรายด์ (Triglyceride) ในเลือดสูง

ค. ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่มีความสำคัญลดลงมา: ได้แก่

  • โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ
  • มีปัญหาทาง อารมณ์ จิตใจ เช่น ความเครียด
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • เพศชาย และ
  • เพศหญิงวัยหมดประจำเดือน

หลอดเลือดแดงแข็งมีอาการอย่างไร?

เมื่อเริ่มเป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็ง มักไม่มีอาการ จนกว่าหลอดเลือดจะตีบมากจนอวัยวะนั้นๆขาดเลือดจึงจะเกิดอาการ โดยอาการจะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าเกิดโรคกับหลอดเลือดแดงของอวัยวะอะไร และหลอดเลือดฯตีบมากหรือน้อย

อวัยวะที่เมื่อขาดเลือดแล้วจะก่ออาการสำคัญ อาจส่งผลถึงชีวิตและคุณภาพชีวิตได้แก่ สมอง หัวใจ ไต และหลอดเลือดแดงแขน ขา(หลอดเลือดแดงส่วนปลาย/ Peripheral artery) ดังนั้นจึงจะกล่าวถึงเฉพาะอาการที่เกิดจากหลอดเลือดแดงแข็งของอวัยวะเหล่านี้เท่านั้น

ก. อาการจากหลอดเลือดแดงสมองแข็ง: จะเกิดจากเนื้อเยื่อสมองขาดเลือด (โรคหลอดเลือดสมอง/ อัมพาต) โดยอาการที่พบบ่อย เช่น

  • แขน ขาอ่อนแรงทันที
  • ปวดศีรษะ/ปวดหัวมากและทันที
  • สับสน
  • ใบหน้าชา ปากเบี้ยว
  • พูดไม่ชัด พูดไม่ได้
  • วิงเวียน /เวียนศีรษะ และ
  • โคม่า

ข. อาการจากหลอดเลือดแดงหัวใจแข็ง: เป็นอาการจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (โรคหัวใจ/ โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย) โดยอาการที่พบได้บ่อย เช่น

  • เจ็บหน้าอก /แน่นหน้าอก มักร้าวมายัง ลำคอ กระดูกกราม ไหล่ และแขน โดยเฉพาะด้านซ้าย
  • หายใจลำบาก
  • เหงื่อออกมาก และ
  • อาการคล้ายจะเป็นลม

ค. อาการจากหลอดเลือดแดงไตแข็ง: เกิดจากเนื้อเยื่อไตขาดเลือด อาการพบบ่อย เช่น

  • เหนื่อยง่าย
  • เบื่ออาหาร
  • คลื่นไส้
  • เท้าบวม
  • ปัสสาวะผิดปกติ อาจน้ำปัสสาวะมาก หรือน้ำปัสสาวะน้อยก็ได้
  • มีความดันโลหิตสูง

ง. อาการจากหลอดเลือดแดงแขน ขา แข็ง: เกิดจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของแขนและขาขาดเลือด อาการพบบ่อย เช่น

  • เป็นตะคริวบ่อย
  • ปวดเมื่อยแขน ขาตลอดเวลา
  • ขนแขน และขา ร่วง บาง
  • มือ เท้า เย็น และ
  • เมื่อหลอดเลือดตีบมาก มือ เท้า เล็บ อาจเขียวคล้ำ

แพทย์วินิจฉัยโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคหลอดเลือดแข็ง ได้จาก

  • การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการ และปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังได้กล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’
  • การตรวจร่างกาย รวมถึงการตรวจวัดสัญญาณชีพ
  • ตรวจเลือด ดูค่า น้ำตาล ไขมันในเลือด/ ไขมันชนิดต่างๆ และสารต่างๆในเลือด
  • การตรวจปัสสาวะ
  • การตรวจภาพปอดด้วยเอกซเรย์
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีเคจี
  • การตรวจเฉพาะเทคนิคต่างๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติมตามอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ เช่น
    • การตรวจคลื่นไฟฟ้าฯหัวใจขณะออกกำลังกาย (Stress test)
    • การตรวจภาพหลอดเลือดและการทำงานของหลอดเลือดฯด้วยอัลตราซาวด์
    • การตรวจภาพรังสีหลอดเลือด (Angiogram การตรวจหลอดเลือดด้วยการฉีดสี/สารทึบแสงเข้าไปในหลอดเลือด แล้วเอกซเรย์ภาพหลอดเลือดนั้นๆ)

หลอดเลือดแดงแข็งรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?

โรคหลอดเลือดแดงแข็ง เป็นโรคอันตราย/โรครุนแรง เพราะนำไปสู่การขาดเลือดของเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆได้ ซึ่งถ้าเกิดกับอวัยวะสำคัญ ก็เป็นสาเหตุให้เกิดการเสียคุณภาพชีวิต และถึงตายได้ เช่น

  • เมื่อเกิดกับหลอดเลือดหัวใจ ก็จะส่งผลให้เกิด โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย
  • เมื่อเกิดกับหลอดเลือดสมอง ก็จะส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือ
  • ถ้าเกิดกับหลอดเลือดขา ก็จะส่งผลให้ เกิดภาวะขาชา ปวด และ/หรือเกิดแผลเรื้อรังรักษายาก เป็นต้น

ในส่วนผลข้างเคียงที่เกิดจากโรคหลอดเลือดแดงแข็ง คือ

  • การด้อยประสิทธิภาพ หรือสูญเสียการทำงานของเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆที่เกิดหลอดเลือดแดงแข็ง ซึ่งขึ้นกับว่าเป็นหลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงอวัยวะใด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
  • นอกจาก นั้น เมื่อเกิดหลอดเลือดแดงแข็ง หลอดเลือดจะขาดการยืดหยุ่น เมื่อมีเลือดไหลเวียนผ่านตลอดเวลาจึงส่งผลให้ความดันเลือด/ความดันโลหิต ดันให้เกิดการโป่งพองของผนังหลอดเลือด เกิดเป็นโรคที่เรียกว่า โรคหลอดเลือดโป่งพอง (Aneurysm) ซึ่งส่งผลให้ผนังหลอดเลือดส่วนนี้ แตกได้ง่าย เกิดภาวะเลือดออกมากจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตกะทันหันได้

รักษาหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็ง คือ การรักษาตามอาการ, การรักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง, การป้องกันการเกิดลิ่มเลือด, และการขยายหลอดเลือด

ก. การรักษาตามอาการ: เช่น

  • การใช้ยาแก้ปวด กรณีมีการปวด

ข. การรักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง: เช่น

  • รักษาควบคุม
    • โรคเบาหวาน
    • ความดันโลหิตสูง
    • โรคไขมันในเลือดสูง
    • โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
  • การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดังได้กล่าวใน’หัวข้อ การดูแลตนเองฯ’
  • การควบคุมอาหาร (อ่านเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘อาหารป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง’)

ค. การป้องกันการเกิดลิ่มเลือดซึ่งจะเป็นสาเหตุให้หลอดเลือดอุดตัน: เช่น

  • การกินยาละลายลิ่มเลือด เช่น ยาในกลุ่ม Fibrinolysis
  • ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด/ยาต้านเกล็ดเลือด ซึ่งมีหน้าที่ทำให้เลือดแข็งตัว/ ยาต้านการแช็งตัวของเลือด เช่นยา แอสไพริน

ง. การขยายหลอดเลือด: ซึ่งจะเลือกวิธีการใด ขึ้นกับว่าเป็นหลอดเลือดของอวัยวะใด, การตีบตันเกิดในตำแหน่งใดของหลอดเลือด, อายุ, สุขภาพร่างกายผู้ป่วย, และดุลพินิจของแพทย์ เช่น

  • การใช้บอลลูน (Balloon)
  • การใส่ลวดตาข่าย (Stent)
  • การตัดต่อหลอดเลือด (Graft)

ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีหลอดเลือดแดงแข็ง? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

การดูแลตนเอง และการพบแพทย์เมื่อมีหลอดเลือดแดงแข็ง ที่สำคัญที่สุด คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลในเรื่องอาหาร

ก. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต: ได้แก่

  • เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามควรกับสุขภาพ เคลื่อนไหวร่างกายเสมอ
  • จำกัดสุรา/ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ชายวันละไม่ควรเกิน 2 ดริงค์ (Drink) ผู้หญิงวันละไม่ควรเกิน 1 ดริงค์
  • มีอารมณ์ จิตใจ เบิกบาน แจ่มใส เข้าใจชีวิต ยอมรับความจริง ลดความเครียด
  • การดูแลในเรื่องอาหาร ได้แก่
    • กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบทุกวัน
    • จำกัดอาหารไขมัน แป้ง (กินแป้งจากธัญพืชที่ไม่ขัดสี) น้ำตาล และอาหารเค็ม/เกลือโซเดียม
    • รวมทั้งจำกัดเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดง (เนื้อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม)
    • กินผัก ผลไม้มากขึ้น รวมทั้งในทุกมื้ออาหารและเป็นอาหารว่าง (อ่านเพิ่มเติมจากเว็บ haamor.com เรื่อง อาหารป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง)

ข. การดูแลตนเองในด้านอื่นๆ ได้แก่

  • รักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคไขมันในเลือดสูง, โรคความดันโลหิตสูง, และ โรคเบาหวาน
  • ควบคุมน้ำหนัก และลดน้ำหนักเมื่อเป็น โรคอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวเกิน ด้วยการควบ คุมอาหาร และการออกกำลังกาย และ/หรือตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล
  • การพบแพทย์: ควรมีการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อดูการทำงานของหัวใจ, ความดันโลหิต, ระดับน้ำตาล, ไขมันในเลือด, และการทำงานของไต เพื่อคัดกรองความผิดปกติต่างๆ เพื่อการควบคุมรักษาโรคเหล่านั้นแต่เนิ่นๆ

ส่วนเมื่อตรวจพบว่ามีโรคหลอดเลือดแดงแข็งแล้ว การดูแลตนเอง คือ

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล ผู้ให้การรักษาแนะนำ
  • ป้องกัน รักษา ควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงดังได้กล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุ/ ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
  • พบแพทย์ก่อนนัด เมื่อ
    • มีอาการต่างๆผิดปกติไปจากเดิม
    • มีอาการต่างๆเลวลง
    • มีผลข้างเคียงจากยาต่างๆที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น มีจำห้อเลือดตามผิวหนังเรื้อรัง

ป้องกันหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างไร?

สามารถป้องกัน และชะลอการแข็งตัวของหลอดเลือดแดงได้โดย

  • หลีกเลี่ยงสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯดังกล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ เช่น การสูบบุหรี่ และโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
  • ปรับพฤติกรรมการกินอาหาร เช่น กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบทุกวัน และจำ กัดปริมาณอาหาร ไม่ให้เกิดโรคอ้วนหรือน้ำหนักตัวเกิน (อาหารป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง)
  • เมื่ออ้วนหรือน้ำหนักตัวเกิน ควรต้องพยายามลดน้ำหนัก และควบคุมน้ำหนัก โดยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ เคลื่อนไหวร่างกายเสมอ
  • เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
  • จำกัดการดื่มสุราดังกล่าวแล้วใน’หัวข้อ การดูแลตนเองฯ’
  • รักษาสุขภาพจิต มีสุขภาพจิตที่ดี ควบคุมอารมณ์ให้ได้
  • รักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’
  • ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อการคัดกรองโรคสำคัญต่างๆ เพื่อ ป้องกัน รักษา ควบคุมโรคต่างๆโดยเฉพาะโรคกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(โรคเอนซีดี) แต่เนิ่นๆ เช่น
    • โรคเบาหวาน
    • โรคความดันโลหิตสูง
    • โรคไขมันในเลือดสูง
    • โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคหัวใจและหลอดเลือด (โรคหัวใจ2 ในเว็บ haamor.com)
    • โรคไต และ โรคไตเรื้อรัง

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Artery [2019,Nov2]
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Atherosclerosis [2019,Nov2]
  3. https://emedicine.medscape.com/article/153647-overview [2019,Nov2]
  4. https://en.wikipedia.org/wiki/C-reactive_protein [2019,Nov2]
  5. https://reference.medscape.com/article/1612610-overview#a2 [2019,Nov2]
  6. https://emedicine.medscape.com/article/1950759-overview#showall [2019,Nov2]
  7. Crowther, M. (2005).Pathogenesis of atherosclerosis. http://asheducationbook.hematologylibrary.org/content/2005/1/436.full [2019,Nov2]
  8. Libby, P. et al. (2002). Inflammation and atherosclerosis. Circulation.105, 1135-1143.
  9. Sontheimer, D. (2006). Peripheral vascular disease. Am Fam Physician. 73, 1971-1976.