บิสมัทซับแกลเลต (Bismuth subgallate)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 1 พฤษภาคม 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- บิสมัทซับแกลเลตมีสรรพคุณรักษาโรคอะไร?
- บิสมัทซับแกลเลตมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- บิสมัทซับแกลเลตมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- บิสมัทซับแกลเลตมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- บิสมัทซับแกลเลตมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้บิสมัทซับแกลเลตอย่างไร?
- บิสมัทซับแกลเลตมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาบิสมัทซับแกลเลตอย่างไร?
- บิสมัทซับแกลเลตมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- โรคติดเชื้อเอชไพโลไร (H.pylori infection)
- เลือดออกในทางเดินอาหาร (Gastrointestinal bleeding or GI bleeding)
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon cancer)
- ท้องเสีย (Diarrhea)
- ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids or piles)
- วิธีใช้ยาเหน็บทวารหนัก (How to use anal suppository)
- ลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome)
บทนำ: คือยาอะไร?
บิสมัทซับแกลเลต (Bismuth subgallate) คือ ยาที่เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ของการฝาดสมาน/สมานเนื้อเยื่อ/สมานแผล (Astringent) ส่งผลให้โปรตีนในเนื้อเยื่อหมดสภาพจึงสามารถต่อต้านแบคทีเรียได้ระดับหนึ่ง อีกทั้งทำให้หลอดเลือดกระชับหดตัว ในแถบอาฟริกาใต้ใช้บิสมัทซับแกลเลตเพื่อบรร เทาอาการปวด อาการคัน รวมถึงใช้รักษาริดสีดวงทวาร ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์นำมากำจัดกลิ่นของแก๊สในระบบทางเดินอาหารรวมถึงกลิ่นของอุจจาระ โดยมีรูปแบบของผลิตภัณฑ์เป็นยาเม็ดหรือแคปซูลสำหรับรับประทานและมีการดูดซึมจากทางเดินอาหารต่ำ นอกจากนี้ทางคลินิกยังนำไปสนับสนุนการรักษาอาการติดเชื้อจากเชื้อ Helicobactor pylori (โรคติดเชื้อเอชไพโลไร) รักษาแผลในระบบทางเดินอาหาร ใช้กับกรณีผ่าตัดลำไส้ใหญ่ เช่น ผู้ป่วยด้วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ และยังใช้บำบัดรักษาภาวะกลั้นอุจจาระไม่อยู่ รวมถึงโรคลำไส้แปรปรวน อีกด้วย
ยาบิสมัทซับแกลเลตไม่สามารถรักษาอาการโรคดังกล่าวมาได้ทั้งหมดเพียงแต่ช่วยบำบัดอา การให้ดีขึ้น การได้รับยานี้ในปริมาณมากเกินไปอาจก่อให้เกิดพิษกับเส้นประสาท
อาการข้างเคียง (ผลข้างเคียง) ที่โดดเด่นของยานี้คือ ทำให้ลิ้นมีสีดำรวมถึงอุจจาระก็มีสีดำคล้ำซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด โดยปกติแพทย์มักใช้ยาประเภทนี้เพียงระยะสั้น หลังหยุดการใช้ยา อาการลิ้นมีสีดำ อุจจาระมีสีดำคล้ำ ก็จะหายไปเอง
บิสมัทซับแกลเลตมีสรรพคุณรักษาโรคอะไร?
ยาบิสมัทซับแกลเลตมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- ช่วยลดกลิ่นของอุจจาระ
- ช่วยสมานบาดแผลและลดภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร
- ใช้เป็นยาหลังผ่าตัดลำไส้ เช่น ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ใช้เป็นยาร่วมรักษาการติดเชื้อ Pylori (โรคติดเชื้อเอชไพโลไร)ในกระเพาะอาหาร
- บำบัดอาการท้องเสีย ช่วยลดกลิ่นที่รุนแรงของอุจจาระ
- ใช้ร่วมในยาเหน็บทวารแก้ริดสีดวงทวาร
บิสมัทซับแกลเลตมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ด้วยยาบิสมัทซับแกลเลตมีคุณสมบัติฝาดสมาน/สมานแผลและสามารถออกฤทธิ์ต้านกรดอีกทั้งทำให้หลอดเลือดกระชับขึ้น ด้วยกลไกการออกฤทธิ์เหล่านี้จึงสามารถต่อต้านแบคทีเรีย H. pylori ได้ระดับหนึ่งจึงช่วยทำให้แผลในกระเพาะอาหารหายเร็วขึ้น การออกฤทธิ์ยังครอบคลุมถึงการต่อต้านแบคทีเรียในลำไส้ที่ทำให้เกิดกลิ่นกับอุจจาระส่งผลให้อุจจาระมีกลิ่นเบาบางลง และด้วยคุณสมบัติต่างๆเหล่านี้จึงช่วยให้ยานี้บรรเทาอาการโรค/ภาวะต่างๆได้ตามสรรพคุณ
บิสมัทซับแกลเลตมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาบิสมัทซับแกลเลตมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาเม็ดชนิดเคี้ยวก่อนกลืน ขนาด 200 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาแคปซูล ขนาด 200 มิลลิกรัม/แคปซูล
- ยาเหน็บทวารที่ผสมร่วมกับยาอื่น
บิสมัทซับแกลเลตมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาบิสมัทซับแกลเลตมีขนาดรับประทานสำหรับลดกลิ่นของอุจจาระ เช่น
- ผู้ใหญ่และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป: รับประทานครั้งละ 200 - 400 มิลลิกรัมหลังอาหาร
สามารถรับประทานได้ถึง 4 ครั้ง/วัน และควรรับประทานเพียง 1 - 2 วันเท่านั้น และควรรับประทานยานี้พร้อมอาหาร
- เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี: ขนาดยาเป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
*อนึ่ง: ขนาดรับประทานที่ใช้รักษาอาการโรค/ภาวะอื่นๆ เช่น บำบัดอาการหลังการผ่าตัดลำไส้ใหญ่ รักษาอาการของโรคกระเพาะอาหารที่มีการติดเชื้อเอชไพโลไร(โรคติดเชื้อเอขไพโลไร)ร่วมด้วย บำบัดอาการท้องเสีย ซึ่งต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษา เพราะกรณีดังกล่าวอาจต้องใช้ร่วมกับยาอื่นที่ใช้เป็นหลักในการรักษา ยาบิสมัทซับแกลเลตมักจะใช้เพียงเสริมและสนับสนุนการรักษาเท่านั้น ดังนั้นการใช้ยานี้ในโรค/ภาวะต่างๆจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีไป
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาบิสมัทซับแกลเลต ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาลและเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาบิสมัทซับแกลเลตอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาบิสมัทซับแกลเลตสามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้ เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า
อย่างไรก็ตามเพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรรับประทานยาต่างๆรวมถึงยาบิสมัทซับแกลเลตให้ตรงเวลา
บิสมัทซับแกลเลตมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาบิสมัทซับแกลเลตสามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- มีภาวะลิ้นมีสีดำ
- อุจจาระมีสีคล้ำออกดำ
- ปกติทั่วไปผลข้างเคียงนี้ จะไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคด้วยการใช้ยาเป็นไประยะสั้นเพียง 1 - 2 วัน และสีที่ผิดปกตินี้จะหายไปเองหลังหยุดยานี้ใน 2 - 3 วันโดยไม่จำเป็นต้องมีการรักษา
มีข้อควรระวังการใช้บิสมัทซับแกลเลตอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้บิสมัทซับแกลเลต เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้ หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
- ไม่ควรปรับขนาดรับประทานยานี้ด้วยตนเอง ควรเป็นไปตามคำสั่งแพทย์
- ไม่ควรรับประทานยาบิสมัทซับแกลเลตเกิน 1,600 มิลลิกรัม/วัน และควรใช้เพียง 1 - 2 วัน หรือตามคำสั่งแพทย์
- การใช้ยาในสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก) และผู้สูงอายุ จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมบิสมัทซับแกลเลตด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
บิสมัทซับแกลเลตมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาบิสมัทซับแกลเลตมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาบิสมัทซับแกลเลต ร่วมกับยา Codeine, Hydrocodone, Propoxyphene อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับอาการข้างเคียงจากยาดังกล่าวเพิ่มขึ้น เช่น ง่วงนอน วิงเวียน อ่อนเพลีย หัวใจเต้นช้า เหงื่อออกมากผิดปกติ ปัสสาวะน้อย เป็นตะคริว/ปวดบีบที่ท้อง ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีก เลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยาบิสมัทซับแกลเลต ร่วมกับยา Doxycycline จะทำให้ฤทธิ์ในการรักษาของยา Doxycycline ลดต่ำลง กรณีที่ต้องใช้ยาร่วมกันควรรับประทานห่างกันประมาณ 2 - 3 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
ควรเก็บรักษาบิสมัทซับแกลเลตอย่างไร?
ควรเก็บยาบิสมัทซับแกลเลต:
- เก็บยาในอุณหภูมิห้องที่เย็น
- ไม่เก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
บิสมัทซับแกลเลตมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาบิสมัทซับแกลเลต มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Anusol (อะนูซอล) | Pfizer |
Devrom (เดฟรอม) | Parthenon |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Bismuth_subgallate [2022,April30]
- https://go.drugbank.com/drugs/DB13909 [2022,April30]
- https://reference.medscape.com/drug/bismuth-subgallate-999413 [2022,April30]
- https://www.drugs.com/cdi/bismuth-subgallate.html [2022,April30]
- https://devrom.com/devrom-faqs/ [2022,April30]