ไตวาย ไตล้มเหลว (Renal failure)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

ไตวาย/ไตล้มเหลว (Renal failure หรือ Kidney failure) คือ โรค/ภาวะที่ไตทั้งสองข้างสูญเสียการทำงานจนไม่สามารถขับของเสียในร่างกายออกนอกร่างกายทางปัสสาวะได้, ไม่สามารถควบคุมสมดุลของน้ำเกลื่อแร่ต่างๆโดยเฉพาะ โซเดียม,  โพแทสเซียม, แคลเซียม, และ ฟอสฟอรัส, รวมถึงไม่สามารถสร้างฮอร์โมนช่วยการสร้างเม็ดเลือดแดงของไขกระดูก, ผู้ป่วยที่มีไตวายจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาด้วยการล้างไต/การปลูกถ่ายไต/การบำบัดทดแทนไต

ไตวาย มี 2 แบบ (Type) ตามสาเหตุและระยะเวลาที่เกิดไตวาย แต่อาการเมื่อเกิดไตวายจะเหมือนกัน, ซึ่งทั้ง 2 แบบ  คือ ไตวายเฉียบพลัน และไตวายเรื้อรัง

ไตวายเฉียบพลัน:  คือ ไตวายที่เกิดจากไตสูญเสียการทำงานอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเป็นชั่วโมง หรือ 1-2 วัน  ทั่วไป ผู้ป่วยมักไม่เคยมีโรคไตมาก่อนซึ่งเมื่อได้รับการล้างไตและรักษาสาเหตุทันท่วงที ไตมักกลับฟื้นเป็นปกติ, แต่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดไตวายซ้ำได้อีก, และในบางคน ไตจะค่อยๆเสื่อมลงจนกลายเป็นไตวายเรื้อรังได้โดยขึ้นกับสาเหตุ และ/หรือการรักษาที่ล่าช้า

ไตวายเรื้อรัง:  คือ ไตวายที่มีสาเหตุจากโรคไตเรื้อรัง,เป็นระยะสุดท้ายของโรคไตเรื้อรัง (End stage renal disease), โดยไตจะค่อยๆสูญเสียการทำงานไปเรื่อยๆในระยะเวลานานหลายเดือน หรือหลายปี ขึ้นกับพยาธิสภาพของไตที่ได้เสียไป,  สาเหตุ, และการดูแลตนเองของผู้ป่วย,   ทั้งนี้ไตวายเรื้อรัง มักมีขนาดของไตเล็กลงจากมีพังผืดเกิดแทนที่เซลล์ไตปกติ, และไม่มีโอกาสที่ไตจะฟื้นตัวกลับมาปกติได้, นอกจากนั้น  ยังมีโอกาสที่จะเกิดไตวายเฉียบพลันซ้ำซ้อนได้

ไตวาย เป็นโรค/ภาวะพบบ่อยทั่วโลก  พบทุกเพศ  ทุกวัย,  สถิติจากสหรัฐอเมริกาพบไตวายเฉียบพลันประมาณ1%ของสาเหตุที่ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาล และที่พบเกิดขณะอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ2-5%,  ส่วนไตวายเรื้อรังสถิติทั่วโลกในปี ค.ศ.2017 รายงานพบประมาณ 698 ล้านรายซึ่งในการนี้ตายประมาณ1.2ล้านราย

ไตวายเกิดได้อย่างไร? มีสาเหตุเกิดจากอะไร?

ไตวาย

 

สาเหตุเกิดไตวาย:

ก. ไตวายเฉียบพลัน:  อาจเกิดจากเซลล์ไตสูญเสียการทำงานจากไตขาดเลือด,  หรือจากโรคต่างๆต่อเซลล์ของไตโดยตรง, หรือจากการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ, จึงส่งผลให้ไตไม่สามารถกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้

  • การขาดเลือดของไต: เช่น
    • ภาวะเลือดออกรุนแรงของอวัยวะต่างๆ เช่น จากอุบัติเหตุ 
    •  ภาวะขาดน้ำรุนแรง เช่น กินยาขับปัสสาวะต่อเนื่อง  หรือท้องเสียรุนแรง  
    • ภาวะหัวใจล้มเหลว 
    • ความดันโลหิตต่ำจากสาเหตุต่างๆ เช่น ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ) การแพ้ยา  แพ้อาหาร 
    • ภาวะตับวาย   
    • ภาวะช็อก  
    • ภาวะเลือดข้นผิดปกติ เช่น โรคเลือดหนืด
  • โรคของเซลล์ไตโดยตรง: เช่น
    • การอักเสบรุนแรงของเซลล์ไตในโรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง
    • การได้รับสารพิษบางชนิด
    • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด หรือการกินยาเกินขนาด เช่น ยาขับปัสสาวะ, ยาปฏิชีวนะบางชนิด, สารทึบแสงที่ใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดดำในการตรวจ ซีทีสแกนหรือเอมอาร์ไอ
    • การติดเชื้อรุนแรงของไต
    • ภาวะร่างกายต้านไตใหม่จากการปลูกถ่ายไต (Graft rejection/ปฏิกิริยาร่างกายต่อต้านอวัยวะใหม่)
  • การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ: เช่น จากโรค
    • นิ่วในไต
    • นิ่วในท่อไต
    • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
    • การอุดตันของท่อปัสสาวะในโรคมะเร็งระยะลุกลามรุนแรง โดยเฉพาะมะเร็งของอวัยวะที่อยู่ในท้องน้อย/อุ้งเชิงกราน: เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก   มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ข. ไตวายเรื้อรัง: สาเหตุของไตวายเรื้อรัง คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคไตเรื้อรัง ที่พบบ่อย คือ  โรคเบาหวาน,   โรคความดันโลหิตสูง , โรคไขมันในเลือดสูง, และจากโรคทางพันธุกรรมของไตที่พบได้น้อย เช่น  โรคถุงน้ำหลายถุงในไต

ไตวายมีอาการอย่างไร?

อาการของไตวาย เกิดจากการมีของเสียคั่งในเลือด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเสียจากการใช้พลังงานของร่างกาย โดยเฉพาะ 'ยูเรีย' ดังนั้นจึงเรียกภาวะมีของเสียคั่งนี้ว่า 'ยูรีเมีย หรือ ยูเรเมีย (Uremia)' ซึ่งอาการที่พบบ่อย เช่น

  • คลื่นไส้ อาจอาเจียน เบื่ออาหาร ผอมลง/น้ำหนักตัวลด
  • นอนไม่หลับ
  • ผิวหนังดำคล้ำ จากของเสียเป็นเหตุให้เกิดสารให้สีของผิวหนังเปลี่ยนแปลง
  • ท้องเสียเรื้อรัง
  • อาจปัสสาวะบ่อย โดยปริมาณปัสสาวะในแต่ละครั้งอาจมากโดยสีปัสสาวะจะใสใกล้สีของน้ำ, หรืออาจปัสสาวะน้อยครั้งมาก แต่ละครั้งปริมาณปัสสาวะจะน้อยมาก,หรือไม่มีปัสสาวะ/ปัสสาวะไม่ออก โดยในกลุ่มนี้ สีปัสสาวะจะเข้ม มากขึ้น
  • คันตามเนื้อตัว จากของเสียที่คั่งก่อการระคายเคืองต่อผิวหนัง
  • เป็นตะคริวบ่อย จากสารพิษสะสมในร่างกายร่วมกับความผิดปกติจากระดับเกลือแร่ในเลือดที่จะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • หัวใจเต้นผิดปกติ
  • หายใจหอบเหนื่อย / หายใจลำบาก
  • บวมน้ำตามตัว โดยเฉพาะรอบดวงตา ขาและเท้า
  • ซีด และอาการจากภาวะซีด เช่น เหนื่อยง่าย วิงเวียน เป็นลมง่าย ขาดสมาธิ
  • เลือดออกตามอวัยวะต่างๆได้ง่าย เช่น มีจ้ำห้อเลือดตามเนื้อตัว
  • อาจมีปวดหลัง หรือปวดเอวในตำแหน่งของไตทั้ง 2 ข้าง
  • ความดันโลหิตต่ำ
  • มีโปรตีนในปัสสาวะ และอาจปัสสาวะเป็นเลือด
  • สับสน อาจชัก
  • โคม่า และตายในที่สุด

แพทย์วินิจฉัยไตวายได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยภาวะไตวายได้จาก

  • ซักถามประวัติทางการแพทย์: เช่น อาการ ประวัติการเจ็บป่วยในอดีตและปัจจุบัน  การใช้ยาต่างๆ  การใช้ยาสมุนไพร อาชีพ ถิ่นที่อยู่อาศัย
  • การตรวจร่างกาย
  • ตรวจเลือด ดูการทำงานของ ไต ตับ และโดยเฉพาะดูค่าสารยูเรีย 
  • การตรวจปัสสาวะ
  • การตรวจเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติมตามอาการของผู้ป่วย, ความผิดปกติที่แพทย์ตรวจพบ, และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
    • ตรวจภาพไตด้วย อัลตราซาวด์ 
    • การตัดชิ้นเนื้อจากไตเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

รักษาไตวายอย่างไร?

แนวทางการรักษาไตวาย คือ การกำจัดของเสียออกจากร่างกาย, การรักษาสาเหตุ และ การรักษาตามอาการ

ก. การกำจัดของเสียออกจากร่างกาย: คือ การล้างไต ซึ่งอาจเป็นการล้างไตผ่านทางหน้าท้อง, หรือการฟอกไตโดยการฟอกเลือด, ทั้งนี้ขึ้นกับขีดความสามารถของแต่ละโรงพยาบาล, และความประสงค์ของผู้ป่วยและครอบครัว,และการผ่าตัดปลูกถ่ายไต

ข. การรักษาสาเหตุ: จะแตกต่างกันในแต่ละสาเหตุ/ผู้ป่วย เช่น การรักษาโรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเองเมื่อสาเหตุคือโรคออโตอิมมูน,  การรักษาภาวะขาดน้ำเมื่อสาเหตุเกิดจากภาวะขาดน้ำ,  หรือการให้เลือดเมื่อสาเหตุเกิดจากการเสียเลือดรุนแรง เป็นต้น

ค. การรักษาตามอาการ: เช่นให้  ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน, การให้ยาแก้คัน, การทำกายภาพบำบัดกรณีเป็นตะคริวบ่อยหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง

ไตวายรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?

ไตวายเป็นภาวะ/โรครุนแรง ถ้าไม่สามารถกำจัดของเสียในร่างกายออกได้ทันท่วงที มักเป็นสาเหตุถึงตายเสมอ

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของภาวะไตวายขึ้นกับ สาเหตุ

  • ถ้าเป็นไตวายเฉียบพลัน: เมื่อได้รับการล้างไตทันทวงที่ ไตมักกลับเป็นปกติได้ แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดไตวายซ้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แต่ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุด้วย
    • ถ้าสาเหตุรุนแรง หรือได้รับการล้างไตล่าช้า ก็อาจถึงตายได้
    • หรืออาจเกิดเป็นโรคไตเรื้อรัง หรือเป็นไตวายเรื้อรังได้
  • ส่วนไตวายเรื้อรัง: อาการมักไม่หาย แต่การรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น

 ในด้านผลข้างเคียงจากไตวาย:  เช่น

  • อาจกลายเป็นโรคไตเรื้อรัง
  • ของเสียที่คั่งอยู่ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ ที่สำคัญคือ หัวใจ, สมอง, ไขกระดูก
    • อาการผิดปกติของหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ ความดันโลหิตสูง   
    • อาการทางสมอง เช่น สับสน ชัก    
    • อาการจากไขกระดูกทำงานผิดปกติ ที่จะส่งผลมีเลือดออกได้ง่ายในอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย เพราะขาดฮอร์โมนจากไตที่ช่วยสร้างสร้างเม็ดเลือดของ ไขกระดูก รวมทั้งมีการทำงานผิดปกติของเกล็ดเลือด(มีหน้าที่ช่วยการแข็งตัวของเลือดช่วยให้เลือดหยุดไหลได้ทันท่วงที)

เมื่อไตวายควรดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

การดูแลตนเองเมื่อมีอาการดังกล่าวใน 'หัวข้ออาการฯ' คือ ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ  

ในช่วงที่มีอาการไตวาย การรักษาจะเป็นการรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยจึงอยู่ในการดูแลรักษาจากแพทย์และพยาบาล แต่เมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว ทั้งผู้ป่วยและครอบครัวควรต้องปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาลแนะนำอย่างถูกต้อง และเคร่งครัด ซึ่งโดยทั่วไป เช่น

  • รักษาควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง/สาเหตุให้ได้อย่างดี
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง/สาเหตุ ดังได้กล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ สาเหตุฯ’ ที่สำคัญ คือ ระมัดระวังการกินยาต่างๆ อาหาร  สมุนไพรต่างๆ  เห็ดแปลกๆ
  • จำกัด น้ำดื่มและประเภทอาหาร ตามที่แพทย์ พยาบาลแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ อาหารเค็ม (เกลือโซเดียม/เกลือแกง) และเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อแดง (เนื้อแดง-เนื้อขาว-เนื้อดำ)
  • กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วนถูกต้อง ไม่ขาดยา
  • ออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายตามควรกับสุขภาพสม่ำเสมอ
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพราะผู้ป่วยไตวาย มักติดเชื้อได้ง่าย และเมื่อติดเชื้อมักเป็นการติดเชื้อที่รุนแรง
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
  • รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ
    • มีอาการผิดปกติไปจากเดิม
    • เมื่ออาการต่างๆแย่ลง
    • กังวลในอาการ

ป้องกันไตวายอย่างไร?

การป้องกันไตวาย คือ การหลีกเลี่ยงสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวแล้วใน 'หัวข้อ สาเหตุฯ' ซึ่งที่สำคัญ เช่น

  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อป้องกันการติดเชื้อต่างๆ
  • ไม่กินยาพร่ำเพื่อ ถ้าจะซื้อยากินเองต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนเสมอ
  • ระมัดระวังการใช้สมุนไพร หรือการกินเห็ดที่ไม่รู้จัก
  • รักษาควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง/สาเหตุ โดยเฉพาะ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง  โรคไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
  • ระมัดระวังอุบัติเหตุที่ก่อให้เกิดการเสียเลือดรุนแรง
  • ตรวจเลือด และตรวจปัสสาวะ เพื่อคัดกรองการทำงานของไตในการตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี และเมื่อพบความผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์/มา โรงพยาบาล

บรรณานุกรม

  1. Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, L., Hauser, S., Longo, D., and Jameson, J. (2001). Harrison’s principles of internal medicine (15th). New York: McGraw-Hill
  2. Needham, E. (2005). Management of acute renal failure. Am Fam Physician. 72, 1739-1746.
  3. Snyder, S.,and Pendergraph, B. (2005). Detection an evaluation of chronic kidney disease. Am Fam Physician. 72, 1723-1732.
  4. https://en.wikipedia.org/wiki/Kidney_failure   [2022,Dec24]
  5. https://emedicine.medscape.com/article/238798-overview#showall  [2022,Dec24]
  6. https://emedicine.medscape.com/article/243492-overview#showall  [2022,Dec24]