ไกลคลาไซด์ (Gliclazide)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 3 สิงหาคม 2564
- Tweet
- บทนำ: คือยาอะไร?
- ไกลคลาไซด์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- ไกลคลาไซด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ไกลคลาไซด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ไกลคลาไซด์มีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ไกลคลาไซด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ไกลคลาไซด์อย่างไร?
- ไกลคลาไซด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาไกลคลาไซด์อย่างไร?
- ไกลคลาไซด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- เบาหวาน (Diabetes mellitus)
- รู้ทันโรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
- ซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea)
- ซัลฟา (Sulfa drugs) ซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamides)
- เบาหวานกับการตั้งครรภ์ (Diabetes mellitus and pregnancy)
- เบาหวานขึ้นตา เบาหวานกินตา (Diabetic retinopathy)
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยเบาหวาน (Hypoglycemia)
- ยาเบาหวาน หรือ ยารักษาโรคเบาหวาน (Antidiabetic agents)
บทนำ: คือยาอะไร?
ยาไกลคลาไซด์ (Gliclazide) คือ ยาเบาหวานประเภท 2 (Diabetes mellitus type 2) อยู่ในกลุ่มยาซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) รุ่นที่ 2 ยานี้เหมาะที่จะใช้กับผู้ป่วยที่ยังมีเซลล์ของ\ตับอ่อนทำงานได้ดี
ยาไกลคลาไซด์สามารถดูดซึมได้จากระบบทางเดินอาหาร โดยมีการกระจายตัวเข้าสู่ร่างกาย ได้สูงถึงประมาณ 97% หลังการรับประทาน ระดับยานี้จะมีความเข้มข้นในกระแสเลือดสูงสุดโดยใช้เวลาประมาณ 4 - 6 ชั่วโมง ตัวยาในกระแสเลือดจะเข้าจับกับพลาสมาโปรตีนประมาณ 94 - 95% จากนั้นจะมีการลำเลียงยาไปยังตับเพื่อปรับเปลี่ยนไปเป็นสารที่ไม่ออกฤทธิ์ ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 10 - 12 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้จำนวนครึ่งหนึ่งออกจากกระแสเลือดโดยผ่านทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ
มีข้อพึงระวังสำหรับการใช้ยาชนิดนี้โดยแพทย์จะสอบถามตรวจคัดกรองผู้ป่วยโดยละเอียดเช่น
- เคยแพ้ยาไกลคลาไซด์มาก่อนหรือไม่
- ผู้ป่วยต้องไม่ได้ป่วยเป็นเบาหวานประเภทที่ 1
- ผู้ป่วยเบาหวานมีภาวะแทรกซ้อนอื่นอยู่หรือไม่เช่น ภาวะเลือดเป็นกรด (Ketoacidosis)
- หากเป็นสตรีต้องไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรืออยู่ในภาวะเลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมมารดาเอง
- มีอายุต่ำกว่า 14 ปีหรือไม่
- รับประทานยา Miconazole อยู่หรือไม่ หรือรับประทานยาชนิดใดอยู่บ้าง
- เป็นมังสวิรัติหรืออยู่ในช่วงลดน้ำหนักจำกัดอาหารหรือไม่
- ติดสุราหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบมากน้อยเพียงใด และยังมีรายละ เอียดอีกมากที่ไม่สามารถนำมาแจกแจงในบทความนี้ได้อย่างครบถ้วน
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด หากเห็นสมควรจะทำการจ่ายยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย ซึ่งไกลคลาไซด์มีอยู่หลายขนาดความแรง โดยผู้ป่วยจะต้องมีวินัยในการใช้ยา โดยไม่ปรับขนาดรับประทานหรือหยุดการใช้ยาด้วยตนเองโดยเด็ดขาด
ไกลคลาไซด์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยาไกลคลาไซด์มีสรรพคุณรักษาโรค/ข้อบ่งใช้:
- เพื่อรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2
ไกลคลาไซด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาไกลคลาไซด์คือ ตัวยาจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากเบต้าเซลล์ (Beta cell, เซลล์สร้างอินซูลิน) ในตับอ่อน และยังช่วยลดการดูดกลับของอินซูลิน รวมถึงยับ ยั้งมิให้ตับปลดปล่อยน้ำตาลกลูโคส (Glucose) เข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนี้ยาไกลคลาไซด์ยังกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกายตื่นตัวกับอินซูลินในการเร่งใช้น้ำตาลจากกระแสเลือด จากกลไกเหล่านี้จึงก่อให้เกิดฤทธิ์ในการรักษาตามสรรพคุณ
ไกลคลาไซด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาไกลคลาไซด์มีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 30, 40, 60 และ 80 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาเม็ดชนิดรับประทานที่ผสมร่วมกับยาอื่นเช่น Gliclazide 80 มิลลิกรัม + Metformin HCl 500 มิลลิกรัม/เม็ด
ไกลคลาไซด์มีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาไกลคลาไซด์มีขนาดรับประทาน:
- ผู้ใหญ่: เช่น รับประทาน 30 - 120 มิลลิกรัม/วันโดยรับประทานเพียงครั้งเดียวก่อนอาหารเช้า
- เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก): ยังไม่มีการจัดทำขนาดยานี้ในเด็ก การใช้ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาไกลคลาไซด์ ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก /หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาไกลคลาไซด์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/ มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาไกลคลาไซด์ สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ไกลคลาไซด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาไกลคลาไซด์สามารถก่อให้เกิดผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำซึ่งจะแสดงออกโดยมีอาการ ปวดหัว หิวอาหาร คลื่นไส้- อาเจียน ง่วงนอน ใจสั่น หงุดหงิดง่าย สมาธิต่ำลง การมองเห็นภาพไม่ชัดเจน พูดจาติดขัด ตัวสั่น วิงเวียน รู้สึกไม่มีแรง บางรายจะมีอาการชักตามมา หัวใจเต้นช้า
- อาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น ปวดท้อง, ท้องอืด, ท้องเสียหรือไม่ก็ท้องผูก, อาจมีโรคซีด ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ เกิดภาวะตับอักเสบ มีอาการตัวเหลือง หากพบอาการเหล่านี้ต้องรีบหยุดการใช้ยานี้ แล้วรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
*อนึ่ง: การได้รับยานี้เกินขนาด: อาจพบอาการน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรง อาจมีอาการเข้าขั้นโคม่า และมีภาวะชักร่วมด้วย หากพบเห็นอาการเช่นนี้ให้รีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วทันที/ฉุกเฉิน
มีข้อควรระวังการใช้ไกลคลาไซด์อย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาไกลคลาไซด์ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้ หรือแพ้ยาในกลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) หรือแพ้ยากลุ่มซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamide)
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 1
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนเช่น ภาวะเลือดเป็นกรด (Ketoacidosis) รวมถึงผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะตับวาย ไตวาย
- ห้ามใช้ร่วมกับยา Miconazole
- ห้ามรับประทานยานี้พร้อมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมด้วยจะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างมาก
- ห้ามใช้ยากับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร รวมถึงในเด็ก
- ห้ามปรับขนาดรับประทานยานี้ด้วยตนเอง
- ผู้ป่วยควรเรียนรู้จากแพทย์พยาบาลถึงภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำว่ามีอาการอย่างไร สามารถ แก้ไขหรือช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นอย่างไร ประการสำคัญจะป้องกันมิให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้อย่างไร เพื่อจะได้ดูแลตนเองได้ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com เรื่อง ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยเบาหวาน
- ควบคุมมื้ออาหารตามคำแนะนำของแพทย์พยาบาลและ/หรือโภชนากรเพื่อสนับสนุนการทำงานของยารักษาเบาหวานให้มีประสิทธิภาพ
- กรณีที่ต้องใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับ โรคไต ต้องเพิ่มความระมัดระวังด้วยร่างกายของผู้ป่วยกลุ่มนี้จะสามารถกำจัดยานี้ออกจากกระแสเลือดได้น้อยลง ทำให้ตัวยานี้อยู่ในร่างกายได้นานขึ้นจึงเสี่ยงกับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ควรออกกำลังกายตามความเหมาะสมกับสภาพร่างกายทุกวัน หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- ระหว่างที่ใช้ยานี้ควรตรวจสอบน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาลว่าอยู่ในภาวะปกติหรือไม่
- หากพบอาการแพ้ยาต้องรีบนำตัวผู้ป่วยส่งแพทย์/ส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาไกลคลาไซด์ด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ไกลคลาไซด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาไกลคลาไซด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาไกลคลาไซด์ ร่วมกับยาบางกลุ่มจะส่งผลให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำติดตามมา ยา กลุ่มดังกล่าว เช่นยา Insulin, Biguanides, Sulfonamides, Clofibrate, Salicylates, Coumarin, Chloramphenicol, ยาในกลุ่ม MAOIs, Beta-blockers, Cimetidine, ACE inhibitors, Fluconazole, Miconazole, และยากลุ่ม NSAIDs หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- การใช้ยาไกลคลาไซด์ ร่วมกับยาบางกลุ่ม เช่นยา Barbiturates, Chlorpromazine/ยาจิตเวช, Danazol (ยารักษาโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่), Glucocorticoids, Progestogens, Salbutamol, Terbutaline (ยาขยายหลอดลม), ยาขับปัสสาวะจำพวกThiazide และยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีส่วนประ กอบของเอสโตรเจน (Estrogen) สามารถทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดผิดปกติ หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- ห้ามรับประทานยาไกลคลาไซด์กับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วยจะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ควรเก็บรักษาไกลคลาไซด์อย่างไร?
ควรเก็บยาไกลคลาไซด์:
- เก็บยาในช่วงอุณหภูมิ 15 - 30 องศาเซลเซียส (Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ไม่เก็บยาไว้ในห้องน้ำหรือในรถยนต์
ไกลคลาไซด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาไกลคลาไซด์ มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Beclazide MR (เบคลาไซด์) | Berlin Pharm |
Cadicon (คาดิคอน) | Central Poly Trading |
Clazide (คลาไซด์) | Pharmahof |
Diabeside (ไดอะบีไซด์) | Chew Brothers |
Diacose (ไดอะคอส) | T.Man Pharma |
Dicron 80 (ไดครอน 80) | T P Drug |
Diglucron (ไดกลูครอน) | Community Pharm PCL |
Diamicron (ไดอะไมครอน) | Servier |
Diatica (ไดอะติกา) | Unique |
Dicaron (ไดคารอน) | Suphong Bhaesaj |
Dimetus (ไดมีตัส) | Charoon Bhesaj |
Gliclabit (ไกลคลาบิท) | Polipharm |
Gliclazide Medicpharma (ไกลคลาไซด์ เมดิกฟาร์มา) | Medicpharma |
Glycinorm-80 (ไกลซินอร์ม-80) | Ipca |
Glucid (กลูซิด) | Utopion |
Glucocron (กลูโคครอน) | Farmaline |
Glizid-M (ไกลซิด-เอ็ม) | Panacea Biotec |
Gluconox (กลูโคนอกซ์) | Charoen Bhaesaj Lab |
Glycon/Glycon MR (ไกลคอน/ไกลคอน เอ็มอาร์) | Siam Bheasach |
Medoclazide (เมโดคลาไซด์) | Medochemie |
Ranclazide MR (แรนคลาไซด์ เอ็มอาร์) | Daiichi Sankyo |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Gliclazide [2021,July31]
- https://www.mims.com/philippines/drug/info/gliclazide?mtype=generic [2021,July31]
- https://www.mims.com/philippines/drug/info/diamicron%20mr%2060%20mg?type=full [2021,July31]
- https://www.mims.co.uk/drugs/diabetes/oral-and-parenteral-hypoglycaemics/gliclazide [2021,July31]
- https://www.medicinenet.com/gliclazide-oral_tablet/article.htm [2021,July31]
- https://www.mims.com/Thailand/drug/search/?q=gliclazide [2021,July31]