โรคไขกระดูก หรือ โรคของไขกระดูก(Bone marrow disease)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 1 มิถุนายน 2564
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- โรคไขกระดูกมีกี่ชนิด?
- โรคไขกระดูกมีสาเหตุจากอะไร?
- โรคไขกระดูกมีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยโรคไขกระดูกได้อย่างไร?
- รักษาโรคไขกระดูกอย่างไร?
- โรคไขกระดูกก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
- โรคไขกระดูกรุนแรงไหม?มีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร? พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันโรคไขกระดูกได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ไขกระดูก (Bone marrow)
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)
- โลหิตจาง เลือดจาง ซีด (Anemia)
- โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
- มัลติเพิลมัยอีโลมา มะเร็งเอ็มเอ็ม (MM: Multiple myeloma)
- ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia)
- เลือดหนืด หรือ ภาวะเม็ดเลือดแดงมากปฐมภูมิ (Polycythemia vera)
- ไขกระดูกเป็นพังผืด (Myelofibrosis)
- โลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia)
- โคโลนีสติมิวเลตทิงแฟกเตอร์ (Colony Stimulating Factor)
- การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือด การปลูกถ่ายไขกระดูกในโรคมะเร็ง (Peripheral blood stem cell and bone marrow transplantation in cancer)
- โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ (Aplastic anemia)
- น้ำหนักลดผิดปกติ (Unintentional weight loss)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
โรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูก(Bone marrow disease)คือ โรคที่เกิดจาก ความผิดปกติของไขกระดูกซึ่งเป็นอวัยวะผลิตเม็ดเลือดทุกชนิด(เม็ดเลือดแดง, เม็ดเลือดขาว, และเกล็ดเลือด)ที่รวมไปถึงเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในไขกระดูก ซึ่งความผิดปกตินี้ อาจเกิดจากเซลล์/เนื้อเยื่อทุกชนิดของไขกระดูกร่วมกัน หรือเกิดเฉพาะกับเซลล์/เนื้อเยื่อชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้ ทั่วไปอาการพบบ่อยของโรคไขกระดูกคือ อ่อนเพลียง่าย และภาวะซีดซึ่งอาจเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
โรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูก พบบ่อยทั่วโลก มีหลากหลายชนิดย่อย บางชนิดขึ้นกับเชื้อชาติ บางชนิดไม่ขึ้นกับเชื้อชาติ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาถึงสถิติเกิดในภาพรวมของโรคไขกระดูกทุกชนิดย่อย เพราะทั่วไปจะเป็นการศึกษาสถิติเกิดแยกเฉพาะของแต่ละโรคย่อยๆ
โรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูก พบทุกอายุตั้งแต่ทารกในครรภ์จนถึงผู้สูงอายุ พบทั้งเพศหญิงและเพศชายในอัตราที่อาจต่างกันได้ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ
อนึ่ง ชื่ออื่นของโรคไขกระดูก คือ Bone marrow disorder, Bone marrow cancer, Benign bone marrow disease
โรคไขกระดูกมีกี่ชนิด?
ชนิดโรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูก แบ่งได้หลายรูปแบบ ได้แก่
ก. แบ่งตามสาเหตุเกิด: แบ่งได้เป็น2ชนิดย่อย คือ
- ชนิดเกิดจากความความผิดปกติทางพันธุกรรมที่มักเป็นพันธุกรรมถ่ายทอดได้ในครอบครัว เช่น โรคธาลัสซีเมีย
- ชนิดเกิดเองในภายหลังจากสาเหตุอื่นๆที่ไม่ใช่พันธุกรรม เช่น ไขกระดูกขาดสารอาหาร เช่น
- โลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่มคลอแรมเฟนิคอล
ข. แบ่งตามความรุนแรงของโรค: แบ่งได้เป็น 2 ชนิดย่อย คือ
- ชนิดไม่ใช่มะเร็ง: เช่น ภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก, โรคธาลัสซีเมีย
- ชนิดเป็นมะเร็ง: เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว, มะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมา, โรคเลือดหนืด
ค. แบ่งตามระยะเวลาที่เกิดอาการ: แบ่งได้เป็น 2 ชนิดย่อยคือ
- ชนิดเฉียบพลัน: คือ อาการโรคจะเกิดรวดเร็วในระยะเวลาเป็นวันหรือสัปดาห์ ทั่วไปมักเป็นอาการรุนแรง เช่น
- จากผลข้างเคียงของยา เช่น ยาปฏิชีวนะ (เช่นจากยา ลีโวฟลอกซาซิน, แดพโซน) , ยากลุ่มเอนเสด
- ไขกระดูกติดเชื้อ เช่น ในภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (มะเร็งเม็ดเลือดขาวเอแอลแอล)
- ชนิดเรื้อรัง: คือ อาการโรคค่อยๆเกิด แต่จะเกิดต่อเนื่อง ระยะแรกมักอาการน้อย หรือไม่ค่อยมีอาการ แต่อาการจะค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดอาจเปลี่ยนไปเป็นชนิดเฉียบพลันได้ เช่น
- โรคติดเชื้อเรื้อรัง เช่น ไขจับสั่นชนิดที่มีเชื้อในไขกระดูก
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (มะเร็งเม็ดเลือดขาวซีเอ็มแอล)
โรคไขกระดูกมีสาเหตุจากอะไร?
โรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูกทุกชนิด มีหลากหลายสาเหตุ เช่น
- ความผิดปกติทางพันธุกรรมชนิดถ่ายทอดได้ เช่น โรคธาลัสซีเมีย, โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว, โรคเลือดจางแฟนโคนิ
- ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเซลล์ไขกระดูกทุกชนิดได้ ส่งผลให้เกิดโรคซีดรุนแรงร่วมกับร่างกายติดเชื้อได้ง่าย เช่น โรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ
- ไขกระดูกขาดสารอาหารสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดงที่ส่งผลให้เกิดโรคซีด เช่น ภาวะโลหิตจางจากขาดธาตูเหล็ก, ภาวะขาดโฟเลท, ภาวะขาดวิตามินบี12, ภาวะขาดวิตามินซี (โรคลักปิดลักเปิด)
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
- โรคติดเชื้อไวรัสของร่างกายที่ส่งผลให้ไขกระดูกสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวได้น้อยลง ส่งผลให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น โรคเอชไอวี, โรคติดเชื้ออีบีวี
- ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไชต์(Lymphocyte)สูงมากจากสาเหตุที่แพทย์ไม่ทราบแน่ชัด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- ไขกระดูกมีความผิดปกติสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดพลาสมาเซลล์สูงผิดปกติ เช่น มะเร็งมัลติเพิลมัยอีโลมา
- ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงสูงมากกว่าปกติ โดยสาเหตุอาจจากความผิดปกติทางพันธุกรรมชนิดไม่ถ่ายทอด หรือที่เกิดขึ้นเองจากสาเหตุอื่นๆ เช่น โรคเลือดหนืด
- ไขกระดูกสร้างเกล็ดเลือดมากกว่าปกติจากสาเหตุต่างๆทั้งที่แพทย์หาสาเหตุพบ และบ่อยครั้งหาสาเหตุไม่ได้ เช่น ภาวะเกล็ดเลือดมาก
- เซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดเซลล์พังผืดเจริญมากผิดปกติจนกดการสร้างเม็ดเลือดปกติ เช่น โรคไขกระดูกเป็นพังผืด
- มะเร็งของอวัยวะอื่นๆแพร่กระจายทางกระแสเลือดเข้าไขกระดูก(มะเร็งระยะ4) เช่น จากมะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
- ยาที่ทำให้เม็ดเลือดขาวมากขึ้น เช่น ยาลิเทียม, ยาโคโลนีสติมิวเลตทิงแฟกเตอร์
- ยาที่ทำให้เม็ดเลือดทุกชนิดต่ำลง โดยเฉพาะ เม็ดเลือดขาว เช่น ยาเคมีบำบัด
***แนะนำอ่านรายละเอียดที่รวมถึงสาเหตุของโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุได้จากเว็บ haamor.com***
โรคไขกระดูกมีอาการอย่างไร?
อาการของโรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูกทุกชนิด คือ อาการทั่วไป, และอาการจากโรคที่เป็นสาเหตุ
ก. อาการทั่วไป: ที่คล้ายกันในแต่ละผู้ป่วย ไม่ว่ากลไกการเกิดโรคจะเกิดจากสาเหตุใดเพราะในที่สุดผลลัพธ์จะเหมือนกัน เช่น สาเหตุจากเซลล์ตัวอ่อนของไขกระดูกไม่เจริญหรือเจริญเกินปกติ, เซลล์ตัวแก่ชนิดใดชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดไม่เจริญหรือเจริญผิดปกติ, หรือเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพันเจริญผิดปกติ, เพราะภาวะ/โรคผิดปกติต่างๆดังกล่าวในที่สุดจะส่งผลให้เซลล์ปกติของไขกระดูก(เม็ดเลือดแดง, เม็ดเลือดขาว, และเกล็ดเลือด)มีปริมาณลดลงมากจนเกิดเป็นอาการทั่วๆไปของโรคกลุ่มนี้ ซึ่งอาการเหล่านั้น เช่น
- โรคซีด/ ภาวะซีด จากเม็ดเลือดแดงปกติมีปริมาณน้อยลงมาก
- ติดเชื้อได้ง่ายจากภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำจากปริมาณเม็ดเลือดขาวปกติน้อยลงมาก
- เลือดออกตามอวัยวะต่างๆได้ง่าย และเมื่อออกแล้วจะหยุดยาก เพราะปริมาณเกล็ดเลือดน้อยลงมาก
- มีไข้เป็นๆหายๆ มีได้ทั้งไข้ต่ำ หรือ ไข้สูง
- มีจำห้อเลือดหรือจุดเลือดออกตามผิวหนังได้ทั่วตัว โดยเฉพาะตำแหน่งที่ถูกกระแทกได้บ่อย
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย อ่อนล้า
- เบื่ออาหาร
- บางคนผอมลง/น้ำหนักลดผิดปกติ
- ตับม้ามโต จากเซลล์/เนื้อเยื่อ ตับ ม้าม ต้องทำหน้าที่ช่วยผลิตเม็ดเลือดชดเชยแทนไขกระดูกให้พอต่อการใช่งานของร่างกาย
ข. อาการจากสาเหตุ: ซึ่งจะต่างกันในแต่ละผู้ป่วยตามแต่ละสาเหตุ ซึ่งอาการต่างๆ เช่น
- ต่อมน้ำเหลืองบวมโต ทั่วร่างกาย หรือในบางตำแหน่ง กรณีสาเหตุเกิดจากมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง, มะเร็งเต้านม, มะเร็งปอด
- ตับโต, ม้ามโต หรือ ทั้งตับม้ามโต จากมะเร็งแพร่กระจายเข้าตับ และ/หรือม้าม
- ปวดกระดูกได้ทั่วตัวโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
- เหงื่ออกกลางคืน ที่เป็นเหงื่อออกจนชุ่มทั้งที่ไม่มีไข้
- อาจมีก้อนเนื้อผิดปกติตามอวัยวะต่างๆ
***แนะนำอ่านรายละเอียดที่รวมถึงอาการของโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุได้จากเว็บ haamor.com***
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการผิดปกติต่างๆดังกล่าวใน’หัวข้อ อาการฯ’ ควรรีบมาโรงพยาบาล ไม่ควรรอดูแลตนเองที่บ้าน
แพทย์วินิจฉัยโรคไขกระดูกได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูกได้จาก
- การซักถามประวัติอาการ ที่สำคัญ เช่น ซีด เลือดออกง่าย มีจำห้อเลือดบ่อยและเกิดหลายแห่งในร่างกาย อ่อนเพลีย, ประวัติโรคเลือดในครอบครัว, ประวัติโรคมะเร็งและวิธีรักษา, การใช้ยาต่างๆ
- การตรวจร่างกาย ที่รวมถึงการตรวจดูผื่น หรือจำห้อเลือด หรือจุดเลือดออกตามผิวหนัง, การตรวจคลำต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย, การตรวจคลำช่องท้อง/ตรวจคลำตับและม้าม
- การตรวจสัญญาณชีพ
- ตรวจเลือดดู
- ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด/ซีบีซี/CBC และความผิดปกติของจำนวนเม็ดเลือด, เกล็ดเลือด รวมถึงรูปร่างเม็ดเลือดที่ผิดปกติ
- ค่าการทำงานของ ตับ ไต
- การตรวจปัสสาวะ ดูโปรตีน และดูเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ
- ตรวจภาพอวัยวะต่างๆที่มีอาการ เช่น เอกซเรย์ปอด, อัตราซาวด์ และ/หรือ ซีทีสแกนภาพตับ ม้าม
- ตรวจไขกระดูกด้วยการตรวจทางเซลล์วิทยา หรือ การตรวจทางพยาธิวิทยา ที่เป็นการวินิจฉัยโรคไขกระดูกได้แม่นยำที่สุด
รักษาโรคไขกระดูกอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูก ได้แก่ การรักษาภาวะไขกระดูกล้มเหลว(โรคซีด, ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ร่วมกับการรักษาภาวะติดเชื้อ), การรักษาสาเหตุ, และการรักษาประคับประคองตามอาการ/การรักษาตามอาการ
ก. รักษาภาวะไขกระดูกล้มเหลว: เช่น การใช้ยากระตุ้นการทำงานของไขกระดูก เช่น ฮอร์โมนบางชนิด, ฉีดยาจีซีเอสเอฟ, หรือ การปลูกถ่ายไขกระดูก (การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือดและไขกระดูก)
ข. รักษาสาเหตุ: ซึ่งจะต่างกันในแต่ละผู้ป่วยตามแต่ละสาเหตุ (***แนะนำอ่านรายละเอียดที่รวมถึงสาเหตุของโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุได้จากเว็บ haamor.com)
ค. การรักษาตามอาการ: เช่น
- ให้เลือด, ให้เกล็ดเลือด, ให้เม็ดเลือดแดง, ทางหลอดเลือดดำ ตามอาการผู้ป่วย
- ให้ยาลดไข้, ยาแก้ปวด
- ให้สารน้ำ/สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
โรคไขกระดูกก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากโรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูกที่พบบ่อยได้แก่
- โรคซีดจากร่างกายมีเม็ดเลือดแดงต่ำ
- ร่างกายติดเชื้อต่างๆได้ง่าย/ มีไข้บ่อยจากร่างกายมีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
- มีเลือดออกง่ายและเมื่อเลือดออกแล้วหยุดช้า จากมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
โรคไขกระดูกรุนแรงไหม?มีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
ความรุนแรง /การพยากรณ์โรค ของโรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูกขึ้นกับ ความรุนแรงของอาการ, สาเหตุ, ความเสียหายของไขกระดูก, อายุและโรคประจำตัวของผู้ป่วย ซึ่ง
- บางโรค บางสาเหตุการพยากรณ์โรคดี รักษาได้หาย และไม่เป็นสาเหตุให้ถึงตาย เช่น ภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก, ภาวะขาดโฟเลท เป็นต้น
- บางโรครักษาไม่หาย แต่อาการไม่มาก ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ เช่น โรคธาลัสซีเมียชนิดผู้ป่วยเป็นพาหะโรค
- บางโรคอาการรุนแรง อาจเป็นสาเหตุของการตายได้ เช่น สาเหตุจากโรคมะเร็ง
ดังนั้น การพยากรณ์โรคของผู้ป่วยโรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูก จึงแตกต่างกันในแต่ละผู้ป่วย แพทย์ผู้รักษาผู้ป่วยเท่านั้นที่จะให้การพยากรณ์โรคกับผู้ป่วยได้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายๆไป
***แนะนำอ่านรายละเอียดที่รวมถึงการพยากรณ์โรคของโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุได้จากเว็บ haamor.com***
ดูแลตนเองอย่างไร? พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองที่บ้านเมื่อเป็นโรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูก ได้แก่
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำอย่างเคร่งครัด
- กินยา/ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่หยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวันเพื่อช่วยบำรุงไขกระดูก
- ออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพทุกวัน
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ)เพื่อลดโอกาสติดเชื้อเพราะโรคนี้มีผลให้ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายต่ำ
- ไม่ซื้อยาใช้เองที่รวมถึงสมุนไพร อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เมื่อจะซื้อใช้เองต้องปรึกษาแพทย์/เภสัชกรก่อนเสมอโดยแจ้งว่าตนเองเป็นโรคไขกระดูก/โรคเลือด
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการต่างๆแย่ลง หรือมีอาการใหม่ๆที่ไม่เคยมีมาก่อน
- มีไข้ โดยเฉพาะมีไข้ร่วมกับท้องเสีย
- มีผลข้างเคียงอย่างต่อเนื่องจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ท้องผูกหรือท้องเสีย
- กังวลในอาการ
ป้องกันโรคไขกระดูกได้อย่างไร?
โรคไขกระดูก/โรคของไขกระดูกเป็นโรคป้องกันไม่ได้เต็มร้อยเพราะหลายสาเหตุป้องกันได้ยาก เช่น สาเหตุทางพันธุกรรม, สาเหตุจากมะเร็ง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม บางสาเหตุก็มีแนวทางที่จะป้องกัน/ลดอัตราเกิดลงได้ โดยการป้องกัน เช่น
- เมื่อเป็นโรคทางพันธุกรรม ก่อนแต่งงาน โดยเฉพาะเมื่อวางแผนจะมีบุตรควรต้องปรึกษาดพทย์ถึงอัตราเสี่ยงของโรคนี้ที่จะเกิดกับบุตร
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)
- กินยา/ใช้ยาแต่ที่จำเป็น เมื่อจะซื้อยาใช้เองต้องปรึกษาเภสัชกรถึงผลข้างเคียงของยานั้นๆเสมอ
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวันป้องกันไขกระดูกขาดสารอาหาร
- ตรวจสุขภาพประจำปีกับแพทย์สม่ำเสมอร่วมกับการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด/ซีบีซี/CBC
บรรณานุกรม
- https://medlineplus.gov/bonemarrowdiseases.html [2021,May29]
- https://www.healthline.com/health/cancer/bone-marrow-cancer [2021,May29]
- https://labtestsonline.org/conditions/bone-marrow-disorders [2021,May29]
- https://aamac.ca/wp-content/uploads/2012/09/2012_Bone_Marrow_Disorders_Wells.pdf [2021,May29]