เมารถ เมาเรือ (Motion sickness)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?

เมารถ เมาเรือ เมาคลื่น เมาเครื่องบิน เมาเครื่องเล่นในสวนสนุก เมาการเดินทางทุกรูป แบบ (Motion sickness หรือ Kinetosis หรือ Sea sickness หรือ Space sickness หรือ Travel sickness) คือ กลุ่มอาการ/อาการที่เกิดกับบางคนในระหว่างการเดินทางหรือการเคลื่อนที่โดยพาหนะที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนที่โดยตรงที่เรียกว่าเป็น Passive movement เช่น เป็นผู้โดย สารในพาหนะต่างๆ (แต่ไม่ค่อยเกิดขึ้นเมื่อเราเป็นผู้ขับพาหนะนั้นๆ หรือจากการเคลื่อนที่ที่เกิดด้วยตัวเราเองที่เรียกว่าเป็น Active movement เช่น เดิน วิง ว่ายน้ำ) หรือเกิดจากการมองดูสิ่งต่างๆ/ภาพเคลื่อนไหวที่อยู่ใกล้ลูกตาหรือที่แกว่งไปมา เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์ หรือดูภาพยนต์ที่จออยู่ใกล้ลูกตามาก หรือการหมุนรอบตัวโดยเร็ว

อนึ่ง:

  • ในบทความนี้ขอเรียกกลุ่มอาการเมาลักษณะที่เกิดจากสาเหตุดังกล่าวเหล่านี้ว่า“เมารถ เมาเรือ”
  • อาการหลักของเมารถเมาเรือ คือ คลื่นไส้ วิงเวียน รู้สึกไม่สุขสบาย และอาจมีอาเจียน

เมารถ เมาเรือ จะเกิดได้สูงขึ้นเมื่อเป็นการเคลื่อนที่แบบหมุนรอบตัว หมุนกลับไปกลับมา หรือการเคลื่อนที่ขึ้นลงในแนวดิ่ง แต่เมื่อเป็นการเคลื่อนที่ในแนวราบ/แนวนอนจะพบกลุ่ม อาการนี้ได้น้อยลง และการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วก็เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดกลุ่มอาการนี้ได้สูงกว่าการเคลื่อนที่มีความเร็วต่ำ

เมารถ เมาเรือ เป็นกลุ่มอาการพบได้บ่อยอาจถึง 100% กรณีโดยสารเรือที่คลื่นลมรุนแรง ทั่วไปมีรายงานพบได้ 3-60% ของประชากร(สถิติแตกต่างกันในแต่ละการศึกษา) พบทุกเพศทุกวัย แต่พบในเพศหญิงบ่อยกว่าเพศชาย พบบ่อยสุดในวัยเด็กช่วงอายุ 3-12 ปี ไม่ค่อยพบในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี หรือในผู้สูงอายุ และมีรายงานพบในคนเชื้อชาติเอเชียสูงกว่าคนเชื้อชาติตะวันตก

เมารถเมาเรือเกิดได้อย่างไร?

เมารถ เมาเรือ

กลไกการเกิดเมารถเมาเรือที่แน่ชัดยังไม่ทราบ แต่จากการศึกษาเชื่อว่าเกิดจากระบบควบคุมการทรงตัวของร่างกายทำงานขาดสมดุล จึงส่งผลให้สมองตอบรับเป็นกลุ่มอาการผิด ปกติที่เรียกว่า “เมารถ เมาเรือ”

ระบบของร่างกายที่ควบคุมการทรงตัวของร่างกายประกอบด้วย 3 ระบบหลักคือ

  • ระบบการเคลื่อนไหวของลูกตาและการเห็นภาพ (Visual system)
  • ระบบการเคลื่อนไหวของของเหลวที่อยู่ในหูชั้นในและประสาทหูชั้นในที่เรียกว่า Vestibular system
  • และระบบการเคลื่อนไหวการทำงานของข้อต่อต่างๆ กล้ามเนื้อลาย และเอ็นต่างๆที่เรียกว่า Proprioceptive system

ทั้งนี้ในการเมารถเมาเรือระบบหลักที่เกี่ยวข้องคือ ระบบการเห็นภาพและการเคลื่อนไหวของลูกตากับระบบการเคลื่อนไหวของของเหลวในหูชั้นในและประสาทหูชั้นในที่ไม่สมดุลกันจนทำให้สมองได้รับสัญญาณที่สับสน ไม่สอดคล้องกันจากทั้ง 2 ระบบ จึงส่งผลกระตุ้นให้เกิดกลุ่มอาการเมารถเมาเรือ เช่น ในการนั่งรถ ตาส่งสัญญาณไปยังสมองว่าร่างกายเคลื่อนไหวเพราะมอง เห็นภาพรอบตัว/รอบรถเคลื่อนไหว ในขณะที่หู/ของเหลวในหูชั้นในส่งสัญญาณว่าร่างกายอยู่กับที่ เป็นต้น

อะไรเป็นปัจจัย/สาเหตุให้เกิดเมารถเมาเรือ?

ปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้การเกิดเมารถเมาเรือ ได้แก่

  • การเคลื่อนไหวแบบตัวอยู่กับที่แต่สิ่งแวดล้อมมีการเคลื่อนไหวเช่น การนั่งรถ การโดย สารเครื่องบิน
  • การดูภาพเคลื่อนไหวที่ใกล้ลูกตาเช่น ดูภาพยนต์ที่จออยู่ใกล้ลูกตามาก
  • ความเร็วสูงของการเคลื่อนที่ของสิ่งแวดล้อมเช่น ขับรถเร็วมาก
  • มีการแกว่ง คดเคี้ยว หรือการเคลื่อนที่ที่รุนแรงเช่น คลื่นลมรุนแรงในการนั่งเรือ
  • การเคลื่อนที่ที่เป็นแนวขึ้นลงหรือแนวตั้ง หรือแกว่ง หรือหมุน
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเดินทางหรือระหว่างเดินทาง
  • สูบบุหรี่ระหว่างเดินทาง
  • การกินอาหารหนักโดยเฉพาะอาหารไขมัน/อาหารเลี่ยน อาหารย่อยยากก่อน/ระหว่างเดินทาง
  • ท้องว่างก่อนเดินทาง
  • ในพาหนะโดยสารมีการถ่ายเทอากาศไม่ดี มีกลิ่นไม่ดีที่รวมถึงกลิ่นควันต่างๆเช่น ควันเครื่องยนต์ ควันบุหรี่
  • การนั่งในตำแหน่งด้านหลังของพาหนะโดยเฉพาะตำแหน่งที่มองไม่เห็นภาพภายนอก

ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดเมารถเมาเรือ?

ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดเมารถเมาเรือ ได้แก่

1. อายุช่วงวัย 3 ปี - 12 ปี

2. เพศหญิงโดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ มีประจำเดือน หรือกินยาในกลุ่มฮอร์โมนเพศ (เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด)

3. พักผ่อนไม่เพียงพอก่อนเดินทาง

4. มีภาวะขาดน้ำ

5. มีความเครียด กลัว กังวลมาก

6. เคยมีอาการเมารถเมาเรือมาก่อน

7. เป็นโรคไมเกรน

8. กินยาบางชนิด เช่น ยาฮอร์โมนเพศ (เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด)

เมารถเมาเรือมีอาการอย่างไร?

อาการเมารถเมาเรือ ได้แก่

ก. อาการหลัก ได้แก่

  • คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง
  • วิงเวียน
  • รู้สึกไม่สุขสบาย
  • อาจมีอาเจียน

ข. อาการอื่นๆที่พบร่วมด้วย โดยไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอาการ เช่น

  • ผิวหนังซีด
  • ตัวเย็น
  • เหงื่อออกมาก
  • น้ำลายเพิ่มมากผิดปกติ
  • อาจมีหายใจเร็ว หายใจตื้นๆ
  • หาวเพิ่มขึ้น
  • ง่วงซึม
  • สับสน
  • อ่อนเพลีย

อนึ่ง อาการจากเมารถเมาเรือมักเกิดหลังการเดินทางประมาณ 10 - 30 นาที แต่ในบางคนอาการอาจเกิดได้ตั้งแต่พาหนะเริ่มขับเคลื่อน และอาการต่างๆจะค่อยๆดีขึ้นหลังจากออกจากพาหนะภายใน 2 – 3 ชั่วโมง แต่ในกรณีอาการเมารถเมาเรือรุนแรง อาการอาจกลับเป็นปกติประ มาณ 1 วันหลังออกจากพาหนะ

ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?

โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์จากเมารถเมาเรือเพราะอาการมักหายได้เองหลังจากออกจากยานพาหนะ และด้วยการดูแลตนเองตามอาการภายในประมาณ 2 - 3 ชั่วโมงถึง 1 วันเป็นอย่างช้า อย่างไรก็ตามถ้าอาการไม่ดีขึ้นหลัง 1 วัน หรืออาการเลวลงหลังจากออกจาก ยานพาหะ ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพราะอาการอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้ เช่น การติดเชื้อไวรัสในหูชั้นใน

แพทย์วินิจฉัยเมารถเมาเรือได้อย่างไร?

โดยทั่วไปแพทย์วินิจฉัยเมารถเมาเรือได้จาก

  • ประวัติอาการของผู้ป่วย ประวัติการเดินทาง
  • และการตรวจร่างกาย ทั้งนี้ไม่ต้องมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม ยกเว้นแพทย์สงสัยว่าอาการอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น โรคหินปูนในหู (อ่านเพิ่มเติมเรื่องโรคนี้ได้ในเว็บ haamor.com), หรือ หูชั้นในอักเสบจากโรคติดเชื้อไวรัส

รักษาอาการเมารถเมาเรือได้อย่างไร?

การรักษาอาการเมารถเมาเรือคือ การรักษาตามอาการ และการให้ยาแก้เมารถฯ

ก. การรักษาตามอาการ: เช่น

  • พักผ่อนให้เต็มที่
  • ดื่มน้ำเปล่าสะอาดมากๆ ไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ เช่น 8 - 10 แก้วต่อวันถ้าไม่มีโรคที่ต้องจำกัดน้ำดื่ม
  • กินอาหารอ่อน (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ประเภทอาหารทางการแพทย์)
  • อาจดื่มน้ำขิง
  • หลีกเลี่ยงอาหารไขมัน อาหารทอด
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • งดสูบบุหรี่
  • อยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี กลิ่นสะอาด และปลอดควันต่างๆ

ข. การใช้ยาแก้เมารถ: ยาส่วนใหญ่เป็นยาบรรเทาอาการ วิงเวียน, ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ที่มีหลายชนิดซึ่งมักทำให้เกิดอาการง่วงนอนร่วมด้วยเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยากิน ยกเว้นบางชนิดที่เป็นรูปแบบแปะผิวหนัง (เช่น ยา Scopolarmine) ส่วนยากิน เช่นยา Chlorpheniramine, Dimenhydrinate, Cetirizine, Promethazine, Cyclizine, Meclizine

เมารถเมาเรือมีผลข้างเคียงอย่างไร?

ผลข้างเคียงจากเมารถเมาเรือเป็นผลข้างเคียงเฉียบพลันและไม่ต่อเนื่องจนเกิดผลข้าง เคียงในระยาว ซึ่งผลข้างเคียงคือทำให้การเดินทางไม่สุขสบาย

เมารถเมาเรือมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

เมารถเมาเรือมีการพยากรณ์โรคที่ดี ทั่วไปอาการมักหายเป็นปกติในประมาณ 2 - 3 ชั่ว โมงหลังออกจากพาหนะและหลังจากการดูแลตนเอง นอกจากนั้น การเกิดเมารถเมาเรือจะเกิดน้อยลงเรื่อยๆตามอายุที่มากขึ้น

ดูแลตนเองอย่างไร?

การดูแลตนเองเมื่อเกิดอาการเมารถเมาเรือ ได้แก่

  • ถ้าเป็นไปได้ให้ออกจากพาหนะ
  • เปลี่ยนที่นั่งในพาหนะ มานั่งด้านหน้าที่มองเห็นภาพข้างทางได้ นั่งในตำแหน่งที่อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่อบอ้าว ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีควันบุหรี่
  • นั่งหน้าตรง ตัวตรง มองตรง
  • หายใจเข้าออกลึกๆ ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ไม่กลัว ไม่เครียด
  • ไม่อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ ใช้งานคอมพิวเตอร์ หรือดูทีวี ขณะอยู่ในพาหนะ
  • ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ไม่สูบบุหรี่
  • เตรียมถุงสำหรับใส่อาเจียนให้พร้อม
  • กินยาแก้เมารถ (อ่านเพิ่มเติมใน’หัวข้อ การรักษาฯ’)

อนึ่ง การดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดเมารถเมาเรือ อ่านเพิ่มเติมใน ‘ห้วข้อ การป้องกันฯ’

ป้องกันเมารถเมาเรืออย่างไร?

การป้องกันเมารถเมาเรือ คือ การเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่เลี่ยงได้ดังได้กล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ และ ‘หัวข้อ ใครมีปัจจัยเสี่ยงฯ’) ซึ่งที่สำคัญ ก่อนและระหว่างเดินทางควรดูแลตนเองดังนี้

  • ต้องพักผ่อนให้เพียงพอทั้งก่อนและระหว่างเดินทาง
  • ไม่อยู่ในภาวะขาดน้ำ
  • ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ไม่สูบบุหรี่
  • ไม่อด/งดอาหาร
  • ไม่กินอาหารหนัก อาหารไขมันสูง กินอาหารประเภทย่อยง่ายเช่น อาหารกลุ่ม คาร์โบไฮเดรต และอาหารที่รสไม่จัด
  • แต่งตัวที่หลวมสบาย ไม่รัดแน่น
  • เลือกนั่งด้านหน้าในพาหนะและนั่งหน้าตรงมองไปด้านหน้า ไม่อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ หรือใช้งานคอมพิวเตอร์
  • กินยาแก้เมารถล่วงหน้าก่อนการเดินทางประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เช่นยา Promethazine หรือ Dimenhydrinate

บรรณานุกรม

  1. Brainard, A., and Gresham, C. (2014). Am Fam Physician. 90, 41-46
  2. https://emedicine.medscape.com/article/2060606-overview#showall [2020, May9]
  3. https://wwwnc.cdc.gov/travel/yellowbook/2020/travel-by-air-land-sea/motion-sickness [2020, May9]
  4. https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-motion-sickness/basics/art-20056697 [2020, May9]
  5. https://www.uspharmacist.com/article/understanding-motion-sickness [2020, May9]
  6. https://en.wikipedia.org/wiki/Proprioceptio [2020, May9]
  7. https://en.wikipedia.org/wiki/Motion_sickness [2020, May9]