เบต้าโซลอล (Betaxolol)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 26 กรกฎาคม 2564
- Tweet
- บทนำ: คือยาอะไร?
- เบต้าโซลอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- เบต้าโซลอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- เบต้าโซลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- เบต้าโซลอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- เบต้าโซลอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้เบต้าโซลอลอย่างไร?
- เบต้าโซลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาเบต้าโซลอลอย่างไร?
- เบต้าโซลอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- เจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาการปวดเค้นหัวใจ (Angina Pectoris)
- ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- ต้อหินเรื้อรัง (Chronic glaucoma)
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
- โรคหัวใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด (Heart disease หรือ Cardiovascular disease)
- ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension)
- ความดันตาสูง(Ocular hypertension)
- ยาลดความดัน ยาลดความดันเลือดสูง ยาลดความดันโลหิตสูง (Antihypertensive drug)
บทนำ: คือยาอะไร?
ยาเบต้าโซลอล (Betaxolol) คือ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง และโรคต้อหิน ด้วยมีฤทธิ์ลดความดันลูกตาทำให้ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับเส้นประสาทของตา, จัดเป็นยาในกลุ่มซีเลคทีฟ เบต้า-1 รีเซพเตอร์ บล็อกเกอร์ (Selective beta-1 receptor blocker หรือ Beta blocker
รูปแบบยาเบต้าโซลอลที่เป็นยาแผนปัจจุบันในสถานพยาบาลจะมีทั้งยาชนิดรับประทานและยาหยอดตา
เมื่อยานี้ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ตัวยาจะเข้าจับกับพลาสมาโปรตีน 89% ตับจะคอยเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของยานี้ ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 14 - 22 ชั่วโมงในการกำจัดยา 50% ออกจากร่างกายโดยผ่านไปกับปัสสาวะ
คณะกรรมการอาหารและยาของไทยได้บรรจุยาเบต้าโซลอลลงในบัญชียาหลักแห่งชาติโดยระบุการใช้เพื่อรักษาโรคต้อหินและมีรูปแบบการใช้เป็นยาหยอดตา
ยาเบต้าโซลอลมีความเฉพาะเจาะจงต่อโรค การเลือกใช้ยาตัวนี้จะต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
เบต้าโซลอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยาเบต้าโซลอลมีสรรพคุณรักษาโรค/ข้อใช้:
- รักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Angina pectoris)
- รักษาโรคความดันโลหิตสูง
- รักษาโรคต้อหิน (Open-angle glaucoma)
- รักษาความดันตาสูง
เบต้าโซลอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาเบต้าโซลอลคือ ตัวยาจะออกฤทธิ์ปิดกั้นตัวรับ(Receptor)ที่มีชื่อว่า เบต้า รีเซพเตอร์ (Beta receptor) ที่อยู่ในเนื้อเยื่อต่างๆส่งผลให้หัวใจเต้นช้า และมีการบีบตัวลดลง นอกจากนี้ยังทำให้ความดันลูกตาลดต่ำจากลดการสร้างของเหลวภายในลูกตา
เบต้าโซลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาเบต้าโซลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 10 และ 20 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาหยอดตา ขนาดความแรง 2.5 และ 5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
เบต้าโซลอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาเบต้าโซลอลมีขนาดรับประทานสำหรับรักษาความดันโลหิตสูง: เช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 10 - 20 มิลลิกรัมวันละครั้ง หากจำเป็นแพทย์อาจเพิ่มขนาดรับประ ทานเป็น 40 มิลลิกรัม/วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายผู้ป่วย
- ผู้สูงอายุ: รับประทานที่ 5 - 10 มิลลิกรัม/วัน และแพทย์อาจมีการปรับขนาดรับประทาน ซึ่งขึ้นกับการตอบสนองของอาการผู้ป่วย
- เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก): ข้อมูลผลข้างเคียงจากการใช้ยานี้ในเด็กยังไม่มีการศึกษาที่ให้ผลชัดเจน การใช้ยานี้ในเด็กจึงขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
อนึ่ง:
- สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้
- การใช้ยานี้เป็นยาหยอดตาในโรคต้อหินต้องเป็นการสั่งการใช้ยาและขนาดยาจากแพทย์ผู้รักษาเท่านั้นซึ่งจะแตกต่างกันในแต่บุคคลเป็นกรณีไป
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาเบต้าโซลอล ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่น/หายใจติดขัด/หายใจลำบาก /หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเบต้าโซลอลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาเบต้าโซลอล สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
เบต้าโซลอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาเบต้าโซลอล สามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
ก. หากเป็นยาหยอดตา: อาจเกิดอาการ
- เจ็บตาเล็กน้อย
- รู้สึกคันตา
- ระคายเคืองตา
- ตากลัวแสง/ ตาไม่สู้แสง
ข. หากเป็นยาชนิดรับประทาน: อาจทำให้เกิดอาการ
- อ่อนเพลีย
- หมดแรง/ล้า
- ปวดหัว
- นอนไม่หลับ
- มือ - เท้าเย็น
- ระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
- หัวใจเต้นช้าโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
*อนึ่ง: อาการของผู้ที่ได้รับประทานยานี้เกินขนาดคือ
- มักมีอาการหัวใจเต้นช้านำมาก่อน และอาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวติดตามมา
- ความดันโลหิตต่ำ
- หลอดลมหดตัว/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
*ทั้งนี้ หากพบอาการดังกล่าว ควรรีบนำตัวผู้ป่วยส่งแพทย์/ส่งโรงพยาบาลทันที
มีข้อควรระวังการใช้เบต้าโซลอลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเบต้าโซลอล เช่น
- ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
- ห้ามใช้กับ
- ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า (Sinus bradycardia)
- ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกจากมีพยาธิสภาพของหัวใจ (Cardiogenic shock)
- ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว (Overt cardiac failure)
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์
- ระวังการใช้ยานี้กับ เด็ก และ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ระวังการใช้ยานี้ใน
- ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ
- ผู้ที่เป็นโรคหืด
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ป่วยโรคตับ
- โรคไต
- ผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ /ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
- ห้ามหยุดใช้ยานี้ทันที การหยุดใช้ยานี้แพทย์จะเป็นผู้ปรับลดขนาดการใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาเบต้าโซลอลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
เบต้าโซลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาเบต้าโซลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาเบต้าโซลอล ร่วมกับยา Reserpine อาจนำมาซึ่งผลข้างเคียงเรื่องความดันโลหิตต่ำ และหัวใจเต้นช้าติดตามมา หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยาเบต้าโซลอล ร่วมกับ ยาขยายหลอดลม เช่นยา Theophylline อาจส่งผลให้ฤทธิ์การรักษาของเบต้าโซลอลลดลง และทำให้ยา Theophylline ออกฤทธิ์ได้มากขึ้น ซึ่งจะพบอาการคลื่นไส้-อาเจียน นอนไม่หลับ ตัวสั่น และกระสับกระส่าย หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- การใช้ยาเบต้าโซลอล ร่วมกับยา Diltiazem (ยาลดความดันยาลดความดันเลือดสูง) อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงของยาเบต้าโซลอลติดตามมาได้มากขึ้น เช่น อ่อนแรง ปวดหัว เป็นลม บวมตามแขน – ขา น้ำหนักตัวเพิ่ม หายใจไม่สะดวก/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
- การใช้ยาเบต้าโซลอล ร่วมกับ ยาต้านเอชไอวี เช่นยา Atazanavir สามารถเพิ่มความเสี่ยงของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจมีอาการ วิงเวียน เป็นลม ร่วมด้วย จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
ควรเก็บรักษาเบต้าโซลอลอย่างไร?
ควรเก็บยาเบต้าโซลอล:
- เก็บยาภายในช่วงอุณหภูมิ 15 - 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/ แสงแดด ความร้อนและความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
เบต้าโซลอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาเบต้าโซลอล มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Betoptic (เบท็อปติก) | Alcon |
Betoptic S (เบท็อปติก เอส) | Alcon |
Kerlone (เคอร์โลน) | Sanofi Aventis |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Betaxolol [2021,July24]
- https://www.mims.com/malaysia/drug/info/betaxolol?mtype=generic [2021,July24]
- https://www.drugs.com/mtm/betaxolol.html [2021,July24]
- https://www.drugs.com/imprints/b-kerlone-20-14656.html [2021,July24]
- https://www.mims.com/Thailand/drug/info/Betoptic%20S/ [2021,July24]